เคยอยู่ในสิ่งแวดล้อมไม่ค่อยดี…
หรืออยู่ในสังคมที่คอยบั่นทอนกำลังใจ ในการบรรลุเป้าหมาย…
จนเราท้อ หมดกำลังใจ หมดแรงจะทำอะไรๆ…
เคยเป็นแบบนี้ไหมครับ?
.
.
ถ้าเพื่อนๆ เคยเป็นแบบนี้ หรือกำลังเป็นอยู่
วันนี้ผมจะมาแชร์ไอเดีย ที่จะช่วยแก้ปัญหานี้
ไอเดียนี้ คือ 1 ใน 7 Habits …
เป็นนิสัยแรก และผมคิดว่าสำคัญที่สุด
นั่นคือ “Be Proactive - เราเป็นผู้กำหนดชะตาชีวิตของตนเอง”
โดยไม่ปล่อยให้ไหลไปตามสภาพแวดล้อม สังคม อารมณ์ หรือ การกระทำของผู้อื่น
เพราะ "ทั้งความคิด ความรู้สึก การกระทำ" ของเรา... ถ้าเราไม่ยอม... ก็ไม่มีใครหน้าไหนเอามันไปจากเราได้!
-----------
ตัวอย่างที่ 1
วันนี้ตั้งใจจะมีความสุขทั้งวัน … ดันเจอ “รถปาดหน้า”
ปกติ: โกรธ โมโห… หงุดหงิดทั้งวัน สุดท้าย เสียงาน เสียการ … สุดท้ายชีวิตเราทั้งวันแย่ลง เพราะคนขับรถปาดหน้าเราแค่คันเดียว…
Proactive: “เลือกกำหนดความรู้สึกของตนเอง” เลือกที่จะไม่โกรธ… เพราะโกรธไม่มีอะไรดี รถคันที่ปาดหน้าไปนู่นแล้ว… โกรธไปคนนั้นมันก็ไม่รู้หรอก …. ชีวิตก็ดี มีความสุข ตามที่ตั้งใจไว้ตั้งแต่เช้า
เห็นไหมครับ เราเลือกที่จะไม่โกรธได้ด้วยตัวเอง...
----------
ตัวอย่างที่ 2
Oprah Winfrey - ถูกญาติพี่น้องข่มขืนตั้งแต่ 9 ขวบ… ท้องและสูญเสียลูกชายตอนอายุ 14
ถ้าเป็นคนปกติ คงท้อแท้ หมดหวัง ชีวิตฉันดวงไม่ดี เกิดมาแย่… อยู่ภายใต้ “อิทธิพลของสิ่งแวดล้อม”
แต่ Oprah เป็นคน "คิด" Proactive - “ฉันจะกำหนดชีวิตของฉันเอง - ฉันจะไม่ยอมให้ สภาพแวดล้อมที่ฉันเกิดมา บงการชีวิตชั้นไปทั้งชีวิต” สุดท้ายเธอเป็นผู้หญิงที่ทรงอิทธิพลมากสุดในโลกคนนึงในปัจจุบัน
---------
ตัวอย่างที่ 3
Stephen Hawking - เป็นโรคกล้ามเนื้ออ่อนแรง (ที่เราบริจาคจาก กิจกรรม Icebuket กันอยู่ตอนนี้) เมื่ออายุ 21 ปี… และหมอวินิจฉัยว่า มีโอกาสสูงที่จะเสียชีวิตในอีก 2 ปี
แต่ Stephen ไม่ยอมแพ้ต่อ โชคชะตา … "เลือก" ที่จะมีความสุขในการใช้ชีวิต และเดินหน้าศึกษาวิชาฟิสิกส์ที่เค้าชอบ… จนได้รับสมญานามว่าเป็นทายาทของไอสไตน์ แต่งหนังสือ A Brief History of time และปัจจุบันมีอายุถึง 70 ปี … (ยังมีชีวิตอยู่)
--------
ตัวอย่างที่ 4
เมื่อเราเดินหน้าหาเป้าหมาย
แต่มีคนบอกว่าทำไม่ได้หรอก คอยตัดกำลังใจ…
ถ้าเรายอมรับชะตากรรม ยอมตกเป็นเหยื่อ ของสิ่งแวดล้อม และอิทธิพลของผู้อื่น … อันนี้ไม่ proactive
แต่ถ้าเรา "รู้ และ เลือก" ได้ด้วยตนเอง รู้ว่าสิ่งนี้คือสิ่งที่ถูกต้อง และฉันเลือกของฉันเอง… แบบนี้คือ Proactive
-------
สรุป
ไม่ว่าเราจะอยู่ในสภาพแวดล้อมแบบไหน
สังคมจะเป็นยังไง เลวร้ายแค่ไหน...
ก็ไม่มีใครเป็นเจ้าของ "ความคิด ความรู้สึก และกระกระทำ" ของเราได้ ถ้าเราไม่ยอม!
