ทำไม สหรัฐอเมริกา จึงเป็นประเทศแห่ง อุตสาหกรรมไอที ? ตอนที่ 2 /โดย ลงทุนแมน
“ซิลิคอนแวลลีย์ไม่ใช่สถานที่ แต่เป็นวิธีคิด”
คำกล่าวของ Reid Hoffman ผู้ก่อตั้ง LinkedIn แพลตฟอร์มเครือข่ายธุรกิจในการหางานและผู้ร่วมงาน ที่มีสำนักงานใหญ่ตั้งอยู่ในเขตซิลิคอนแวลลีย์
╔═══════════╗
Blockdit เป็นแพลตฟอร์ม สำหรับนักอ่าน และนักเขียน
ที่มีผู้ใช้งาน 1 ล้านคน ลองใช้แพลตฟอร์มนี้เพื่อได้ไอเดียใหม่ๆ
แล้วอาจพบว่าสังคมนี้เหมาะกับคนเช่นคุณ
Blockdit. Ideas Happen. Blockdit.com/download
╚═══════════╝
ในแง่สถานที่ ซิลิคอนแวลลีย์ คือ พื้นที่หุบเขาราว ๆ 1,500 ตารางกิโลเมตร บริเวณรอบอ่าวซานฟรานซิสโก ทางตะวันตกของสหรัฐอเมริกา
ซิลิคอนแวลลีย์ประกอบไปด้วยเมืองน้อยใหญ่ ที่ล้วนเป็นสถานที่ตั้งสำนักงานใหญ่ของเหล่าบริษัทไอทีชั้นนำระดับโลก โดยมีจุดเริ่มต้นมาจากคำว่า “ซิลิคอนชิป” ที่เป็นส่วนประกอบสำคัญที่เป็นหน่วยความจำของอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์
ส่วนในแง่วิธีคิด มหาวิทยาลัยสแตนฟอร์ดปลูกฝังการศึกษาด้านอิเล็กทรอนิกส์ให้งอกงาม ไปพร้อม ๆ กับการพัฒนากระบวนการผลิตนักศึกษาให้เป็นนักธุรกิจ
จนนำมาสู่การก่อตั้งบริษัทไอทีระดับโลกแห่งแรกในซิลิคอนแวลลีย์ คือ Hewlett Packard (HP)
หลังจากนั้น หุบเขาแห่งนี้ก็เบ่งบานไปด้วยบริษัทไอที ดึงดูดนักประดิษฐ์และผู้คลั่งไคล้เทคโนโลยีจากทั่วโลก ให้เข้ามาสานฝันให้กลายเป็นความจริง
และเมื่อมี “วิธีคิด” ช่วยส่องสว่าง นวัตกรรมทุกอย่างก็จะมีหนทางไป..
ยินดีต้อนรับเข้าสู่ซีรีส์บทความ “Branding the Nation” ปั้นแบรนด์ แทนประเทศ
ตอน ทำไม สหรัฐอเมริกา จึงเป็นประเทศแห่ง อุตสาหกรรมไอที ? ตอนที่ 2
ด้วยอาณาบริเวณกว้างใหญ่รอบอ่าวซานฟรานซิสโก ต้นน้ำแห่งนวัตกรรมของซิลิคอนแวลลีย์จึงไม่ได้มีแค่มหาวิทยาลัยสแตนฟอร์ดเท่านั้น
แต่เหนือขึ้นมาราว 50 กิโลเมตร ยังเป็นที่ตั้งของมหาวิทยาลัยชั้นนำระดับโลกอีกแห่งหนึ่ง นั่นคือ มหาวิทยาลัยแคลิฟอร์เนีย วิทยาเขตเบิร์กลีย์
มหาวิทยาลัยแห่งนี้ก่อตั้งในช่วงเวลาไล่เลี่ยกับมหาวิทยาลัยสแตนฟอร์ด และสร้างนักประดิษฐ์ วิศวกร ไปจนถึงผู้ประกอบการชั้นยอดมากมาย มาประดับวงการไอที
หนึ่งในนั้นคือ Fred Moore ผู้ก่อตั้งสมาคมคอมพิวเตอร์โฮมบรูว์ สมาคมที่เป็นสถานที่นัดพบของผู้คลั่งไคล้ในโลกของเทคโนโลยี เป็นที่แลกเปลี่ยนทางความคิด
โดยความปรารถนาสูงสุดของผู้คนในสมาคมนี้ คือการสร้างเครื่องคอมพิวเตอร์ส่วนบุคคลขึ้นมาเอง
ในช่วงปี 1975 ที่มีการก่อตั้งสมาคมแห่งนี้
ความสำเร็จของการประดิษฐ์ “ไมโครโพรเซสเซอร์” ที่ย่อส่วนแผงวงจรรวมจำนวนมากเข้ามาอยู่ด้วยกันในชิปขนาดเล็ก
ทำให้ขนาดของเครื่องคอมพิวเตอร์จากที่มีขนาดใหญ่โตเท่าห้อง มีขนาดเล็กลงเรื่อย ๆ ราคาก็ถูกลงเรื่อย ๆ และด้วยหน่วยความจำที่มากขึ้น ความสามารถในการทำงานจึงสูงขึ้นและรวดเร็วขึ้นเป็นทวีคูณ
Steve Wozniak นักศึกษาจากมหาวิทยาลัยแคลิฟอร์เนีย เบิร์กลีย์ ได้ชักชวนเพื่อนสมัยมัธยมที่ชื่อ Steve Jobs ให้มาเข้าร่วมสมาคมคอมพิวเตอร์แห่งนี้..
Steve Wozniak เป็นผู้คลั่งไคล้ในวิศวกรรมและมีความสามารถในการประดิษฐ์คิดค้น เคยทำงานให้กับ Hewlett Packard
ส่วน Steve Jobs เป็นผู้มีหัวการค้า มีนิสัยกล้าคิดกล้าทำ เขาเคยทำงานให้กับบริษัทสร้างวิดีโอเกมชื่อ Atari และเคยทำงานในช่วงฤดูร้อนให้กับ Hewlett Packard ด้วยเช่นกัน
Wozniak ได้นำความรู้และประสบการณ์มาทดลองออกแบบคอมพิวเตอร์ด้วยแนวทางของตัวเอง โดยใช้ชิปเท่าที่จะหาได้ มาประกอบกับคีย์บอร์ด QWERTY และมีจอโทรทัศน์เป็นเครื่องแสดงผลในช่วงแรกเริ่ม
และเมื่อออกมาเป็นเครื่องคอมพิวเตอร์ส่วนบุคคล Jobs ก็เป็นผู้เสนอความคิดให้ลองนำสิ่งประดิษฐ์นี้ออกวางขายในเวลาต่อมา
ผลงานการประดิษฐ์ชิ้นนั้นของ Wozniak ถือเป็นคอมพิวเตอร์ตั้งโต๊ะรุ่นแรก ๆ ของโลก เครื่องคอมพิวเตอร์นี้ถูกตั้งชื่อต่อมาว่า “Apple I”
สิ่งสำคัญไม่แพ้การสนับสนุนจากสถาบันการศึกษาก็คือ “เสรีภาพทางความคิด”
ซิลิคอนแวลลีย์ มีสมาคมมากมายที่เป็นสถานที่แลกเปลี่ยนทางความคิด นำเสนอไอเดีย จึงกลายเป็นวัฒนธรรมที่หล่อหลอมให้คนรุ่นใหม่กล้าคิดกล้าทำ และเติบโตไปบนหนทางสร้างสรรค์ที่ตัวเองตั้งใจ
คอมพิวเตอร์ของ Wozniak ก็ถูกนำเสนอแก่สายตาสมาชิกในสมาคมโฮมบรูว์ในช่วงปลายปี 1975 ซึ่งหนึ่งในผู้เข้ามาร่วมชม คือ เจ้าของร้าน The Byte Shop ร้านขายของเบ็ดเตล็ดและอุปกรณ์ไอที
ที่เกิดความประทับใจกับคอมพิวเตอร์ชิ้นนี้มาก จึงได้สั่งซื้อคอมพิวเตอร์นี้ถึง 50 เครื่อง
แล้วก้าวแรกของบริษัท Apple ก็เริ่มต้นขึ้นในเมืองคูเปอร์ติโน ทางตอนใต้ของมหาวิทยาลัยสแตนฟอร์ด ในอีก 1 ปีถัดมา..
