NFT คืออะไร ? ทำไมเสกที่ดิน ที่ไม่มีอยู่จริง ให้มีมูลค่า 45 ล้านบาท /โดย ลงทุนแมน
ที่ดินถือเป็นหนึ่งในสินทรัพย์ที่มีจำกัด
ซึ่งสวนทางกับความต้องการที่เพิ่มขึ้น
นั่นจึงไม่น่าแปลกใจว่าส่วนใหญ่ มูลค่าของที่ดินมีแนวโน้มที่สูงขึ้นเรื่อยมา
หากเรามาดูที่ดินที่แพงที่สุดในประเทศไทย
ก็จะอยู่แถวพระราม 1 บริเวณสยามเซ็นเตอร์
โดยมีมูลค่าตารางวาละ 3.3 ล้านบาท
แต่รู้หรือไม่ว่าในเดือนกุมภาพันธ์ที่ผ่านมา
ที่ดินที่ไม่มีอยู่จริงบนโลกและเป็นเพียงที่ดินที่ถูกสร้างขึ้นมา
บนแพลตฟอร์มโลกเสมือนที่ชื่อว่า “Axie Infinity”
กลับถูกซื้อขายกันที่ 45 ล้านบาท
จริง ๆ แล้ว เบื้องหลังของเรื่องทั้งหมดนี้
เกิดจากเทคโนโลยีที่เรียกว่า NFT
แล้ว NFT มันคืออะไร ? ทำไมจึงสร้างมูลค่าให้ที่ดินบนโลกเสมือน จนมีมูลค่ามากขนาดนี้
ลงทุนแมนจะเล่าให้ฟัง
╔═══════════╗
Blockdit เป็นแพลตฟอร์ม สำหรับนักอ่าน และนักเขียน
ที่มีผู้ใช้งาน 1 ล้านคน ลองใช้แพลตฟอร์มนี้เพื่อได้ไอเดียใหม่ๆ
แล้วอาจพบว่าสังคมนี้เหมาะกับคนเช่นคุณ
Blockdit. Ideas Happen. Blockdit.com/download
╚═══════════╝
NFT ย่อมาจาก Non-Fungible Token
หรือแปลเป็นไทยว่า “สินทรัพย์ดิจิทัลที่มีลักษณะเฉพาะตัว”
ซึ่ง NFT นี้เองก็ถือเป็นหนึ่งในสินทรัพย์ประเภทคริปโทเคอร์เรนซี
ทีนี้ ก่อนที่เราจะเข้าใจ Non-Fungible Token
เราก็ต้องมารู้จักคำว่า “Fungible” กันก่อน
Fungible คือสิ่งที่สามารถแลกเปลี่ยนหรือแทนที่กันได้
เช่น ธนบัตร 100 บาทสามารถแลกเปลี่ยนเป็นธนบัตร 50 บาทได้ 2 ใบ
ทองคำแท่งหนัก 10 บาทสามารถแลกเปลี่ยนกับทองคำหนัก 1 บาท 10 แท่ง
หรือเพื่อนยืมเกลือหรือน้ำตาลของเราไปใช้ แล้วซื้อมาคืน
ซึ่งก็แปลว่า Fungible มีคุณสมบัติที่คล้ายกันกับสินค้าโภคภัณฑ์
ทั้งนี้ Fungible ยังแบ่งออกมาได้อีก 2 ประเภท คือสิ่งที่จับต้องได้กับสิ่งที่เป็นดิจิทัล
สำหรับสิ่งที่จับต้องได้ เช่น แร่เงิน ทองคำ หรือธนบัตรที่เราใช้จ่ายในชีวิตประจำวัน
ในขณะที่สิ่งที่เป็นดิจิทัลคือสกุลเหรียญคริปโทเคอร์เรนซีต่าง ๆ เช่น บิตคอยน์ หรืออีเธอเรียม
ในทางกลับกัน Non-Fungible ก็จะมีลักษณะแตกต่างกันออกไป
โดยสินทรัพย์แต่ละอย่าง “จะไม่สามารถทดแทนกันได้”
ยกตัวอย่าง งานภาพของศิลปินแวน โก๊ะ รูปหนึ่ง
ก็ไม่สามารถทดแทนอีกรูปหนึ่งได้ เพราะมันมีลักษณะและมูลค่าที่แตกต่างกัน
