[News] Discovery Tour: Viking Age เรียนรู้ประวัติศาสตร์ไวกิ้งใน AC Valhalla เตรียมเปิดให้เล่น 19 ต.ค. นี้
.
Ubisoft ได้ประกาศว่า Discovery Tour: Viking Age ซึ่งเป็นประสบการณ์การเรียนรู้ที่จะให้ผู้เล่นได้ออกสำรวจและมีปฏิสัมพันธ์กับประวัติศาสตร์และวัฒนธรรมของโลกยุคไวกิ้งจะพร้อมให้เล่นในวันที่ 19 ตุลาคมนี้
.
โดย Discovery Tour: Viking Age จะเล่นได้ฟรีสำหรับทุกคนที่ซื้อ Assassin's Creed Valhalla ซึ่งจะเล่นได้บนแพลตฟอร์มเดียวกับที่คุณมีตัวเกมหลัก สำหรับเวอร์ชันแยกเดี่ยวบน PC ของ Discovery Tour: Viking Age จะสามารถซื้อได้ผ่านทาง Ubisoft Connect และบน Epic Games Store ในราคา 540 บาท และนี่จะถือเป็นครั้งแรกสำหรับแฟรนไชส์ Discovery Tour ที่ Viking Age จะมีขายแยกบน PlayStation®4, PlayStation®5, Xbox One และ Xbox Series S | X ในช่วงต้นปี 2565 ด้วย
.
หลังจาก Discovery Tour: Ancient Egypt และ Discovery Tour: Ancient Greece ที่ปล่อยให้เล่นกันไปแล้ว บทใหม่ของส่วนขยายเพื่อการศึกษาจาก Assassin's Creed จะมาให้รายละเอียดเกี่ยวกับยุคสมัยของไวกิ้ง และจะให้ผู้เล่นได้ค้นพบเกี่ยวกับประวัติศาสตร์และวัฒนธรรมของช่วงเวลานั้น ซึ่งได้มีการออกแบบขึ้นมาโดยความร่วมมืออย่างใกล้ชิดกับนักประวัติศาสตร์และนักโบราณคดี และนี่จะเป็นประสบการณ์การเรียนรู้ในเชิงปฏิสัมพันธ์ที่ปราศจากความรุนแรงอันจะให้คุณได้ดื่มด่ำไปกับยุคสมัยของไวกิ้งในประเทศนอร์เวย์และอังกฤษแห่งศตวรรษที่ 9
.
ผลงานชิ้นเอกครั้งใหม่ของซีรีส์นี้ ทีมพัฒนาจาก Ubisoft Montreal ได้เปลี่ยนแปลงรูปแบบเพื่อให้ประสบการณ์ทุกอย่างสนุกและเต็มไปด้วยสาระมากขึ้น Discovery Tour: Viking Age จะเน้นไปที่เนื้อหาและการบอกเล่าเรื่องราวอันเป็นหัวใจของประสบการณ์หลัก ผู้เล่นจะได้สวมบทบาทเป็นตัวละครไวกิ้งและแองโกล-แซกซอนในยุคนั้นและได้ใช้ชีวิตในเรื่องราวไม่ว่าจะใหญ่หรือเล็กเพียงใด ตลอดการเดินทางอันน่าจดจำของพวกเขานี่เอง ที่พวกเขาจะได้มีปฏิสัมพันธ์กับโลกรวมถึงผู้คนและพบกับรายละเอียดต่างๆ มากมายเกี่ยวกับยุคสมัยนั้น
.
นับตั้งแต่ช่วงเริ่มต้นมา ทีมงาน Discovery Tour ต่างก็ได้ร่วมมือกับพาร์ทเนอร์ในหลากหลายรูปแบบ ไม่ว่าจะแนวทางของประสบการณ์ที่ชวนให้เข้าไปอยู่ในโลกของ Discovery Tour, ความรู้จากผู้เชี่ยวชาญและนักประวัติศาสตร์ และการนำวัตถุโบราณจริง ๆ จากสิ่งที่พาร์ทเนอร์สะสมไว้ต่างก่อให้เกิดความร่วมมือและโครงการต่าง ๆ มากมาย พิพิธภัณฑ์ที่ร่วมมือกับเราและช่วยส่งมอบภาพเพื่อมาใช้ใน Discovery Tour: Viking Age นั้นประกอบไปด้วย:
.
