Anna Wintour ผู้บริหารหญิงที่ทรงอิทธิพลที่สุด ผู้กุมบังเหียนบงการกำหนดทิศทางโลกแฟชั่น
.
แม้ผู้หญิงจะเป็นของคู่กับแฟชั่น แต่รู้หรือไม่? ว่าผู้อยู่เบื้องหลังในวงการและธุรกิจแฟชั่น ส่วนใหญ่เป็นผู้ชายแทบจะทั้งหมด อย่างแบรนด์ดังระดับโลกไม่ว่าจะเป็น Chanel, Dior และ Louis Vuitton ก็มีผู้กุมบังเหียนเป็นผู้ชายด้วยกันทั้งนั้น การที่แบรนด์ไหนหรือธุรกิจไหนจะมีผู้นำเป็น “ผู้หญิง” จึงนับว่าแตกต่างและท้าทายเอามากๆ เพราะมีความเชื่อที่ว่า ผู้หญิงไม่สามารถทำธุรกิจได้ดีเท่าผู้ชาย!
.
ซึ่งนั่นไม่เป็นความจริง เพราะมีผู้หญิงคนหนึ่งได้พิสูจน์ให้เห็นแล้วว่า ผู้หญิงก็สามารถทำธุรกิจและประสบความสำเร็จ พาแบรนด์ไปสู่ระดับโลกได้ คนๆนั้นก็คือ “แอนนา วินทัวร์” (Anna Wintour) หรือฉายา “ราชานีน้ำแข็ง” หนึ่งในผู้บริหารหญิงที่ทรงอิทธิพลมากที่สุดในวงการแฟชั่น ทั้งยังเป็นคนที่กำหนดทิศทางแฟชั่นในแต่ละปี อุตสาหกรรมที่มีมูลค่ามากกว่าสามพันล้านล้านดอลลาร์สหรัฐ เพราะฉะนั้น หากใครที่มีเคยสงสัยว่า เทรนด์แฟชั่น ที่เปลี่ยนไปในทุกๆ ปี ใครเป็นผู้กำหนด คำตอบก็คือ เธอคนนี้นี่แหละ
.
กว่าสามทศวรรษที่ผ่านมา เธอได้ทำงานอย่างหนักภายใต้บริษัทกองเด นาสต์ ด้วยการเป็นบรรณาธิการบริหารนิตยสารโว้ก สหรัฐอเมริกา (VOGUE US) พ่วงกับอีกสองตำแหน่ง คือ ผู้อำนวยการฝ่ายศิลป์บริษัทกองเด นาสต์ และที่ปรึกษาทิศทางเนื้อหาสาระบริษัทกองเด นาสต์ ซึ่งไม่เพียงแต่ตำแหน่งภายในบริษัทเท่านั้น ทั้งความสามารถที่เก่ง ผลงานที่โดดเด่น และชื่อเสียงโด่งดังของเธอ ทำให้เธอกลายเป็นเซเลบริตี้ ไอคอน รวมถึงไอดอลของสาวๆสายแฟทั่วโลก เรียกได้ว่าเป็นหนึ่งในผู้หญิงที่ประสบความสำเร็จมากที่สุดในโลก
.
ซึ่งกว่าจะมาถึงทุกวันนี้ได้ ไม่ง่ายเลยสำหรับผู้หญิงหนึ่งคนที่ต้องผ่านคำสบประมาท คำดูถูก รวมถึงตำแหน่งหน้าที่ที่ยังมีผู้ชายอีกมากอยากโค่นล่มและขึ้นมาแทนที่เธอตลอดเวลา เหมือนกับว่าเธอต้องยืนอยู่ในสนามรบที่นับวันจะเข้มข้นและดุเดือดมากขึ้นเรื่อยๆ ถามว่าเธอมีเคล็ดลับหรือเทคนิคอะไร ทำไมเธอถึงยังสามารถยืดหยัดอยู่บนตำแหน่งได้นานหลายสิบปี
.