ใครจะไปเชื่อว่า จากบริษัทเล็ก ๆ ที่มีผู้ก่อตั้งเป็นผู้คลั่งไคล้เทคโนโลยี 2 คน
ในปี 1980 หลังการก่อตั้งเพียง 4 ปี บริษัทสามารถเติบโตจนเข้าระดมทุนในตลาดหุ้นในฐานะบริษัทมหาชนได้สำเร็จ และได้กลายเป็นบริษัทที่มีมูลค่ามากที่สุดในโลก ในตอนนี้..
เมื่อมีคอมพิวเตอร์ส่วนบุคคลแล้ว อีกหนึ่งก้าวสำคัญของซิลิคอนแวลลีย์ ก็เกิดขึ้นในช่วงทศวรรษ 1970s
นั่นก็คือ จุดเริ่มต้นของ “อินเทอร์เน็ต”
เมื่อบริษัทไอที ชื่อ Xerox ได้จัดตั้งศูนย์วิจัยในเมืองพาโล อัลโต ไม่ไกลจากมหาวิทยาลัยสแตนฟอร์ด ชื่อว่า Xerox Palo Alto Research Center หรือ Xerox PARC
Xerox PARC ได้เริ่มพัฒนาเทคโนโลยีเชื่อมต่อ จากคอมพิวเตอร์เครื่องหนึ่งไปยังอีกเครื่องหนึ่ง ในยุคแรกที่มีชื่อว่า ระบบอีเทอร์เน็ต (Ethernet)
อีเทอร์เน็ต ถูกพัฒนาขึ้นในปี 1973 โดยเชื่อมต่อคอมพิวเตอร์กับเครื่องพิมพ์ ผ่านเครือข่ายบริเวณระยะใกล้ หรือเครือข่าย LAN (Local Area Network)
ต่อมาในปี 1978 Vint Cerf ศิษย์เก่าจากมหาวิทยาลัยสแตนฟอร์ด ได้ร่วมมือกับ Bob Kahn พัฒนาโพรโทคอล TCP/IP (Transmission Control Protocol/Internet Protocol)
ซึ่งโพรโทคอลที่ว่านี้ คือชุดของขั้นตอนและกฎระเบียบ ทำให้ภายในชุดกฎระเบียบเดียวกัน ทั้ง 2 เครื่องจะสามารถเข้าใจระบบของกันและกัน และสามารถแลกเปลี่ยนข้อมูลระหว่างกันได้
โดยเฉพาะเลข Internet Protocol (IP) ที่เป็นการปูรากฐานให้กับโลกของอินเทอร์เน็ต
อุปกรณ์ทุกชนิดที่เชื่อมต่อกับอินเทอร์เน็ตจะต้องมีเลขนี้ เพื่อให้เครื่องคอมพิวเตอร์หรืออุปกรณ์ต่าง ๆ บนระบบเครือข่ายรู้จักกัน โดย IP จะระบุว่า เครือข่ายต่าง ๆ ควรเชื่อมโยงกันอย่างไร
เมื่อโลกอินเทอร์เน็ตถูกปูรากฐาน ต่อมาในยุค 1980s ก็เป็นอีกหนึ่งก้าวสำคัญของการพัฒนาคอมพิวเตอร์ส่วนบุคคลให้ทรงประสิทธิภาพมากขึ้น
Doug Engelbart นักวิจัยจากสถาบันวิจัยสแตนฟอร์ด ได้มาทำงานให้ PARC และได้พัฒนาระบบส่วนต่อประสานกราฟิกกับผู้ใช้ หรือ Graphic User Interface (GUI)
จากคอมพิวเตอร์รุ่นแรก ๆ ที่ใช้งานยากและต้องใช้งานผ่านตัวอักษร
ระบบ GUI ได้เข้ามาช่วยเปลี่ยนการใช้งานให้ง่ายขึ้นผ่านทางสัญลักษณ์หรือภาพ เช่น ไอคอน หน้าต่างการใช้งาน เมนู ปุ่มเลือก รวมถึงการพัฒนา “ตัวชี้ตำแหน่ง X-Y” ซึ่งต่อมาก็คือ “เมาส์”
ทั้งระบบ GUI และเมาส์นี่เอง ที่เป็นแรงบันดาลใจให้ Steve Jobs นำสิ่งเหล่านี้มาพัฒนาและเกิดเป็น “Macintosh” ในปี 1984 ซึ่งถือเป็น เครื่องคอมพิวเตอร์ส่วนบุคคลเครื่องแรก ๆ ที่มีการออกแบบอย่างเข้าใจผู้ใช้งาน
ในเวลานี้ คอมพิวเตอร์ส่วนบุคคลก็เริ่มได้รับความนิยมมากขึ้นเรื่อย ๆ
ครัวเรือนชาวอเมริกันที่ครอบครองคอมพิวเตอร์เพิ่มจากร้อยละ 5 ในช่วงต้นทศวรรษ 1980s
มาเป็นร้อยละ 20 ในปี 1989
โลกอินเทอร์เน็ตถูกเชื่อมโยงเข้ากับคอมพิวเตอร์ส่วนบุคคล และเปิดทางให้เกิดการพัฒนา World Wide Web ในช่วงปี 1989 ซึ่งมีจุดเริ่มต้นเมื่อ นักวิทยาศาสตร์ของสถาบันวิจัย CERN ในสวิตเซอร์แลนด์ ต้องการส่งข้อมูลให้กับเพื่อนนักวิทยาศาสตร์ทั่วโลก
World Wide Web, WWW คือ ระบบการเชื่อมโยงเครือข่ายข้อมูลบนอินเทอร์เน็ต จากแหล่งข้อมูลหนึ่ง ไปยังแหล่งข้อมูลที่อยู่ห่างไกลทั่วโลก ให้มีความง่ายต่อการใช้งานมากที่สุด
โดยผ่านซอฟต์แวร์ที่เรียกว่า “เบราว์เซอร์”
แล้ว “สาธารณชน” ในยุค 1990s ก็เข้าถึงโลกอินเทอร์เน็ตเป็นครั้งแรก!