ฝึกนิสัย Proactive - รู้และเลือก ได้ด้วยตัวเองกันนะครับ
อรุณสวัสดิ์ครับ
Un+ Chirdpong (อั๋น เชิดพงษ์)
同時也有10000部Youtube影片,追蹤數超過2,910的網紅コバにゃんチャンネル,也在其Youtube影片中提到,...
7 habits สรุป 在 Un+ Chirdpong: อั๋น เชิดพงษ์ iclass CEO Facebook 的最讚貼文
พวกเราทุกคนมีพลัง ที่จะเปลี่ยนโลกได้
คุณเชื่อไหม? พลังนั้นมีชื่อว่า พลังแห่งการ "เปลี่ยนความหมาย"
ใช้ยังไง ผมจะเล่าให้ฟังจากเรื่องจริง
เรื่องที่ 1
Steven Covey ผู้แต่งหนังสือ 7 Habits เล่าว่า เค้านั่งอยู่บนรถไฟ เห็นเด็ก 2 คนเล่นซนกัน รบกวนผูัโดยสารท่านอื่นๆ Steven เห็น ผู้ชายคนนึงนั่งก้มหน้าอยู่ เหมือนว่าน่าจะมากับเด็กๆ แต่ว่าไม่ได้ว่าเกล่าหรือตักเตือนเด็กๆ ทั้ง 2 คนแต่ประการใด
Steven ทนไม่ไหว เลยเดินไปหาผู้ชายคนนั้น บอก "คุณช่วยดูเด็กๆ ของคุณหน่อยได้ไหม เค้าไปรบกวนผู้โดยสารท่านอื่นๆ"
ผู้ชายคนนั้นเงยหน้าขึ้นมาแบบตกใจ แล้วบอกว่า "ขอโทษครับ ผมไม่ทันสังเกต พอดีแม่ของพวกเค้า เพิ่งเสียไปเมื่อ 2 ชม. ที่แล้ว
ข้อสังเกต: ความรู้สึกเราเปลี่ยนไป ความหมายของเรื่องนี้เปลี่ยนไปแล้ว ทั้งที่เป็นเหตุการณ์เดิม
เรื่องที่ 2
Wayne Dyer นักเขียนชื่อดัง เป็นเด็กกำพร้า .... เด็กกำพร้าส่วนใหญ่จะ"ตีความหมาย"ของชีวิตว่า พวกเค้าเป็นเด็กที่ไม่มีใครรัก พ่อแม่ไม่ต้องการ อยู่ต่อไปก็ไม่มีค่า
แต่ว่า Wayne Dyer ตีความหมายว่า เป็นเด็กกำพร้าสิดี จะได้ไม่ต้องมีผู้ใหญ่มาคอยว่า คอยบงการ จะได้มีอิสระได้เต็มที่
ข้อสังเกต: สภาพแวดล้อมเดียวกัน เมื่อความหมายเปลี่ยน ชีวิตและอนาคตก็เปลี่ยน
----------------------------------
เรื่องใกล้ตัว
ถ้าคนขับรถปาดหน้าเรา เราโมโห.... แต่ถ้าเรารู้ว่า (หรือตีความหมายว่า) เค้ามีคนท้องกำลังคลอดอยู่ในรถ เราจะยังโกรธเค้าอยู่ไหม?
ถ้าเพื่อนมาเตือนเราด้วยความหวังดี แต่เราตีความหมายว่าเค้าตั้งใจว่าเรา เค้าอิจฉาเรา เค้าใส่ร้ายเรา เราก็จะปิดหูไม่ได้รับความหวังดีนั้น
ถ้าเราอกหัก แล้วเราตีความหมายว่าชีวิตเราไม่มีค่าอีกแล้ว เค้าไม่เอาเราแล้ว กับการตีความหมายว่า ... ok ดีซะอีก แสดงว่าเรายังไม่ดีพอ งั้นเราต้องดีชึ้นไปอีก เพื่อจะได้คู่ครองที่ดีขึ้นไปอีก
สรุป
เหตุการณ์เดียวกัน ตีความหมายต่างกัน การตอบสนองต่อเหตุการณ์นั้นๆก็ต่างกัน
เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นแล้ว เราไปเปลี่ยนเหตุการณ์นั้นไม่ได้ แต่ว่าเรา "เปลี่ยนความหมาย" ให้มันได้ เปลี่ยนให้เข้าค้างเรา เปลี่ยนให้มันเป็นพลังในการเดินหน้าต่อไป
"แค่เปลี่ยนความหมาย โลกก็เปลี่ยน"
Cr: คุณบัณฑิต อึ้งรังษี course ปลุกพลังดั่งเทพ: สุดยอดสัมมนาที่ช่วยปลุกพลังไร้ขีดจำกัดในตัวคุณ