หากเป็นสินทรัพย์ดิจิทัลก็เช่น รูปถ่าย เพลง คลิปวิดีโอ หรืองานอาร์ตที่เป็นดิจิทัลต่าง ๆ
แต่การเป็น NFT นั้นแตกต่างจากการเป็นสินทรัพย์ดิจิทัลทั่วไป
ตรงที่ข้อมูลเจ้าของกรรมสิทธิ์จะถูกบันทึกลงใน “Blockchain” ทันที
ซึ่งมีคุณสมบัติคือข้อมูลจะไม่สามารถถูกแก้ไขได้
นั่นจึงทำให้รู้ได้ทันทีว่าใครเป็นเจ้าของสินทรัพย์นั้น ๆ
แถมยังตรวจสอบได้ว่าเป็นของจริงหรือของปลอม
ด้วยคุณสมบัติเหล่านี้ จึงทำให้การเกิดขึ้นของ NFT
เป็นเรื่องที่ดีสำหรับอุตสาหกรรมลิขสิทธิ์เป็นอย่างมาก
เพราะไม่มีใครสามารถนำไปทำซ้ำได้ อย่างที่เป็นปัญหาในปัจจุบัน
ส่งผลให้เหล่าศิลปินและโปรแกรมเมอร์เริ่มนำเทคโนโลยีนี้ไปประยุกต์ใช้กับสินทรัพย์ดิจิทัลอื่น ๆ อีกมากมาย รวมถึงอสังหาริมทรัพย์ดิจิทัล หรือที่ดินบนโลกเสมือนที่ได้ยกตัวอย่างมาข้างต้น
แล้วอสังหาริมทรัพย์ดิจิทัลมีขายที่ไหนบ้าง ?
นอกจากบนโลกเสมือนจริงของ Axie Infinity
ก็ยังมี Somnium Space, The SandBox และ Decentraland
ที่น่าสนใจ คือที่ดินในโลกเสมือนจริงเหล่านี้มียอดขายรวมมากกว่า 2,600 ล้านบาทเป็นที่เรียบร้อยแล้ว ซึ่งมูลค่าก็มาจากการขายที่ดินและสิ่งของต่าง ๆ บนแพลตฟอร์ม
ถ้าให้เปรียบสถานที่เหล่านี้ก็อาจคล้ายกับภาพยนตร์ Ready Player One
ที่เป็นสถานที่บนโลกเสมือนที่ผู้คนเข้ามาทำกิจกรรมร่วมกัน
เช่น การพูดคุย ซื้อขายแลกเปลี่ยนสินค้า หรือเล่นเกมด้วยกัน
และหากซื้อที่ดิน เราจะสามารถนำมาปล่อยเช่าต่อหรือสร้างสิ่งก่อสร้าง
อะไรก็ได้บนพื้นที่ตัวเอง ซึ่งไม่ต่างจากที่ดินบนโลกจริงเลย
และแม้ว่าจะเป็นที่ดินดิจิทัลก็ตาม แต่รู้หรือไม่ว่าที่ดินเหล่านี้ก็มีจำกัดเช่นเดียวกัน
เพราะมันถูกสร้างบนเทคโนโลยี NFT ที่ถูกจำกัดปริมาณตั้งแต่แรกไว้อยู่แล้ว
หากถามว่าทำไมผู้คนถึงยอมซื้อสินทรัพย์ที่ไม่มีอยู่จริง
บางคนก็บอกว่าต้องมองย้อนกลับไปช่วงที่ Facebook เริ่มต้น
หากในตอนนั้นมีคนมาเสนอขายเพจ Facebook เราก็อาจไม่ได้สนใจ เพราะเป็นสิ่งที่ใคร ๆ ก็สามารถทำได้
แต่ ณ เวลานี้เรารู้แล้วว่าเพจ Facebook ที่แตกต่างกัน อาจมีแฟนเพจที่ติดตามอยู่เป็นกลุ่มเฉพาะตัว ที่อาจมีโอกาสในการหารายได้ที่มหาศาล และบางคนก็อาจยอมให้มูลค่าซื้อขายเพจ Facebook กัน
และด้วยเหตุผลนี้จึงทำให้คนบางกลุ่มให้คุณค่ากับ NFT เหล่านี้อย่างมากเช่นกัน
ทีนี้ เรามาดูตัวอย่างการใช้ NFT ที่นอกเหนือจากที่ดินในเกม
แล้วยังมีด้านไหนอีกบ้าง ?