สหรัฐอเมริกากลายเป็นประเทศที่มีผู้เข้าถึงอินเทอร์เน็ตสัดส่วนสูงเป็นอันดับต้น ๆ ของโลก ในปี 1996 มีชาวอเมริกันเข้าถึงอินเทอร์เน็ตสูงถึงร้อยละ 16
ในขณะที่หลายประเทศในยุโรปตะวันตกยังเข้าถึงอินเทอร์เน็ตไม่ถึงร้อยละ 5
การเกิดขึ้นของ World Wide Web ทำให้ย่านซิลิคอนแวลลีย์เริ่มคึกคักไปด้วยบริษัทที่มีโมเดลทำรายได้ผ่านอินเทอร์เน็ต ที่ถูกมองว่าเป็นนวัตกรรมแห่งอนาคต ขึ้นมามากมาย
และสิ่งสำคัญที่สุด ที่มีมาตั้งแต่การก่อตั้งบริษัทไอทีในยุค 1950s คือ ธุรกิจเงินร่วมลงทุน หรือ Venture Capital ดึงดูดให้บริษัทสตาร์ตอัปมากมาย หลั่งไหลเข้ามาใช้ประโยชน์จากข้อได้เปรียบเหล่านี้
นักศึกษาปริญญาเอกสาขาคอมพิวเตอร์จากมหาวิทยาลัยสแตนฟอร์ด 2 คน
คือ Larry Page และ Sergey Brin ได้ร่วมกันพัฒนาโปรแกรมสำหรับใช้ค้นหาข้อมูลบนอินเทอร์เน็ตในรูปแบบของ Search Engine
โดยใช้การทำงานของ Robot ที่ชื่อว่า Spider ซึ่งเป็นตัวสำรวจข้อมูล เมื่อพบข้อมูลที่ต้องการก็จะส่งข้อมูลไปยังเครื่องคอมพิวเตอร์ต้นทาง
ปี 1998 ทั้ง 2 คน ได้ตั้งบริษัทที่ชื่อว่า “Google” ในเมืองเมนโลพาร์ก และ IPO เข้าสู่ตลาดหุ้นในอีก 5 ปีถัดมา
แล้วก็ไม่ต่างอะไรกับบริษัท Apple เพราะอีก 20 ปีต่อมา บริษัท Google ที่เปลี่ยนชื่อเป็น Alphabet ก็ได้กลายมาเป็น บริษัทที่มีมูลค่าเป็นอันดับ 5 ของโลก..
แม้ความรุ่งเรืองจากการเกิดขึ้นของอินเทอร์เน็ต จะพาซิลิคอนแวลลีย์เข้าสู่การเติบโตที่รวดเร็วเกินไปจนเกิดวิกฤติฟองสบู่ดอตคอมในช่วงก้าวเข้าสู่ศตวรรษที่ 21 จนสร้างความเสียหายหลายบริษัทและนักลงทุนในตลาดหุ้นจำนวนมาก
แต่อย่างไรก็ตาม วิกฤติครั้งนั้น ก็ไม่สามารถหยุดยั้งการพัฒนาของเทคโนโลยี ณ หุบเขาแห่งนี้ได้
หลังจากวิกฤติไม่นาน ก็มีการพัฒนาระบบ IPv6 ที่ถูกสร้างขึ้นมาเพื่อแก้ปัญหาการขาดแคลน IP ช่วยให้อุปกรณ์ต่าง ๆ สามารถเข้าถึงอินเทอร์เน็ตได้มากขึ้น นอกเหนือจากเครื่องคอมพิวเตอร์
ซึ่งปูทางมาถึงการเกิดขึ้นของ “สมาร์ตโฟน” โทรศัพท์มือถือที่มีความสามารถในการใช้งานมัลติมีเดีย และเชื่อมต่อเข้ากับโลกอินเทอร์เน็ตอย่างไร้รอยต่อ ด้วยระบบ IPv6
หนึ่งในสมาร์ตโฟนที่โดดเด่นที่สุดก็คือ iPhone จากบริษัท Apple ที่เปิดตัวในปี 2007
เช่นเดียวกับ Google ที่ได้เข้าซื้อบริษัท Android และเปิดตัวโทรศัพท์แอนดรอยด์ในปี 2008
และทั้งสองก็แข่งขันกันพัฒนาระบบปฏิบัติการของตัวเอง
เมื่อผู้คนเริ่มใช้สมาร์ตโฟนมากขึ้น นำมาสู่การเกิดขึ้นของ “Application” ซอฟต์แวร์ที่ใช้เพื่อช่วยการทำงานต่าง ๆ ของผู้ใช้งาน
โดยแอปพลิเคชัน จะมีส่วนที่ติดต่อกับผู้ใช้ (User Interface) หรือ UI เพื่อเป็นตัวกลางในการใช้งานให้ราบรื่น
และด้วยความที่ซิลิคอนแวลลีย์เต็มไปด้วย Venture Capital ที่คอยให้เงินทุนสนับสนุนไอเดียล้ำ ๆ
หุบเขาแห่งนี้ จึงยังคงเป็นแม่เหล็กดึงดูดบริษัทใหม่มากมาย โดยเฉพาะบริษัทที่จะมาสร้างสรรค์เครือข่ายสังคมออนไลน์..