- Hampshire Cultural Trust (HCT) คือพาร์ทเนอร์หลักของ Ubisoft สำหรับ Discovery Tour: Viking Age ในครั้งนี้ พวกเขาบริหารจัดการพิพิธภัณฑ์ 23 แห่งและงานแสดงศิลปะหลายครั้งไปทั่วแฮมป์ไชร์และดูแลรักษาวัตถุ 2.5 ล้นชิ้นที่มีส่วนเกี่ยวข้องกับมรดกทางวัฒนธรรมของแฮมป์ไชร์อันรุ่มรวยและมีความสำคัญในระดับสากล โดย Discovery Tour จะให้ผู้เล่นได้รับรู้ชีวิตปกติของผู้คนในบริเวณโดยรอบของวินเชสเตอร์ผ่านวัตถุโบราณหายากที่เลือกสรรมาแล้ว ที่ประกอบไปด้วย Winchester Reliquary ซึ่งเป็นวัตถุโบราณศักดิ์สิทธิ์เพียงชิ้นเดียวที่เหลือรอดในบริเตนจากยุคสมัยนั้น นอกเหนือจากความร่วมมือในครั้งนี้สำหรับ Discovery Tour: Viking Age แผนงานความร่วมมือระหว่าง Ubisoft กับ HCT ในครั้งนี้จะพลิกฟื้นประวัติศาสตร์กลับมาอีกครั้งในช่วงฤดูใบไม้ผลิปี 2565 ในวินเชสเตอร์ ผ่านประสบการณ์ด้านวัฒนธรรมที่ไม่เหมือนใครและให้คุณได้ดื่มด่ำ ซึ่งผสมผสานการเคลื่อนไหวจริง ๆ เข้ากับภาพฉายวิดีโอ, การเล่าเรื่องและวัตถุจากคลังสะสมขององค์กรดังกล่าว ซึ่งประสบการณ์ทั้งหมดจะได้รับการเสริมให้ดียิ่งขึ้นด้วยระบบทัวร์ในแบบ Augmented Reality ของวินเชสเตอร์ด้วยเรื่องราวในแบบฉบับของอัสแซสซินส์ ครีด วัลฮัลลาที่ผลิตโดย Sugar Creative หนึ่งในสตูดิโอสร้างสรรค์ชั้นนำของ UK
.
- The British Library คือห้องสมุดแห่งชาติประจำสหราชอาณาจักร เต็มไปด้วยของสะสมต่าง ๆ มากมายที่ประกอบไปด้วยวัตถุโบราณจากทุกยุคสมัยของทุกอารยธรรมที่มีการบันทึกเอาไว้ ความร่วมมือกับ British Library คือกุญแจสำคัญที่ทำให้ Ubisoft สามารถส่งมอบการเข้าถึงบรรดาคัมภีร์จากยุคกลางรวมถึงภาพวาดต่าง ๆ ที่เกี่ยวพันกับยุคไวกิ้งโดยตรงให้แก่ผู้เล่นได้
.
- The Réunion des Musées Nationaux - Grand Palais photo agency เป็นสถาบันการค้าและอุตสาหกรรมสาธารณะภายใต้การกำกับดูแลของกระทรวงวัฒนธรรมฝรั่งเศส สถาบันนี้มีหน้าที่อย่างเป็นทางการในการประชาสัมพันธ์ของสะสมในพิพิธภัณฑสถานแห่งชาติฝรั่งเศส ในแต่ละปีจะมีการถ่ายภาพ ณ สถานที่ดังกล่าวใหม่จำนวน 20,000 ภาพเพื่อขยายขอบเขตของสะสมของสถาบันออกไปอีกซึ่งสามารถรับชมได้แบบออนไลน์ พวกเขาเป็นพาร์ทเนอร์รายสำคัญนับตั้งแต่ดิสคัฟเวอรี ทัวร์ครั้งแรกเป็นต้นมา ของสะสมจำนวนมากมายมหาศาลของพวกเขาคือกุญแจสำคัญในการสนับสนุนให้ Ubisoft สร้างวัตถุโบราณต่าง ๆ ใน Discovery Tour: Viking Age ได้ ซึ่งผู้เล่นจะสามารถชมวัตถุต่าง ๆ เช่น Bayeux Tapestry หรือหมวก Sutton Hoo ได้ด้วย
.