ด้านงานศิลปะ
ตอนนี้มีงานศิลปะที่ชื่อว่า Everydays—The First 5000 Days ซึ่งถือว่าเป็นงานศิลปะดิจิทัลที่มีมูลค่าสูงที่สุดในโลก โดยมูลค่า ณ ขณะนี้อยู่ที่ 2,000 ล้านบาท
นอกจากนั้นยังมี SuperRare ซึ่งเป็นแพลตฟอร์มสำหรับซื้อขายงานศิลปะดิจิทัล
โดยมีมูลค่าการซื้อขายรวมถึง 2,100 ล้านบาท
ด้านกีฬา
NBA ก็นำเทคโนโลยีนี้มาใช้กับวิดีโอไฮไลต์ของการแข่งขันบาสเกตบอล
ไม่ว่าจะเป็นท่าตอนดังก์หรือการโยนทำแต้มต่าง ๆ ก็นำมาทำในรูปแบบ NFT
โดยเหล่าแฟนคลับที่ซื้อไป จะได้สิทธิ์ความเป็นเจ้าของโมเมนต์นั้น ๆ
ราคามีตั้งแต่หลักร้อยไปจนถึงหลักล้านบาท
แล้วรู้หรือไม่ว่าในประเทศไทยเองก็กำลังจะมีตลาดแลกเปลี่ยนสินทรัพย์ NFT เช่นกัน
ซึ่งทาง Bitkub กำลังทำโปรเจกต์ร่วมกับเหล่า YouTuber ของประเทศไทย
ในการสร้างตลาดแลกเปลี่ยนสินทรัพย์ NFT โดยเจาะที่กลุ่มแฟนคลับก่อน
สิ่งที่เหล่า YouTuber นำมาขายก็จะเป็นคลิปโมเมนต์ต่าง ๆ ที่ไม่เคยลงที่ไหน
ซึ่งเหล่าแฟนคลับจะต้องใช้เหรียญ $FANS หรือ Fans Token สำหรับซื้อสินค้า
จากเหตุการณ์ทั้งหมด เราก็คงปฏิเสธไม่ได้ว่าการนำ NFT มาประยุกต์ใช้
ก็น่าจะกลายมาเป็นประโยชน์ของหลาย ๆ อุตสาหกรรม
โดยเฉพาะวงการศิลปินและงานอาร์ต
รวมไปถึงการนำไปประยุกต์ใช้กับที่ดินในเกมที่ไม่มีอยู่จริง
จนมันมีมูลค่าเกินกว่าที่ดินในชีวิตจริงไปเลยทีเดียว..
╔═══════════╗
Blockdit เป็นแพลตฟอร์ม สำหรับนักอ่าน และนักเขียน
ที่มีผู้ใช้งาน 1 ล้านคน ลองใช้แพลตฟอร์มนี้เพื่อได้ไอเดียใหม่ๆ
แล้วอาจพบว่าสังคมนี้เหมาะกับคนเช่นคุณ
Blockdit. Ideas Happen. Blockdit.com/download
╚═══════════╝
ติดตามลงทุนแมนได้ที่
Website - longtunman.com
Blockdit - blockdit.com/longtunman
Facebook - facebook.com/longtunman
Twitter - twitter.com/longtunman
Instagram - instagram.com/longtunman
Line - page.line.me/longtunman
YouTube - youtube.com/longtunman
Spotify - open.spotify.com/show/4jz0qVn1AL7tRMHiTvMbZH
Apple Podcasts - podcasts.apple.com/th/podcast/ลงท-นแมน/id1543162829
Soundcloud - soundcloud.com/longtunman
References
-https://screenrant.com/expensive-nfts-sold-so-far/
-https://www.bloomberg.com/news/articles/2021-03-19/virtual-land-prices-are-booming-and-now-there-s-a-fund-for-that
-https://www.prachachat.net/property/news-576666
-https://www.bitkub.com/blog/fans-token-30ac17db1044