ปี 2003 LinkedIn เกิดแพลตฟอร์มเครือข่ายธุรกิจในการหางานและผู้ร่วมงาน
ก่อตั้งโดย Reid Garrett Hoffman วิศวกรที่เคยทำงานให้กับ Apple
ปี 2004 เกิด Facebook เครือข่ายสังคมออนไลน์ที่มีผู้ใช้งานหลายพันล้านคนทั่วโลก
ที่มีจุดเริ่มต้นมาจากการคิดค้นวิธีการเชื่อมผู้คนในรูปแบบใหม่ในรั้วมหาวิทยาลัยฮาร์วาร์ด ของ Mark Zuckerberg พร้อมกับเพื่อนอีก 4 คน
ปี 2006 หลังออกจากมหาวิทยาลัย Jack Dorsey พร้อมกับเพื่อนอีก 3 คน
ได้ก่อตั้งเครือข่ายสังคมออนไลน์ประเภท Microblog ที่แสดงข้อความสั้น ๆ ความยาวไม่เกิน 140 ตัวอักษร
โดยคิดค้นชื่อที่มาจากคำว่า Tweet ซึ่งแปลว่าเสียงนกร้อง Logo ของบริษัทจึงเป็นรูปนก และบริษัทนี้มีชื่อว่า Twitter
ปี 2009 เกิด WhatsApp แอปพลิเคชันในการติดต่อสื่อสารด้วยข้อความ ก่อตั้งโดย Jan Koum โปรแกรมเมอร์ที่เห็นประโยชน์จากการเกิดขึ้นของสมาร์ตโฟน
บริษัททั้งหมดล้วนมีสำนักงานใหญ่ตั้งอยู่ในซิลิคอนแวลลีย์
หุบเขาแห่งเทคโนโลยีแห่งนี้ยังคงดึงดูดผู้คนจากทั่วโลกให้เข้าไปเติมเต็มความฝัน เพื่อสร้างสรรค์อุปกรณ์ไอทีที่ไฮเทคขึ้นเรื่อย ๆ
และเปลี่ยนแปลงมาสู่โลกของเครือข่ายอุปกรณ์ที่เชื่อมต่อกับอินเทอร์เน็ตและเชื่อมต่อกันและกัน หรือเรียกว่า “Internet of Things” ที่จะเข้ามามีบทบาทในทุกย่างก้าวของชีวิต
ความสำเร็จของอุตสาหกรรมไอทีที่ทำให้สหรัฐอเมริกากลายเป็นมหาอำนาจของโลก ล้วนมีที่มาจากหลายปัจจัย
ทั้งระบบการศึกษาที่เข้มแข็ง ที่สร้างองค์ความรู้และช่วยวางรากฐานสู่โลกธุรกิจ
วัฒนธรรมแห่งเสรีภาพ ที่สนับสนุนให้คนรุ่นใหม่กล้าคิดกล้าทำเพื่อสร้างสรรค์สิ่งใหม่ ๆ
แหล่งเงินทุน ที่เข้าถึงง่ายและมีหลากหลายรูปแบบ
และเครือข่ายผู้คิดค้นนวัตกรรมที่เติมเต็มความฝันต่อยอดกันไปไม่รู้จบ
หากถามว่า อิทธิพลทางเทคโนโลยีของสหรัฐอเมริกาจะคงอยู่อีกนานแค่ไหน ?
เมื่อไรที่มนุษย์จะหยุดฝัน เมื่อนั้นอาจเป็นคำตอบ..
╔═══════════╗
Blockdit เป็นแพลตฟอร์ม สำหรับนักอ่าน และนักเขียน
ที่มีผู้ใช้งาน 1 ล้านคน ลองใช้แพลตฟอร์มนี้เพื่อได้ไอเดียใหม่ๆ
แล้วอาจพบว่าสังคมนี้เหมาะกับคนเช่นคุณ
Blockdit. Ideas Happen. Blockdit.com/download
╚═══════════╝
ติดตามลงทุนแมนได้ที่
Website - longtunman.com
Blockdit - blockdit.com/longtunman
Facebook - facebook.com/longtunman
Twitter - twitter.com/longtunman
Instagram - instagram.com/longtunman
Line - page.line.me/longtunman
YouTube - youtube.com/longtunman
Spotify - open.spotify.com/show/4jz0qVn1AL7tRMHiTvMbZH
Apple Podcasts - podcasts.apple.com/th/podcast/ลงท-นแมน/id1543162829
Soundcloud - soundcloud.com/longtunman
References:
-มิเชลล์ ควินน์, เมื่อซิลิคอนแวลลีย์เติบใหญ่ นิตยสารเนชั่นแนล จีโอกราฟฟิก ฉบับเดือนกุมภาพันธ์ 2562
-https://www.parc.com/about-parc/parc-history/
-https://www.internetsociety.org/wp-content/uploads/2017/09/ISOC-History-of-the-Internet_1997.pdf
-https://searchnetworking.techtarget.com/definition/TCP-IP
-https://www.lifewire.com/transmission-control-protocol-and-internet-protocol-816255
-https://tradingeconomics.com/united-states/personal-computers-per-100-people-wb-data.html
-https://www.businessinsider.com.au/highest-valued-public-companies-apple-aramco-biggest-market-cap-2020-1
-https://www.forbes.com/profile/reid-hoffman/#5f276ca61849
-http://startitup.in.th/the-rags-to-rich-jan-koum-whatsapp-co-founder-startup-story/
-https://www.set.or.th/set/enterprise/html.do?name=vc
startup 3 pdf 在 โปรแกรมเมอร์ไทย Thai programmer Facebook 的最讚貼文
มีน้องๆ ถามมาว่าอยากเป็นโปรแกรมเมอร์ได้มั๊ย
.
ดังนั้นผมจึงทำลิสต์ไว้ 3 ข้อเอาไว้เช็ค
ดูว่าเราเองนี้มีคุณสมบัติเหมาะกับการเป็นโปรแกรมหรือเปล่า
.
😍 1) ต้องมีความเป็นนักประดิษฐ์
การเขียนโปรแกรมต้องมีการสร้างโน่นสร้างนี้ตลอดเวลา
สร้างเว็บ เกม แอพลิเคชั่นมือถือ สร้างโปรแกรมต่างๆ บนโลกคอมพิวเตอร์
.
พูดง่ายๆ คือสร้างซอฟต์แวร์บนคอมนะครับ
นี้คือสิ่งประดิษฐ์ที่ล้วนเกิดจากแป้นพิมพ์คีย์บอร์ด
ที่เหล่าโปรแกรมเมอร์เสมือนร่ายเวทมนต์เสกมันออกมา
.
จะให้ลองนึกถึงนักวิทยาศาสตร์ นักประดิษฐ์ระดับโลก
เช่น โทมัส อัลวา เอดิสัน (Thomas Alva Edison)
ถ้าสมัยนี้ก็ พี่มาร์ค ซัคเคอร์เบิกผูสร้างเฟสบุ๊ค
บิลเกตผู้ก่อตั้งไมโครซอฟต์
สติฟจอป ผู้ก่อตั้งบริษัทแอปเปิล
.
นี้ขอยกตัวอย่างคนดังๆ
ถ้าน้องไม่รู้จักลองคนเหล่านี้
ลองเอาชื่อที่เอ่ยมาสักครู่ไปค้นประวัติดูได้
.
แล้วถ้าเกิดชอบ
รู้สึกว่ามีคนพวกนี้เป็นไอดอล
อยากขอลายเซนต์
อยากถ่ายรูปด้วย
ก็อยากจะกวักมือให้อ่านบทความนี้จนจบ
.
เอาเป็นว่าอยากให้ลองถามหัวใจตัวเอง
ถ้าน้องๆ ชื่นชอบการสร้าง การประดิษฐ์คิดค้น
มีความสุขที่ได้สร้างอะไรขึ้นมาด้วยสองมือเราเอง
ยิ่งมันเสร็จขึ้นมา เราจะรู้สึกวาว
มันเจ๋ง มันเยี่ยมยองกระเทียมเจียว
แล้วยิ่งมีคนมาใช้งานสิ่งที่เราสร้าง
.