- York Archaeological Trust เป็นผู้บริหารจัดการ Jorvik Viking Centre ในสหราชอาณาจักร ซึ่งเป็นผู้ดำเนินการด้านโบราณคดีวิทยาในการขุดค้น York's Coppergate เพื่อประโยชน์แก่ผู้เข้าชมทุกราย Discovery Tour จะช่วยให้ Ubisoft สามารถนำเสนอสิ่งที่ขุดค้นเหล่านี้ในรูปแบบสื่อชนิดใหม่ และช่วยเพิ่มรายละเอียดด้านยุคสมัยที่แท้จริงเข้ากับสภาพแวดล้อมที่น่าติดตามของดิสคัฟเวอรี ทัวร์และยังแสดงให้เห็นถึงความสำคัญของเมืองในยุคไวกิ้งในฐานะที่เป็นศูนย์กลางการค้า, ศาสนาและการเมือง
.
- The National Museum of Denmark, Nationalmuseet, ประกอบไปด้วยเครือข่ายพิพิธภัณฑ์ 20 แห่งทั่วประเทศพร้อมด้วยของสะสมต่าง ๆ ที่ไม่เหมือนใครซึ่งบอกเล่าประวัติศาสตร์ของชาวเดน การเพิ่มวัตถุโบราณจากคลังสะสมของพิพิธภัณฑสถานแห่งชาติเดนมาร์คช่วยเพิ่มความลึกซึ้งให้กับ Discovery Tour ยิ่งขึ้นไป และแสดงให้เห็นถึงทักษะการสร้างสรรค์ที่น่าทึ่งและยังเป็นโอกาสได้เห็นว่าชื่อเสียง, ครอบครัวและพันธะทางสังคมได้ถูกบอกเล่าผ่านองค์ประกอบที่สำคัญเหล่านี้อย่างไร
.
- Preston Park Museum & Grounds คือพิพิธภัณฑ์ท้องถิ่นภายใต้การดูแลของ Borough แห่ง Stockton-on-Tees โดยเพรสตัน พาร์ค มิวเซียม แอนด์ กราวด์ ได้มอบโอกาสพิเศษให้ทีมสร้างดิสคัฟเวอรี ทัวร์เพื่อเน้นย้ำถึงองค์ประกอบสำคัญ 2 อย่างจากยุคไวกิ้ง นั่นคือวัฒนธรรมใหม่แบบแองโกล-สแกนดิเนเวียที่ถือกำเนิดขึ้นมาจากงานศิลป์สำหรับพิธีศพ และยังรวมถึงหนึ่งในสองหมวกจากยุคไวกิ้งที่อยู่ในสภาพเกือบสมบูรณ์ที่สุดของโลกนั่นคือ Yarm Helmet พิพิธภัณฑ์เพรสตัน พาร์คได้จัดนิทรรศการไวกิ้งขึ้นเป็นการพิเศษที่จะเปิดให้ชมช่วงต้นปี 2565 และจะมีอีเวนต์ที่ส่งเสริม Discovery Tour: Viking Age อีกด้วย
.