-https://www.reuters.com/business/metaverse-bet-crypto-rich-investors-snap-up-virtual-real-estate-2021-04-19/
-https://101blockchains.com/nft-use-cases/
-https://nonfungible.com/
-https://trustwallet.com/blog/virtual-world-and-nfts-decentraland
「real metaverse」的推薦目錄:
real metaverse 在 GamingDose Facebook 的精選貼文
========
Persona 5 Strikers : มิตรภาพ กับความหวังดีประสงค์ร้าย
========
ในบรรดาเกมสวมบทบาทหรือ RPG ทั้งหลาย ไม่มีซีรีส์ไหนที่สื่อสารความท้าทายที่วัยรุ่นต้องเผชิญในโลกแห่งความจริงที่ผู้ใหญ่จำนวนมากตลบตะแลงเสแสร้ง สั่งสอนให้เด็กเป็นคนดีแต่ตัวเองกลับทำตรงกันข้าม ได้อย่างแจ่มชัดจัดเจนเท่ากับ Persona ซีรีส์เกมสวมบทบาทดังค้างฟ้าจากแดนอาทิตย์อุทัย
และในบรรดาเกมทั้งหมดในซีรีส์นี้ ผู้เขียนเห็นว่า Persona 5 Strikers โดดเด่นที่สุดในแง่การถ่ายทอดมิตรภาพระหว่างมิตรสหายที่กลายมาเป็นเพื่อนตาย และแรงจูงใจของเหล่า “วายร้าย” ที่สมจริงกว่าทุกภาคที่ผ่านมา
โดยเฉพาะในเมื่อ “วายร้าย” ทุกคนในเกมนี้ไม่มีใครคิดว่าตัวเองเป็นคนชั่ว แต่ปั่นหัวคนด้วยเป้าหมายอันสูงส่ง!
ใครที่เคยเล่น Persona 5 หรือ Persona 5 Royal มาแล้วจะคุ้นเคยกับกราฟิกสดใสสไตล์อานิเมะและท่าโจมตีมันส์ๆ ซึ่งดูกี่ทีก็ไม่เบื่อ แต่ภาคนี้ปรับฉากการต่อสู้จากการเลือกคำสั่งเหมือน RPG ทั่วไป มาเป็นแอ๊กชั่นในเวลาจริง (real-time) ฉบับมุโซ (Musou ชื่อเรียกเกมแอ๊กชั่นบุกเดี่ยวฆ่าแหลกแนวญี่ปุ่น) ซึ่งก็ทำให้ท่าโจมตีของกลุ่มฮีโร่ดูเท่กว่าเก่าเข้าไปอีก โดยเฉพาะเวลาที่เราจับมือกับเพื่อนกระโดดปล่อยพลังจากท่าไม้ตายกลุ่มหรือ all-out attack
Persona 5 Strikers ให้เราเล่นเป็นกลุ่ม “โจรเงา” (phantom thieves) เจ้าเก่าจากสองเกมก่อนหน้านี้คือ Persona 5 และ Persona 5 Royal จะเรียกว่าเกมนี้เป็น “ภาคต่อ” ก็ไม่ผิดนัก แม้ว่าระบบต่างๆ ในเกมจะย่อส่วนจาก Persona 5 ลงมาพอสมควรเลยทีเดียว เช่น อวตารในการต่อสู้หรือ persona ที่เราสะสมได้รอบนี้จะไม่หลากหลายเท่ากับในเกมก่อนๆ (แม้จะยังสามารถผสมสองหรือสามตัวเพื่อสร้างอวตารตัวใหม่ได้) เราจะไม่ได้เลือกทำกิจกรรมที่หลากหลายในแต่ละวันอีกแล้ว และเลือกไม่ได้ว่าจะเพิ่มความสัมพันธ์กับเพื่อนๆ ในทีมแต่ละคนคนไหนบ้าง (เพื่อปลดล็อกความสามารถในการต่อสู้) เพราะคราวนี้เกมจะให้เราปลดล็อกความสามารถเป็นหมู่คณะเมื่อค่าความสนิทสนมเพิ่มถึงระดับหนึ่ง เช่น เพิ่มพลังโจมตี เพิ่มพลังชีวิต เพิ่มพลังเวท ฯลฯ ให้กับเพื่อนในทีมทุกคน