ลองนึกถึงน้องๆ ได้สร้างเฟสบุ๊คมากับมือ
น้องภูมิใจไหมที่มีคนใช้กันเป็นพันล้านคนทั่วโลก
ถ้าน้องๆ รู้สึกโคตรภูมิใจมากๆๆ มีความสุข
ที่เห็นสิ่งประดิษฐ์เราออกสู่สายตาโลก
ยินดีด้วยนี้คือก้าวแรกของเส้นทางการเขียนโปรแกรม
.
😍 2) ต้องเป็นนักแก้ปัญหา
นึกถึงคนที่เขียนโปรแกรม
พวกเขาจะมีอุปสรรคปัญหาให้แก้ตลอดเวลา
.
✔ จากลูกค้าที่โยนปัญหามาให้เรา
✔ หรือโปรแกรมเราที่ติดบั๊ก แต่ไม่ติดรอหัวใจ
✔ โปรแกรมเกิด error หรือข้อผิดพลาดในโปรแกรม
✔ เวลาทำงานไม่ผ่าน ทำงานไม่ตรงตามจุดประสงค์
✔ โปรแกรมก็ต้องมานั่งตามเช็คตามล้าง
.
อาชีพนักเขียนโปรแกรม พวกเขาต้องมานั่งขบ คิด
บางทีปัญหาไม่จบในที่ทำงาน
นอกเวลาก็ต้องมานั่งคิด
เช่น กินข้าว อาบน้ำ นั่งถ่ายในห้องน้ำ ก็ต้องนั่งมานั่งคิด
.
เพราะบ้างทีชั่วโมงทำงานมันจบไปแล้ว
แต่หัวสมองเรายังไม่จบ
ยังเกิดความรู้สึกคาใจ อยากแก้ปัญหาคาใจให้ออก
.
บางคนขนาดตอนหลับก็เอาไปฝัน
สามารถคิดแก้ปัญหาตอนหลับได้ก็มี
หัวสมองเราต้องเป็นนักสู้
สู้ในที่นี้ หมายถึงสู้เพื่อแก้ไขปัญหา
พอแก้ปัญหาได้ รู้สึกว่ากูเจ๋ง กูเยี่ยมว่ะ
เราเองสุดยอดที่แก้ปัญหาได้
.
ลองนึกถึงเวลาเล่นเกมปัญหาเชาว์ต่างๆ เช่น
จับผิดสิ่งที่อยู่รูปภาพ
หรือทายปริศนาคำศัพท์
หรือเล่นเกมรูบิก เป็นต้น
.
ถ้าน้องรู้สึกชอบว่ะ พยายามสู้
พยายามแก้ปัญหาเชาว์พวกนี้
แก้ให้ได้ แก้ไม่ได้ จะไม่เลิก
.
ยิ่งแก้ได้ ยิ่งจะกระโดดโลดเต้น
ถ้าน้องมีความรู้สึกแบบนี้ ยินดีด้วยครับ
นี้คือก้าวที่สองของเส้นทางสู้การเขียนโปรแกรม
.
😍 3) ต้องสนใจและติดตามเทคโนโลยี
งานเขียนโปรแกรม
งานส่วนใหญ่อยู่ใลกไอที คอมพิวเตอร์
พื้นฐานจะเป็นนักเขียนโปรแกรมได้
ต้องสนใจและติดตามเทคโนโลยี
ตรงไปตรงมามากๆ
อยากลืมว่าเทคโนโลยีมันเปลี่ยนแปลงเร็ว
บ้างตัวมา แล้วไปฆ่าเทคโนโลยีอื่นตาย
.
✔ กล้องถ่ายรูปแบบฟิล์ม เดี่ยวนี้เป็นกล้องดิจิตอล
✔ โทรศัพท์มือถือเมื่อก่อนยังขาวดำ ปุ่มกดธรรมดา
ปัจจุบันเป็นทัสสกรีน หน้าจอสัมผัส เป็นสมาร์ทโฟน
.
การที่คนเขียนโปรแกรมต้องเรียนรู้
ปรับตัวตามกระแสเทคโนโลยีให้ทัน
จะทำให้คนภายนอกมองว่าเราคือผู้เชี่ยวชาญ
เขามาจ้างเราเพราะอะไรรู้ไหมครับ?
.
เพราะเขาทำไม่เป็น
อย่าลืมว่าคนไม่เป็นไอที
ยังไงเขาก็ไม่เป็นจริงๆ เลยนะ
.
ด้วยเหตุนี้เขาจึงต้องจ้างเขียนโปรแกรม
ยิ่งเราเก่งด้านนี้
กล้าพูดได้เลยว่า
สามารถเรียกค่าตัวให้แพงได้
เพราะเราในสายตาลูกค้า หรือนายจ้าง
คือผู้เชียวชาญ เพราะเขาทำไม่ได้อย่างเรา
ดังนั้นเราไม่ใช่กระจอก
.
เพราะฉะนั้นถ้าเราไม่หมั่นตามเทคโนโลยี
ไม่หมั่นฝึกฝน
ไม่เป็นผู้เชียวชาญ
แล้วเราจะเก่งได้ไง
.
นี้แหละคือคุณสมบัติ 3 ข้อ
ในการเช็คว่าเราเป็นนักเขียนโปรแกรมได้หรือไม่
.
.
🧘♂ ++++++ 🧘♂
.
ทิ้งท้าย
ทุกอาชีพมันก็มีด้านมืดด้านสว่าง
ด้านสว่างทางสายนี้ คือเงินดี
.
ยิ่งเป็น เอาท์ซอร์ส หรือ contact
เงินเดือนเกินครึ่งแสน
เก่งจริงมีให้เห็นมาแล้ว
ยิ่งภาษาอังกฤษได้
โปรไฟล์จะเราจะหล่อสวย
มีแต่คนจ้องตามจีบ
.
ยิ่งรู้จักเก็บเงินดีๆ
ยิ่งรู้จักใช้เงินทำงานให้เป็น
รับรองได้เห็นเงินล้านก่อนอายุ 30 ไม่ยาก
.
แต่ถ้าเป็นพนักงานประจำ
ก็ต้องบอกตามตรงรายได้จะไม่สูงมาก
ยกเว้นไปทำต่างชาติ
หรือพวก startup บางเจ้า เขากล้าจ้างแพง
.
ส่วนด้านมืดคืองานเครียด
อาชีพนี้อยู่ได้เพราะเรา....
ต้องใช้สมองแก้ปัญหา ให้ลูกค้า
เพราะลูกค้า หรือนายจ้าง
เขาทำไม่ได้เหมือนเรา
จึงต้องมาจ้างเราเขียนโปรแกรมให้
.
สำหรับบทบาทอาชีพนี้
ถ้าเปรียบเป็นนักฟุตบอลคือ
ไม่ตำแหน่งกองหลัง ก็ผู้รักษาประตู
ทำงานปิดทองหลังพระเสียมากกว่า
เราไม่ใช่กองหน้า
.
พอไม่ใช่กองหน้าซุปเปอร์สตาร์
บางคนเลยเจอกดเงินเดือนลง
ทั้งที่ความรับผิดชอบเกินเงินเดือน
.