Source: Press Release ของ Ubisoft
-------------------------------
🦈 PingBooster VPN ลดค่า Ping ซึ่งเป็นสาเหตุของอาการ Lag ของเกม สมัครสมาชิกพร้อมโค้ด Sheapgamer ลด 15% => http://bit.ly/2wAh1Y5
-------------------------------
จ่าย 390 บาท รับ Steam คีย์ The Walking Dead ครบ 5 ภาค, Batman Telltale 2 ภาคและ Wolf Among Us ดูที่นี่ - https://bit.ly/3z08taP
cultural lag 在 旅行熱炒店Podcast Facebook 的精選貼文
特別篇:巴塞隆納,與回程的飛機上
Bonus post: Barcelona, and the flight back
有看日劇的人應該都知道,本篇播完之後有時候還會推出特別篇,劇情接續在結局後面,常見的公式就是疑似出現小三,後來男女主角發現一切都是誤會,最後變得更加相愛(好老哏啊)。而這次,摩洛哥連載完之後我也要來推出個特別篇,主角是西班牙巴塞隆納。
回程在巴塞隆納轉機六個小時。身為一個總是將時間最大化利用的旅人,當然不會放過這麼好的機會;尤其上回來巴塞隆納時都在下雨,今天趁著天氣晴朗,更要好好把之前拍不到的晴空美景好好拍一下。我從機場出發,完全無縫接軌的轉了三趟地鐵、一趟電纜車和一趟公車,來到可以俯瞰全市的山頂教堂(好羨慕歐洲便利的大眾運輸呀)。從這裡看去,連鼎鼎大名的聖家堂都小得像是城市裡一個不起眼的工地,後方的地中海湛藍的很,沒入迷霧中的地平線引起我對於對岸非洲阿爾及利亞的無限想像(又是一個想去卻不能去的國家,唉)。
從語言學的角度來說,巴塞隆納和加泰隆尼亞是個有趣的地方。西班牙境內各地文化差異不小,除了加泰隆尼亞,還有其他好幾個地區也有著自己的語言,使用者人數也都相當可觀;然而,由於巴塞隆納這個城市的文化影響力,使得這裡的獨特文化與獨立運動更容易被全世界注意到,其他地區的獨特性反而就相對被忽略了(舉例來說,現在迪士尼動畫都會有Catalan的配音,但其他地方就只能看西班牙語版)。類似的例子還有華人文化圈裡的廣東話,即使把所有廣義粵語加起來,使用人數其實仍不到全中國人口的1/10,但因為其使用者在全球經濟文化上的影響力(同樣也是普通話以外迪士尼唯一會特別配音的語言),讓一些外國人以為它是普通話以外唯一規模較大的漢族語言。
Barcelona is the special sequal to my Morocco series. I had a 6-hour layover here. As a traveler who always utilizes time to the most, I didn't waste these hours at the airport. Instead, I entered the city while it was sunny, to visit a couple of spots and take photos that I didn't get last time when it was rainy. From the airport, I smoothly transferred 3 subway rides, 1 cable car and 1 bus to a mountain top that overlooks the entire city (and felt so jealous about the convenient public transit in Europe). La Sagrada Familia seemed as tiny as a random construction, and the Mediterranean sea dimmed into the blurred horizon, leaving me plenty of room to imagine Algeria on the other side (anther country I cannot visit. *Sigh*.)
Linguistically Barcelona and Catalonia are a special case. In Spain, a culturally diverse country in Europe, there are many other regions and languages like Catalonia/Catalan, distinct from Spanish and with millions of speakers; however, due to the strong cultural impact of Barcelona, the distinctiveness of Catalonia and its independence movements are more noticeable than other regions. For example, Disney now offers Calatan dub for its animations, but other groups in Spain can only watch them in Spanish.) A similar example is Cantonese in China, while not the largest non-Mandarin language, its cultural impact makes some people think it's the only sizable Chinese language after Mandarin.
傍晚返回巴塞隆納機場,準備飛回波士頓。記得出發前公司同事問我,你這麼常在全世界跑來跑去,都怎麼調時差呢?我說,我唯一的秘訣就是飛機上儘量不睡覺,等到了目的地晚上就可以累到睡著;但這有個前提,就是飛機上必須找得到事情做啊!印象中自己做過最誇張的大概是2012年1月在香港飛紐約的16小時班機上,連續看了12小時不間斷的《我可能不會愛你》,從Maggie勾搭上大仁哥一路看到丁立威找程又青強行復合。就是需要這種會一直讓我追下去的東西,才能幫助我撐過經濟艙裡的漫漫長夜。
而這次飛越大西洋的路上,除了看了幾部老電影,更多時間是在做回到現實生活的心理準備——如同之前遊記提過的,有時候回家比起出來需要更大的勇氣。路上我一直想著,我為什麼旅行?
或許小時候純粹就是遺傳了家父,有事沒事就要跑到不同的地方去走走;但當年紀越來越大,我越來越意識到旅行對我而言不只如此。每次在路上邂逅的人事物,都成為平常生活的養分,讓我更明白如何和不同文化、族群的朋友相處。像是上次旅行回來之後,我和教會裡那些來自前蘇聯國家的朋友就多了一些共同話題,也更理解他們只是比較慢熱,絕對不是不顧情面的戰鬥民族。
因此,雖然很不甘心就要這樣回到碼農的生活,我還是期待著回到家的那一刻;回到現實生活的我會帶著旅行注入的養分,繼續一大早向朋友們熱情、大聲的喊著:
Good morning.