อย่างไรก็ดี ถึงแม้ระบบเกมทั้งหมดจะถูกย่อส่วนและย่อยให้ง่ายกว่า Persona 5 มาก เพื่อให้เข้ากับแนวเกมมุโซซึ่งเน้นแอ๊กชั่นในเวลาจริง การจะเล่น Persona 5 Strikers ให้จบก็ยังต้องใช้เวลากว่า 40 ชั่วโมงเลยทีเดียว แม้จะเทียบไม่ได้กับ 100+ ชั่วโมงของสองภาคก่อนหน้า
เรื่องราวใน Persona 5 Strikers ยังคงน่าติดตามเช่นเคย เราเล่นเป็น โจ๊กเกอร์ หัวหน้ากลุ่มโจรเงา คราวนี้โคจรกลับมาพบกับเพื่อนร่วมทีมอีกครั้งช่วงปิดเทอมฤดูร้อน แต่ระหว่างที่กำลังวางแผนกิจกรรมว่าจะทำอะไรกันดี ก็มีข่าวว่าเกิด “โรคระบาด” แปลกประหลาดขึ้นอีกครั้งทั่วประเทศญี่ปุ่น เมื่อคนจำนวนมากถูกสะกดจิตให้ตกเป็นทาส ทำตามความประสงค์ของคนที่มีชื่อเสียง ไม่ว่าจะเป็นดารา นายกเทศมนตรี หรือนักธุรกิจชื่อดัง
“โรคระบาด” ได้รับการขนานนามว่า change of heart epidemic หรือโรคเปลี่ยนใจ รอบนี้มาจากแอพมือถือปริศนาชื่อ EMMA ที่ทำให้ควบคุมพฤติกรรมของคนได้ ส่งผลให้กลุ่มโจรเงาถูกตั้งข้อสังเกตและใส่ความจากตำรวจทันทีว่าน่าจะอยู่เบื้องหลัง เกิดแรงกดดันครั้งใหม่ให้ทีมของเราต้องออกโรง เดินทางไปทั่วประเทศเพื่อสืบหาคนร้ายตัวจริงให้เจอ เพื่อยืนยันความบริสุทธิ์และปลดปล่อยทุกคนออกจากการครอบงำในโลก metaverse หรือโลกแห่งจิตใจที่เราจะเปิดเปลือยตัวตน ความปรารถนาและสันดานดิบที่แท้จริงออกมา
เนื้อเรื่องใน Persona 5 Strikers สนุกสนานและคิดว่าสนุกกว่า Persona 5 เสียอีก ด้วยความที่รอบนี้ทุกคนในทีม “โจรเงา” สนิทสนมกลมเกลียว ไว้เนื้อเชื่อใจกันเป็นอย่างดีแล้ว (ขณะที่เราจะหมดเวลาส่วนใหญ่ใน Persona 5 ไปกับการต่อสู้กับตัวละครที่จะกลายมาเป็นเพื่อน กว่าที่ทุกคนจะสนิทกันก็เกมจบพอดี) ทำให้ทีมออกแบบสามารถเขียนบทสนทนา บทแซวเล่นหยอกล้อระหว่างกันได้อย่างเป็นธรรมชาติ เหมือนเราได้แอบฟังวัยรุ่นคุยกันเพลินๆ ไปตลอดทาง
เนื้อเรื่องหลักใน Persona 5 Strikers ดำเนินอย่างเป็นเส้นตรงและได้ลุ้นอยู่ตลอด เราจะแวะเมืองต่างๆ ในญี่ปุ่นระหว่างการสืบปริศนา แต่ละเมืองมี “วายร้าย” หนึ่งคนที่กำลังสะกดจิตคนให้ทำในสิ่งที่ตัวเองต้องการ แต่ละเมืองไม่ได้มีสถานที่ให้เราเยี่ยมเยือนมากนัก หลักๆ มีแต่ “คุก” (ดันเจี้ยนในเกม) ในโลก metaverse ที่ต้องเข้าไปเผชิญหน้าวายร้ายและปลดปล่อยประชาชนจากการถูกสะกดจิต แต่ก็ยังได้บรรยากาศของการเที่ยวญี่ปุ่น ได้ไปเยือนเมืองชื่อดังทั้งหลายอย่าง เซนได เกียวโต ซับโปโร โอกินาวะ และโอซาก้า เกร็ดเล็กเกร็ดน้อยของสถานที่สำคัญๆ รวมถึง “อาหารจานเด่นประจำเมือง” แต่ละเมือง กลายเป็นไฮไลท์หนึ่งของ Persona 5 Strikers ที่เราจะตั้งหน้ารอคอยทุกครั้งที่ทีมออกเดินทาง เกมนี้ให้เราสะสมสูตรทำอาหารจานเด่นประจำเมืองมาปรุงให้เพื่อนๆ ทานในรถพ่วงได้ด้วย