ถ้าใจไม่รักไม่ชอบอยู่ยาก
ยิ่งถ้าไม่มีพื้นฐาน 3 ข้อที่กล่าวมา
รับรองอยู่ได้ไม่นาน
ก็เบื่อลาออก
ไปทำอย่างอื่นกันหมด
.
อย่าลืมในโลกใบนี้
มันมีงานที่เงินดี
ที่ไม่ต้องใช้สมองแก้ปัญหา
เหมือนนักเขียนโปรแกรม
งานดีเงินดีมีเยอะมากมาย
.
เพียงแต่อาชีพไหน?
จะเหมาะกับตัวตนน้องๆ
ถูกจริตหรือไม่ ก็เท่านั้นเอง
.
งานที่ไม่ใช่ ยังไงก็ไม่ใช่
.
.
.
.
.
.
.
.++++++++++++++++++++++++++++
<ประชาสัมพันธ์ ขายหนังสือ/>
“โปรแกรมเมอร์ก็รวยได้ ด้วยเส้นทางเอาท์ซอร์สสายดำ”
ความยาว 176 หน้า กระดาษ A5 (≈ 41,002 คำ)
แบ่งเป็น 2 เวอร์ชั่น
.
👉 1) เวอร์ชั่นพิเศษเป็น PDF
ปรินต์ออกมานอนเกาพุงอ่านได้ ราคา 330 ฿
ติดต่อสั่งซื้อไดที่ไลน์ @269aibvq (เฉพาะ PDF)
.
👉 2) เวอร์ชั่นอีบุ๊กอ่านผ่านโปรแกรมของเว็บ mebmarket
ไม่มีแจก PDF ปรินต์ออกมาไม่ได้
ราคาถูกลงมาหน่อย 250 บาท ฿
กับ 279 บาท ฿ (ซื้อผ่านระบบ Apple)
ซื้อได้ที่ 👇
https://www.mebmarket.com/web/index.php…
.
สำหรับตัวอย่างหนังสือ ดาวน์โหลดได้ตามลิงก์ข้างล่าง 👇
https://drive.google.com/open…
.
✍ เขียนโดย โปรแกรมเมอร์ไทย thai programmer
Sisters asked me if I want to be a programmer.
.
So I made 3 lists for checking out.
Let's see if we qualify as a program.
.
😍 1) An inventor must be
Programming must be built all the time.
Build web games, mobile application, create programs in the computer world.
.
Easy to say. It's built software on computer.
This is an invention that was all caused by keyboard.
Where the virtual programmers cast their spells.
.
Let's think about the scientists, the innovators, the world.
Like Thomas Alva Edison (Thomas Alva Edison)
If these days, it's me, Mark sạkh, the creator of Facebook.
Bill Gate, the founder of Microsoft.
Stiff Jopp, founder of Apple Company.
.
Let's give a celebrity example.
If you don't know, try these guys.
Let's get your name in a while. Let's go through the history.
.
What if I like it?
Feel like these people are idols
I want to ask for a signature.
Wanted to take a picture
I want to shake my hand to read this article until the end.
.
Let's just say that I want you to ask your heart.
If the sisters love creating invention
Happy to create something with our own two hands.
The more it's done we'll feel shiny
It's cool. It's great. Jeaw garlic.
And more people use what we create.
.
Let's think about the brothers and sisters. Created Facebook with their hands.
Are you proud that there are billions of people around the world?
If the sisters are feeling very proud and happy.
Seeing our invention out of the world.
Congratulations, this is the first step of the programming path.
.
😍 2) must be a problem solver
Think of the programming people.
They will always have obstacles to solve.
.
✔ from customers who throw us trouble
✔ or our program that sticks to the buck but doesn't get stuck waiting for the heart.
✔ error or error program error
✔ Working time, not working, not working on purpose.
✔ Programme, I have to come to sit and check and wash.
.
Programmers career. They need to sit and think.
Maybe problems don't end at work
I have to sit and think about it.
Such as eating, taking shower, sitting and filming in the toilet, I have to sit and think.
.
Because sometime in the working hours are over
But our head is not over yet.
I still feel like I want to solve my problem.
.
Some people even when they sleep, they take it to dream.
I can think of solving problems when I sleep.
Our head is a fighter.
Fighting here means fighting to fix the problem.
When I can solve the problem, I feel like I'm cool. I'm great.
It's me. The best that I can solve problems.
.
Think about game time, chow problems like
Catching the wrong thing in the photo
Or guess the vocabulary puzzle
Or play Rubik, etc.
.
If you feel like it, try to fight.
Trying to solve these chao problems
I can't solve it. I can't fix
.
The more I can solve, the more I can jump and dance.
If you have feelings like this, congratulations.
This is the second step of the path to programming.
.
😍 3) Must be interested and follow technology.
Programming
Most jobs are in computer IT.
The basics can be a program writer.
Need to be interested and follow technology
Very candid.
I want to forget that technology is changing fast.
Some of them come and kill other technologies.
.
✔ This single film camera is a digital camera.
✔ Mobile phone used to be white, black, black, normal pressing button.
Currently, it's Tuspicious. The touch screen is a smartphone.
.
The way a programmer needs to learn
Adapt to the technology trend.
Will make outsiders think that we are experts
Why did he hire us?
.
Because he can't do it.
Don't forget that people are not IT.
He's not really real at all
.
That's why he has to hire to program.
The more we are good at this.
I dare to say that
Can be charged to be expensive
Because we are in the eyes of customers or employers.
I'm an expert because he can't do it like me.
So we are not shoddy
.
So if we don't stand by technology
No practice.
I'm not an expert
How can I be good at it?
.
Here are 3 qualifications.
In check if we can be programmers
.
.
🧘♂ ++++++ 🧘♂
.
Backing up.
Every career has a dark side, bright side.
The bright side this line is good money
.
The more outsource or contact
Salary is over half hundred thousand
Really good. I have seen it.
The more English I get.
My profile will be handsome, beautiful.
There are many people who follow me.
.
The more you know how to save good money.
The more you know how to spend money to work.
I guarantee that it's not difficult to see a million before 30
.
But if it's a full time employee.
I have to be honest. The income won't be very high.
Except to go foreign.
Or some startups. They dare to hire expensive people.
.
The dark side is stressful work
This career lasts because of us....
Need brain to solve problems for customers.
Because of a customer or an employer.
He can't do it like us
So you have to hire us to program it.
.
For this career role.
If it's like a footballer, it's
No defender position, goalkeeper.
Working to close gold after monk's back is more broken.
We are not a striker
.
Enough is not a superstar striker.
Some people found that they pressed their salary down.
Responsibility is beyond salary
.
If you don't love, you don't like
If you don't have the 3 basics that you say.
Guaranteed it won't last long
I'm bored to quit.
Let's go do something else
.
Don't forget in this world
It has a job that pays well
That doesn't need brain to solve problems.
Like a program writer.
Good work, good money, lots of them.
.
Just what profession is this?
I will be suitable for the younger ones.
Right or not. That's all.
.
A job that is not a job is not a thing.
.
.
.
.
.
.
.