Buenos dias.
早安/早上好。
доброе утро.
おはようございます。
안녕하세요。
Selamat pagi.
Back to the airport before the sunset to fly back to Boston. I still remember before I came on this trip, some coworkers asked me, since you traveled so much, how do you usually deal with jet lag? My answer is: simply stay awake during the entire flight, so you'd be tired enough of sleep at night in the destination. But, how do you keep yourself alive? You need to find something to do. The craziest thing I've done is probably in January 2012, on a 16-hour flight from Hong Kong to New York, I watched the Taiwanese TV show "In time with you" consecutively for 12 hours. Only this kind of things is attractive enough to make me stay awake for that long.
On the transatlantic flight, other than watching some old films, I had been preparing myself to go back to the real life. As said before, sometime it requires more courage to do so than to head out. Throughout the way, I asked myself: why do I travel?
Initially it was probably inherited from my dad, who always likes to go around during his spare time. However, as I grew older, I realized travel means more than that to me -- every person and every matter I encountered on the way became nutritions of my regular life. The more I traveled, the more I knew how to make friends with people from various cultures and ethnicities. For example, after the central Asia/north Asia trip, there has been more things I can talk about with friends from former Soviet Union countries. And I also realized that their are not the people of battles. I simply takes more time to build trust, haha.
Therefore, while still reluctant to go back to my "code farmer" life, I'm still looking forward to arrival. Starting the next day, I'll bring the nutritions from travel into normal life, and greet friends loudly and passionately with:
Good morning.
Buenos dias.
早安/早上好。
доброе утро.
おはようございます。
안녕하세요。
Selamat pagi.
cultural lag 在 VOP Facebook 的精選貼文
▍Voices of Photography 攝影之聲 ▍
Issue 17 : 家族之間
Kins and Kinship
在這期《攝影之聲》中,我們穿越私密的家族史與家庭關係,尋找影像話語中「家」與生命的連結和距離。日本藝術家藤井良雄從父母的失合離異,面臨著家的解體,在崩落的家庭影像裡注視一個逐漸剝蝕、卻又迴繞於難以截斷臍帶命途的家庭形貌;中國藝術家黎朗面對父親的逝世,開始在他所拍攝的父親肖像與遺物照上逐一書寫父親畢生經歷的時光,直到三萬多個日期數字在照片上綿綿編織,生命時空的關係距離也在此立體地延展開來;香港藝術家劉衛的父母來自中國北方,歷經浩蕩的文革運動,輾轉遷徙後在香港成家,在她拆解家族老相片、記錄父母近況並重返北方生活場景的歷史複視裡,這份跨越世代的家族相冊,述說著對家族記憶的遺念與離散關係的審視刻劃。
本期的Artist’s Showcase單元,我們與馬格蘭攝影家張乾琦在不同時區的忙碌奔波間進行了訪談對話,並揭載了他的新作——《時差》(Jet Lag)。台灣出生、在經年累月穿梭於世界各地的報導攝影工作生涯裡,「在路上」已是張乾琦的個人日常。當飛機、旅館與閃爍的螢幕成為生活唯一的連續,婚姻、家庭與時間則處在過於頻繁的失連狀況。繼他在《唐人街》、《我願意》、《鍊》和《囍》等處理人之關係處境的著名作品之後,《時差》是張乾琦在以「家」為題的主計畫裡,一個處理著終極斷連的系列。「我相信時間會告訴我什麼時候該踏上歸程」,他在某個時區裡對我們說。
張世倫的「論影像」專欄則是對藝術家的「家族/家庭照」創作的反身探討,在各種映照親族關係間的攝影中論證「家」的影像建構與展演。顧錚則就中國與日本當代攝影中的家庭影像進行了大篇幅的介紹剖析,從王勁松的《標準家庭》、邵逸農與慕辰的《家族圖譜》到葉甫納的《家春秋》;自荒木經惟的《感傷之旅》、江成常夫的《新娘的美國》到淺田政志的《淺田家》等作品,家族關係在私密的、歷史的、再現的與擬仿的種種攝影裡交錯辯證,而使家的形象呈現著多樣的面貌。
此外,維持我們對攝影出版一直以來的關注火力,久違的「獨立攝影書庫」單元同樣由Larissa Leclair依本期主題推介了四本有趣的書給大家;在Q單元,我們專訪中國獨立出版人言由,他自2011年開始與中國新生代攝影創作者合作,並以「假雜誌出版」為中國攝影帶來了許多話題與新氣象。同時,攝影評論人陳佳琦從文學穿引,深度評寫藝術家陳傳興近期出版的攝影書《未有燭而後至》;另外,我們也新增了「攝影書與台灣」單元,透過早年影像出版的視角,梳理台灣與台灣攝影歷程的印記。
隨著2016年的到來,在這一年裡我們將試著展開新的出版計畫,先在這裡小小預告。謝謝親愛的讀者們,期盼大家享受閱讀,新年愉快,多元成家。
▍購買 / BUY:
www.vopmagazine.com/vop-017/
▍訂閱 / SUBSCRIBE:
www.vopmagazine.com/subscribe/