การขับรถพ่วงท่องไปทั่วประเทศ และบทสนทนาที่เป็นธรรมชาติทำให้ Persona 5 Strikers ให้ความรู้สึกเหมือนได้เดินทางท่องเที่ยวกับเพื่อนวัยรุ่นได้ดีจริงๆ ใครที่คิดถึงตัวละครจาก Persona 5 เกมนี้ทำให้หายคิดถึงได้ชะงัด
ระบบการต่อสู้แนวมุโซ Persona 5 Strikers ดูเผินๆ เหมือนจะไม่มีอะไรมากไปกว่าการกดปุ่มโจมตีรัวๆ บนคอนโทรลเลอร์ แต่ในความเป็นจริงก็ไม่ง่ายขนาดนั้น เพราะเราจะถูกรุมล้อมตลอดเวลาด้วยศัตรูหลายขนาด ต้องคอยสังเกตและเลือกเวทชนิดที่มันแพ้ทาง มันจะได้มึนงงชั่วขณะ เปิดช่องให้โจมตีซ้ำอีกรอบ นอกจากนี้เรายังสามารถใช้อุปกรณ์หรือข้าวของต่างๆ ในฉาก เช่น เสาไฟฟ้า ประกอบการโจมตีศัตรู อีกทั้งเพื่อนร่วมทีมทุกคนยังมีท่าโจมตีและคอมโบไม่เหมือนกัน คอมโบหลายท่า (เรียกว่า Master Arts ในเกม) ไม่มีให้ใช้ตั้งแต่ต้น เราจะ “ปลดล็อก” ได้ก็ต่อเมื่อเล่นตัวละครนั้นๆ ไปมากพอก่อน ทั้งหมดนี้เพิ่มแรงจูงใจให้สลับตัวละครและทำให้แอ๊กชั่นไม่น่าเบื่อเหมือนกับเกมมุโซบางเกม
การกะจังหวะสลับตัวละครไปมานั้นนอกจากจะทำให้ปลดล็อกคอมโบแล้ว ยังเป็นการเต้นฟุตเวิร์คหลบหลีกศัตรูและเพิ่มโอกาสที่จะได้ทำท่าไม้ตายของทีมหรือ all-out attack โดยรวมนับว่า Persona 5 Strikers ปรับระบบการต่อสู้แบบ turn-based ของเกมก่อนๆ มาเป็น real-time ได้ค่อนข้างดี ข้อเสียเล็กๆ ก็คือ บ่อยครั้งการต่อสู้จะชุลมุนวุ่นวายมากเพราะมีศัตรูหลายสิบตัว ทำให้แยกไม่ค่อยออกว่าเพื่อนร่วมทีมและศัตรูแต่ละตัวกำลังทำอะไร มองไม่เห็นไอคอนเหนือหัวตัวละคร
สิ่งที่โดดเด่นไม่แพ้ความสนุกของการเที่ยว(กิน)ทั่วญี่ปุ่นและการหยอกล้อกันในทีมก็คือ ปูมหลังและเรื่องราวของ “วายร้าย” หรือบอสที่เราจะต่อกรด้วย ตอนแรกเราจะคิดว่าวายร้าย เจ้าของ “คุก” ในโลก metaverse ที่สะกดจิตคนในโลกจริงนั้นแต่ละคนเป็นคนชั่ว เพียงเพื่อจะพบเมื่อพิชิตได้สำเร็จว่า เขาหรือเธอเพียงแต่ “หลงผิด” ไปเท่านั้น ถูกจูงใจโดยจอมบงการตัวจริงที่อยู่เบื้องหลังเหตุการณ์ทั้งหมดให้เลือกเส้นทางผิดๆ ในการบรรลุเป้าหมายที่ถูกต้อง หรือเพื่อรับมือกับอดีตอันโหดร้ายที่ฝากแผลไว้ในใจ