.++++++++++++++++++++++++++++
< Public relations book sale />
′′ Programmers can also be rich with black outsource routes
Length 176 pages h̄n̂ā paper (≈ 41,002 words)
Divided into 2 versions
.
👉 1) Special version as PDF
Princess came out to sleep and scratch my belly. Read it. Price is 330 ฿
Contact Line s̄ạ̀ng sụ̄̂x 269 aibvq (PDF only)
.
👉 2) Ebook version read through the program of mebmarket web.
There is no PDF giving away. Can't print.
The price is cheaper. 250 baht ฿
With 279 Baht ฿ (Buying via Apple System)
Buy it at 👇
https://www.mebmarket.com/web/index.php?action=BookDetails&data=YToyOntzOjc6InVzZXJfaWQiO3M6NzoiMTcyNTQ4MyI7czo3OiJib29rX2lkIjtzOjY6IjEzMTQxMiI7fQ
.
For the book preview, download the link below 👇
https://drive.google.com/open?id=1tAnMozeYd63dcbBGTQmT_ZrpSaamZS3e
.
✍ Written by Thai programmer thai coderTranslated
startup 3 pdf 在 โปรแกรมเมอร์ไทย Thai programmer Facebook 的最佳解答
มีน้องๆ ถามมาว่าอยากเป็นโปรแกรมเมอร์ได้มั๊ย
.
ดังนั้นผมจึงทำลิสต์ไว้ 3 ข้อเอาไว้เช็ค
ดูว่าเราเองนี้มีคุณสมบัติเหมาะกับการเป็นโปรแกรมหรือเปล่า
.
😍 1) ต้องมีความเป็นนักประดิษฐ์
การเขียนโปรแกรมต้องมีการสร้างโน่นสร้างนี้ตลอดเวลา
สร้างเว็บ เกม แอพลิเคชั่นมือถือ สร้างโปรแกรมต่างๆ บนโลกคอมพิวเตอร์
.
พูดง่ายๆ คือสร้างซอฟต์แวร์บนคอมนะครับ
นี้คือสิ่งประดิษฐ์ที่ล้วนเกิดจากแป้นพิมพ์คีย์บอร์ด
ที่เหล่าโปรแกรมเมอร์เสมือนร่ายเวทมนต์เสกมันออกมา
.
จะให้ลองนึกถึงนักวิทยาศาสตร์ นักประดิษฐ์ระดับโลก
เช่น โทมัส อัลวา เอดิสัน (Thomas Alva Edison)
ถ้าสมัยนี้ก็ พี่มาร์ค ซัคเคอร์เบิกผูสร้างเฟสบุ๊ค
บิลเกตผู้ก่อตั้งไมโครซอฟต์
สติฟจอป ผู้ก่อตั้งบริษัทแอปเปิล
.
นี้ขอยกตัวอย่างคนดังๆ
ถ้าน้องไม่รู้จักลองคนเหล่านี้
ลองเอาชื่อที่เอ่ยมาสักครู่ไปค้นประวัติดูได้
.
แล้วถ้าเกิดชอบ
รู้สึกว่ามีคนพวกนี้เป็นไอดอล
อยากขอลายเซนต์
อยากถ่ายรูปด้วย
ก็อยากจะกวักมือให้อ่านบทความนี้จนจบ
.
เอาเป็นว่าอยากให้ลองถามหัวใจตัวเอง
ถ้าน้องๆ ชื่นชอบการสร้าง การประดิษฐ์คิดค้น
มีความสุขที่ได้สร้างอะไรขึ้นมาด้วยสองมือเราเอง
ยิ่งมันเสร็จขึ้นมา เราจะรู้สึกวาว
มันเจ๋ง มันเยี่ยมยองกระเทียมเจียว
แล้วยิ่งมีคนมาใช้งานสิ่งที่เราสร้าง
.
ลองนึกถึงน้องๆ ได้สร้างเฟสบุ๊คมากับมือ
น้องภูมิใจไหมที่มีคนใช้กันเป็นพันล้านคนทั่วโลก
ถ้าน้องๆ รู้สึกโคตรภูมิใจมากๆๆ มีความสุข
ที่เห็นสิ่งประดิษฐ์เราออกสู่สายตาโลก
ยินดีด้วยนี้คือก้าวแรกของเส้นทางการเขียนโปรแกรม
.
😍 2) ต้องเป็นนักแก้ปัญหา
นึกถึงคนที่เขียนโปรแกรม
พวกเขาจะมีอุปสรรคปัญหาให้แก้ตลอดเวลา
.
✔ จากลูกค้าที่โยนปัญหามาให้เรา
✔ หรือโปรแกรมเราที่ติดบั๊ก แต่ไม่ติดรอหัวใจ
✔ โปรแกรมเกิด error หรือข้อผิดพลาดในโปรแกรม
✔ เวลาทำงานไม่ผ่าน ทำงานไม่ตรงตามจุดประสงค์
✔ โปรแกรมก็ต้องมานั่งตามเช็คตามล้าง
.
อาชีพนักเขียนโปรแกรม พวกเขาต้องมานั่งขบ คิด
บางทีปัญหาไม่จบในที่ทำงาน
นอกเวลาก็ต้องมานั่งคิด
เช่น กินข้าว อาบน้ำ นั่งถ่ายในห้องน้ำ ก็ต้องนั่งมานั่งคิด
.
เพราะบ้างทีชั่วโมงทำงานมันจบไปแล้ว
แต่หัวสมองเรายังไม่จบ
ยังเกิดความรู้สึกคาใจ อยากแก้ปัญหาคาใจให้ออก
.
บางคนขนาดตอนหลับก็เอาไปฝัน
สามารถคิดแก้ปัญหาตอนหลับได้ก็มี
หัวสมองเราต้องเป็นนักสู้
สู้ในที่นี้ หมายถึงสู้เพื่อแก้ไขปัญหา
พอแก้ปัญหาได้ รู้สึกว่ากูเจ๋ง กูเยี่ยมว่ะ
เราเองสุดยอดที่แก้ปัญหาได้
.
ลองนึกถึงเวลาเล่นเกมปัญหาเชาว์ต่างๆ เช่น
จับผิดสิ่งที่อยู่รูปภาพ
หรือทายปริศนาคำศัพท์
หรือเล่นเกมรูบิก เป็นต้น
.
ถ้าน้องรู้สึกชอบว่ะ พยายามสู้
พยายามแก้ปัญหาเชาว์พวกนี้
แก้ให้ได้ แก้ไม่ได้ จะไม่เลิก
.
ยิ่งแก้ได้ ยิ่งจะกระโดดโลดเต้น
ถ้าน้องมีความรู้สึกแบบนี้ ยินดีด้วยครับ
นี้คือก้าวที่สองของเส้นทางสู้การเขียนโปรแกรม
.
😍 3) ต้องสนใจและติดตามเทคโนโลยี
งานเขียนโปรแกรม
งานส่วนใหญ่อยู่ใลกไอที คอมพิวเตอร์
พื้นฐานจะเป็นนักเขียนโปรแกรมได้
ต้องสนใจและติดตามเทคโนโลยี
ตรงไปตรงมามากๆ
อยากลืมว่าเทคโนโลยีมันเปลี่ยนแปลงเร็ว
บ้างตัวมา แล้วไปฆ่าเทคโนโลยีอื่นตาย
.