แม้จะขึ้นชื่อเรื่องความเยอะ เรื่องมาก ขี้บงการ ขี้เหวี่ยงขี้วีน เข้มงวด แต่ด้วย “ความฉลาด ทะเยอทะยาน เป็นตัวของตัวเอง มีไหวพริบ กล้าเสี่ยง ไม่ปิดกั้นความรู้ใหม่ๆ และรู้ทิศทางของสังคมว่ากำลังไปในทางไหน เป็นข้อดีที่ทำให้ไม่ว่าเธอจะทำอะไร สิ่งๆ นั้นจะกลายเป็นสิ่งที่ถูกพูดถึงและโด่งดังเสมอ เห็นได้จาก ปก VOGUE สหรัฐอเมริกา เล่มแรกที่เธอเป็นผู้ดูแล เธอเลือกรูปนางแบบ มิเคลา เบอร์กู สวมใส่กางเกงยีนส์ Guess พร้อมกับสเวตเตอร์ปักรูปไม้กลางเขนเอวลอย ด้วยความเป็นสตรีทสไตล์ รูปนี้จึงกลายเป็นเสน่ห์ของแฟชั่นในทุกวันนี้
.
หรือแม้แต่ตอนที่เธอเลือกเอาดาราฮอลลีวูดมาขึ้นปกครั้งแรก แม้โดนกระแสโจมตีอย่างหนัก เนื่องจากทุกเล่มที่ผ่านมาเป็นนางแบบทั้งหมด แต่เมื่อยอดขาย VOGUE เพิ่มขึ้นเรื่อยๆ ทำให้หลังจากนั้นได้มีการนำดารามาขึ้นปกมากขึ้น จนเป็นต้นแบบของปกในปัจจุบัน เรียกได้ว่า “เธอแหกทุกกฎที่ VOGUE เคยมีมา” เลยทีเดียว ซึ่งนั่นแหละ ทำให้ VOGUE เป็นนิตยสารแฟชั่นขวัญใจวัยรุ่นตั้งแต่ยุคนั้นเป็นต้นมา
.
นอกจากนี้ ด้วยประสบการณ์ที่สั่งสมมาเป็นเวลานานระหว่างที่ทำงานในแวดวงแฟชั่น รวมถึงใครๆ ต่างอยากรู้เคล็ดลับความสำเร็จของเธอ เพราะคนส่วนใหญ่มีเธอเป็นต้นแบบและอยากประสบความสำเร็จในหน้าที่การงานเหมือนกับเธอ เธอจึงได้นำเอาประสบการณ์เหล่านั้นมาแชร์ให้กับทุกคนได้เรียนรู้ในคลาสเรียนออนไลน์ของเธอ ซึ่งหนึ่งในนั้นคือ
“การที่คุณจะเป็นผู้นำคนอื่นได้ คุณต้องมีคนที่สามารถช่วยผลักดันคุณไปข้างหน้า ไม่ใช่คนที่จะผลักดันคุณถอยหลังกลับ”
“การจะเป็นผู้นำที่มีประสิทธิภาพได้ สิ่งสำคัญคือ คุณต้องฟังพวกเขา มันสำคัญมากถ้าคุณล้อมรอบไปด้วยทีมที่ดี ซึ่งกล้าแสดงความคิดเห็น และไม่กลัวที่จะไม่เห็นด้วยกับคุณ”
.
อีกทั้งเธอยังแนะนำว่า ในการทำงานบางครั้งคุณอาจต้องแหกกฎเดิมๆ บ้าง เพื่อให้ได้สิ่งใหม่ๆ ที่อาจจะดีกว่าเดิม รวมถึง หากต้องการเป็นผู้นำ ต้องเตือนตัวเองตลอดเวลาว่า คุณ คือ ผู้นำ ไม่ใช่ ผู้ตาม ถ้าวอกแวก หรือเอนเอียงตามคนอื่น จะทำให้คุณสูญเสียความชัดเจนในความคิดและความเป็นตัวเอง
.
แม้ แอนนา วินทัวร์ ดูจะเป็นคนที่เต็มไปด้วยความสำเร็จ แต่ก็ใช่ว่าเธอจะทำถูกทุกครั้ง หรือไม่เคยทำผิดพลาดเลย เพราะหลายครั้งการตัดสินใจของเธอก็มักสร้างปัญหาและกระแสโจมตีอย่างหนักเหมือนกัน แต่ที่เธอผ่านมันมาได้ทุกครั้ง เพราะเธอยอมรับในความผิดพลาดของตัวเอง พร้อมกับหาวิธีแก้ไขปัญหาและสถานการณ์อย่างดีที่สุด
.
ที่มา : https://www.entrepreneur.com/article/359454
https://www.vogue.co.th/master-class-with-anna-wintour
https://thepeople.co/anna-wintour-work-hard/
#อายุน้อยร้อยล้านNEWS
#อายุน้อยร้อยล้าน #ryounoi100lan
#AnnaWintour #VOGUE #US #Fashion #Women
#วงการแฟชั่น #ธุรกิจแฟชั่น #Business
Search