เล่นๆ ไปจะพบว่า ดาราที่ใช้พลังของแอพ EMMA สะกดจิตให้ผู้ชายหลงใหลหัวปักหัวปำในตัวเธอนั้น ตัวจริงคือสาวน้อยที่ขาดความมั่นใจในตัวเอง เธอป่วยเป็นโรคซึมเศร้าหลังจากที่โดนเพื่อนร่วมชั้นบุลลี่ ข่มขู่กลั่นแกล้งสารพัด ความอยากเป็นที่ยอมรับผสมกับแรงแค้นผลักให้เธอใช้ EMMA บงการคนเพื่อสร้างความเชื่อมั่นปลอมๆ ว่า เธอนั้นเป็นที่รักที่ปรารถนาของคนมากมาย ส่วนนายกเทศมนตรีหญิงก็เปี่ยมล้นด้วยปรารถนาดีต่อประชาชน มุ่งมั่นทำงานเพื่อประโยชน์สาธารณะ แต่เมื่อเจอเรื่องอื้อฉาวโดยบังเอิญที่ทำให้เธอตกเป็นเหยื่อของศัตรูทางการเมือง เธอจึงตัดสินใจใช้ EMMA เพื่อรักษาชื่อเสียงเอาไว้ด้วยการสะกดจิตชาวเมืองให้ชื่นชมเชิดชูเธอต่อไป ยิ่งถลำลึกในอำนาจยิ่งหลงผิด บงการเจ้าหน้าที่รัฐเป็นวัวเป็นควายเพื่อรักษาความสะอาดของเมืองชนิดที่ไม่อยากเห็นแม้ฝุ่นผง
ส่วนวายร้ายตัวฉกาจที่เราจะเจอในฉากหลังๆ นั้นเล่า ตัวจริงเขาก็เป็นเพียงผู้ชายที่เคยถูกพ่อทุบตีข่มเหงในวัยเยาว์ ส่งผลให้สำนึกเรื่องความยุติธรรมบิดเบี้ยว เชื่อว่า “แมวสีอะไรก็ตาม ขอเพียงจับหนูได้” เขาปรารถนาอยากเห็นโลกที่สงบสุข อยากเห็นความยุติธรรม แต่กลับเลือกเส้นทางที่ลิดรอนเสรีภาพในการคิดของผู้คนและไร้ซึ่งความยุติธรรม
ถึงที่สุดแล้ว ต่อให้เนื้อเรื่องและปูมหลังของ “วายร้าย” ทุกคนที่เราเจอในเกมจะพอเดาได้ล่วงหน้า Persona 5 Strikers ก็ยังคงสื่อ “สาร” ที่น่าประทับใจและชวนให้คิดอยู่ดี ถึงอันตรายของการยึดมั่นถือมั่นว่าตัวเองเป็นคนดี ยั่วล้อให้เราทบทวนความหมายของ “ความดี” และ “ความชั่ว” เหมือนกับที่ซีรีส์นี้ทำมาตลอดทุกเกมในซีรีส์
ชื่อของกลุ่มฮีโร่ คือ “โจรเงา” หรือ phantom thieves นั้น ในตัวมันเองก็เป็นการยั่วให้คิดอยู่แล้ว เพราะคำว่า “โจร” นั้น ปกติสื่อนัยถึง “ความชั่ว” แต่สิ่งที่เราขโมยในเกมนี้คือหัวใจของคนที่เราอยากเปลี่ยนใจให้กลับมาเป็นคนปกติ – “ปกติ” ไม่ใช่ในความหมายที่ว่าเป็นคนดี 100% เพราะคนแบบนั้นไม่มีอยู่จริง แต่ “ปกติ” ในความหมายที่ว่า ยอมรับจุดอ่อน ปมด้อยและอดีตอันด่างพร้อยทั้งหลายในชีวิต พร้อมเผชิญหน้ากับมันและเดินต่ออย่างกล้าหาญด้วยความเชื่อมั่นในตัวเอง
Persona 5 Strikers นอกจากจะถ่ายทอดมิตรภาพของวัยรุ่นอย่างอบอุ่นแล้ว ยังชี้ชวนให้เราคิดว่า เยาวชนจะเคารพแต่ “ผู้ใหญ่” ที่ควรค่าแก่การเคารพ ไม่ใช่เพียงเพราะเขามีอาวุโสมากกว่า
และบ่อยครั้ง สิ่งที่ชั่วร้ายที่สุด อาจเป็นสิ่งที่กระทำลงไปในนามของ “ความดี”
บทความโดย สฤณี อาชวานันทกุล
#GamingDose #underdogscorner #Persona5Strikers