✔ กล้องถ่ายรูปแบบฟิล์ม เดี่ยวนี้เป็นกล้องดิจิตอล
✔ โทรศัพท์มือถือเมื่อก่อนยังขาวดำ ปุ่มกดธรรมดา
ปัจจุบันเป็นทัสสกรีน หน้าจอสัมผัส เป็นสมาร์ทโฟน
.
การที่คนเขียนโปรแกรมต้องเรียนรู้
ปรับตัวตามกระแสเทคโนโลยีให้ทัน
จะทำให้คนภายนอกมองว่าเราคือผู้เชี่ยวชาญ
เขามาจ้างเราเพราะอะไรรู้ไหมครับ?
.
เพราะเขาทำไม่เป็น
อย่าลืมว่าคนไม่เป็นไอที
ยังไงเขาก็ไม่เป็นจริงๆ เลยนะ
.
ด้วยเหตุนี้เขาจึงต้องจ้างเขียนโปรแกรม
ยิ่งเราเก่งด้านนี้
กล้าพูดได้เลยว่า
สามารถเรียกค่าตัวให้แพงได้
เพราะเราในสายตาลูกค้า หรือนายจ้าง
คือผู้เชียวชาญ เพราะเขาทำไม่ได้อย่างเรา
ดังนั้นเราไม่ใช่กระจอก
.
เพราะฉะนั้นถ้าเราไม่หมั่นตามเทคโนโลยี
ไม่หมั่นฝึกฝน
ไม่เป็นผู้เชียวชาญ
แล้วเราจะเก่งได้ไง
.
นี้แหละคือคุณสมบัติ 3 ข้อ
ในการเช็คว่าเราเป็นนักเขียนโปรแกรมได้หรือไม่
.
.
🧘♂ ++++++ 🧘♂
.
ทิ้งท้าย
ทุกอาชีพมันก็มีด้านมืดด้านสว่าง
ด้านสว่างทางสายนี้ คือเงินดี
.
ยิ่งเป็น เอาท์ซอร์ส หรือ contact
เงินเดือนเกินครึ่งแสน
เก่งจริงมีให้เห็นมาแล้ว
ยิ่งภาษาอังกฤษได้
โปรไฟล์จะเราจะหล่อสวย
มีแต่คนจ้องตามจีบ
.
ยิ่งรู้จักเก็บเงินดีๆ
ยิ่งรู้จักใช้เงินทำงานให้เป็น
รับรองได้เห็นเงินล้านก่อนอายุ 30 ไม่ยาก
.
แต่ถ้าเป็นพนักงานประจำ
ก็ต้องบอกตามตรงรายได้จะไม่สูงมาก
ยกเว้นไปทำต่างชาติ
หรือพวก startup บางเจ้า เขากล้าจ้างแพง
.
ส่วนด้านมืดคืองานเครียด
อาชีพนี้อยู่ได้เพราะเรา....
ต้องใช้สมองแก้ปัญหา ให้ลูกค้า
เพราะลูกค้า หรือนายจ้าง
เขาทำไม่ได้เหมือนเรา
จึงต้องมาจ้างเราเขียนโปรแกรมให้
.
สำหรับบทบาทอาชีพนี้
ถ้าเปรียบเป็นนักฟุตบอลคือ
ไม่ตำแหน่งกองหลัง ก็ผู้รักษาประตู
ทำงานปิดทองหลังพระเสียมากกว่า
เราไม่ใช่กองหน้า
.
พอไม่ใช่กองหน้าซุปเปอร์สตาร์
บางคนเลยเจอกดเงินเดือนลง
ทั้งที่ความรับผิดชอบเกินเงินเดือน
.
ถ้าใจไม่รักไม่ชอบอยู่ยาก
ยิ่งถ้าไม่มีพื้นฐาน 3 ข้อที่กล่าวมา
รับรองอยู่ได้ไม่นาน
ก็เบื่อลาออก
ไปทำอย่างอื่นกันหมด
.
อย่าลืมในโลกใบนี้
มันมีงานที่เงินดี
ที่ไม่ต้องใช้สมองแก้ปัญหา
เหมือนนักเขียนโปรแกรม
งานดีเงินดีมีเยอะมากมาย
.
เพียงแต่อาชีพไหน?
จะเหมาะกับตัวตนน้องๆ
ถูกจริตหรือไม่ ก็เท่านั้นเอง
.
งานที่ไม่ใช่ ยังไงก็ไม่ใช่
.
.
.
.
.
.
.
.++++++++++++++++++++++++++++
<ประชาสัมพันธ์ ขายหนังสือ/>
“โปรแกรมเมอร์ก็รวยได้ ด้วยเส้นทางเอาท์ซอร์สสายดำ”
ความยาว 176 หน้า กระดาษ A5 (≈ 41,002 คำ)
แบ่งเป็น 2 เวอร์ชั่น
.
👉 1) เวอร์ชั่นพิเศษเป็น PDF
ปรินต์ออกมานอนเกาพุงอ่านได้ ราคา 330 ฿
ติดต่อสั่งซื้อไดที่ไลน์ @269aibvq (เฉพาะ PDF)
.
👉 2) เวอร์ชั่นอีบุ๊กอ่านผ่านโปรแกรมของเว็บ mebmarket
ไม่มีแจก PDF ปรินต์ออกมาไม่ได้
ราคาถูกลงมาหน่อย 250 บาท ฿
กับ 279 บาท ฿ (ซื้อผ่านระบบ Apple)
ซื้อได้ที่ 👇
https://www.mebmarket.com/web/index.php?action=BookDetails&data=YToyOntzOjc6InVzZXJfaWQiO3M6NzoiMTcyNTQ4MyI7czo3OiJib29rX2lkIjtzOjY6IjEzMTQxMiI7fQ
.
สำหรับตัวอย่างหนังสือ ดาวน์โหลดได้ตามลิงก์ข้างล่าง 👇
https://drive.google.com/open?id=1tAnMozeYd63dcbBGTQmT_ZrpSaamZS3e
.
✍ เขียนโดย โปรแกรมเมอร์ไทย thai programmer
startup 3 pdf 在 StartUp | General English | Catalogue | Levels & samples 的相關結果
StartUp is an eight-level, multi-skills course that motivates 21st-century learners with relevant and media-rich content. It includes the Pearson Practice ... ... <看更多>
startup 3 pdf 在 StartUp 3 Student PDF Book - ELTbookTest 的相關結果
Home » StartUp 3 Student PDF Book ... StartUp is an innovative eight-level, multi- skills general English course built around the Global Scale of English ... ... <看更多>
startup 3 pdf 在 StartUp 3 - ВКонтакте 的相關結果
StartUp 3 PDF,MP3. ... StartUp is the brand new common English course for adults and younger adults who wish to make their manner on the planet and wish ... ... <看更多>