In this issue of VOP, through the relation between family history and private family relationships, we seek the connection and distance between "family" and life in photography. Japanese artist Yoshikatsu Fujii’s work shows us how he perceives his family’s falling apart in the face of his parents’ estrangement, a familial relationship that is disintegrating and yet binds like an umbilical cord. Chinese artist Lang Li, in the face of his father’s passing on, begins to mark the time of his father’s lifetime directly on portraits of his father as well as on items left behind, extending a trailing record of over 30,000 dates and establishing a relationship between the different times of his life. Hong Kong artist Wai Lau whose parents came from Northern China, participated in the Cultural Revolution and then made Hong Kong their home subsequently, deconstructs old family photos, records her parents’ current lives and makes a trip back north to revisit her parents’ historical homes of the past. These cross-generation family albums depict a deep reading of family memories and relationships between family members.
In our Artist’s Showcase, we have an interview with Magnum Photo photographer Chien-Chi Chang done in the midst of his busy schedule on the go between different time zones. We also feature some shots from his new work Jet Lag. Born in Taiwan and having spent years travelling all over the world as part of his documentary reporting work, “on the road” is a daily state in his personal life. When the plane, the hotel and a shimmering television screen become life's only extension, marriage, family and time are in a perpetual state of disconnection. Following his work in China Town, I Do I Do I Do, The Chain and Double Happiness etc which deal with interpersonal relationships, Chang turns to the theme of “Home” in the project Jet Lag, a series that deals with the ultimate disconnection. “I do believe time will tell when to commence the return journey.” He said from an unknown time zone.
In addition Shih-Lun Chang’s column On Images is a reflection of artists creation based on the theme of “clan/family photographs”, discussing the imagery of “home” and its ways of presentation through the portrayal of family relations through photography. Zheng Gu presents us with an extensive introduction of family photography in contemporary Chinese and Japanese photography, from Jin-Song Wang’s Standard Family, Yi-Nong Shao and Chen Mu’s Family Register, Fu-Na Ye’s Family Album, Nobuyoshi Araki’s Sentimental Journey, Tsuneo Enari’s Japanese war brides in America to Masashi Asada’s The Asada Family, family relations cross each other in complex private, historical, re-presentational and imitation forms of photography, presenting the image of the family in many forms.
Moreover, we continue our interest in photography publishing, we have a special on the “Indie Photobook Library”, also featuring its founder Larissa Leclair in this issue, introducing four interesting books. In the Q section, we interview Chinese independent photobook publisher, You Yan. He began working with the new generation of Chinese photographers since 2011 and introduced many new themes and possibilities to Chinese photography through his Jiazazhi Press. At the same time, photography critic Chia-Chi Chen writes about Taiwanese artist Chuan-Xing Chen’s recent new work Won’t Somebody Bring the Light and its connection with Taiwanese literature. Also we added in a new section titled “Photobooks & Taiwan”, from the perspective of early publishing, sorting out Taiwan and its photography tracks.
In 2016, we hope to expand into other areas of photo publishing, here's a little notice for you all. We thank you our dear readers and hope all of you enjoy this issue. Happy lunar new year, may you be with the ones you love.
#攝影之聲 #vopmagazine
---
Voices of Photography 攝影之聲
www.vopmagazine.com