รีโพสต์
เพราะมีสมาชิกใหม่เข้ามาหลายท่าน
โพสต์นี้ คือตัวตน และแนวคิดของเพจนี้ค่ะ
#หนึ่งตัวอย่าง_สำคัญกว่าหมื่นคำสอน
หมอศรัทธาเรื่องการปลูกฝังให้ลูกรักการอ่านอย่างมาก
ถึงสร้างเพจนี้ขึ้นมา
เพราะอะไร..ถึงเชื่อ?
.
หมอมีประสบการณ์ของเด็กคนหนึ่ง
จะเล่าให้ฟัง...ซึ่งคือตัวหมอเองค่ะ
.
หมอเติบโตมาจากครอบครัวที่มีแม่เลี้ยงเดี่ยว
พ่อเป็นข้าราชการ
แต่เสียชีวิตตั้งแต่หมออายุ 8 ปี พี่ชายอายุ 10 ปี
จากครอบครัวข้าราชการ
แม่ก็เป็นช่างเสริมสวยเปิดร้านเล็กๆของตัวเอง
ไม่ได้ลำบากอะไร...พอพ่อเสียชีวิต
ทุกคนคงพอเดาได้..
.
แม่ต้องทำงานหนักมาก
จากที่เปิดร้านเสริมสวยอย่างเดียว
แม่ต้องทำสวนไปด้วย
เพราะรายได้จากร้านเสริมสวยอย่างเดียว
ไม่พอสำหรับส่งลูกสองคนเรียนหนังสือ
ตี 2 แม่จะออกจากบ้านไปตัดยางพารา
(ยังโชคดีอยู่บ้าง..ที่บ้านมีที่ดินสวนยางพารา)
ตัดยางเสร็จประมาณ 6 โมงเช้า
มาทำอาหารเช้าให้ลูกไปโรงเรียน
หลังจากลูกไปโรงเรียน
กลับไปเก็บน้ำยางพารา เอาน้ำยางไปขาย
เสร็จแล้ว ราวๆ 8-9 โมงเช้า กลับมาเปิดร้านเสริมสวย
ร้านจะปิดได้เมื่อลูกค้าหมด...ก็ราวๆ 2-3 ทุ่ม
กว่าแม่จะได้เข้านอน ปาเข้าไปเกือบเที่ยงคืน
แม่ทำงานแบบนี้โดยเคยบ่น ไม่เคยโอดครวญ
.
หมอจำ moment ที่ได้อ่านหนังสือกับแม่ไม่ได้เลย
หมอไม่เคยมี moment ว่าแม่สอนการบ้าน
หมอไม่เคยมี moment ว่าแม่จัดตารางสอนให้
ไม่ค่อยมีความทรงจำว่าแม่จ้ำจี้จำไชในการเรียน
.
แต่สิ่งที่ “ประทับ ติด ในใจ” ของหมอคือ
.
เรา เป็น คน ที่ แม่ ไว้ใจ
.
“จิตใจของเด็ก”ที่แม่ให้เกียรติ
แม่ให้อำนาจในการใช้ชีวิต
โดยมีกรอบของความดี
และมีแม่เป็นต้นแบบของขยันหมั่นเพียร
ความมุมานะพยายาม
มันมีความภูมิใจมากนะคะ
ยิ่งเวลาเห็นแม่ดีใจ...เวลาเราทำอะไรสำเร็จ
ยิ่งอยากพยายามทำความดียิ่งขึ้นๆ
.
แม่ทำให้เราสองคนพี่น้องรู้สึกเสมอคือ
เราเป็นทีมเดียวกัน
หากเรามีปัญหา เราก็แก้ไปด้วยกัน
.
ท่านอาจนึกภาพไม่ออก
ว่าเด็กคนหนึ่ง ป.2 (ตัวหมอตอนนั้น) และพี่ชาย ป.4
เราต้องซักรีดเสื้อผ้า และชุดนักเรียนเอง
ซักถุงเท้า ซักรองเท้าผ้าใบเอง
ช่วยแม่ หุงข้าว ล้างจาน บางวันที่แม่ไม่ว่างทำกับข้าว
สองคนพี่น้องก็ทำกับข้าวง่ายๆกินเองได้
วันเสาร์ อาทิตย์ ช่วยแม่ทำสวน และงานที่ร้าน
.
..และด้วยความเป็นเด็ก
แม้จะมีอะไรผิดพลาดไปบ้าง
เราก็ได้เรียนรู้ ผลของการกระทำของตัวเอง
เช่น เคยลืมซักถุงเท้าไปโรงเรียน
เรียนวิชาพุทศาสนา ต้องถอดรองเท้าไปนั่งในห้อง
ถุงเท้าเหม็น...เป็นที่รังเกียจของเพื่อนๆ
ก็ได้บทเรียนว่าต่อไปต้องซักถุงเท้า
.
ที่บ้าน ไม่ได้มีเงิน ซื้อหนังสือ
ซื้อของเล่นเสริมพัฒนาการ
ร้านเสริมสวย ก็จะรับหนังสือ หญิงไทย สกุลไทย
ให้ลูกค้าอ่าน
หมอก็ชอบอ่านนิทานที่อยู่ท้ายเล่ม...เรียกว่ารอคอยเลยค่ะ
พอรู้ว่าลูกชอบอ่านหนังสือ
แม่ก็ไปยืมนิทาน หนังสือเด็ก
จากห้องสมุดชุมชนมาให้
.
เพราะหมอได้ค้นพบว่า
#การอ่านทำให้เราได้พบกับสิ่งที่เราอาจจะไม่มีโอกาสได้พบได้เจอเลยในชีวิตของเรา
.
แต่ในโลกของการอ่าน
(หรือก็คือจินตนาการของเรานั่นแหละ)
เราสามารถเป็นเจ้าหญิง..เราเป็นผู้วิเศษ
เราได้เรียนรู้สิ่งต่างๆ
เหมือนที่ตัวเอกในนิทานได้รับรู้
และการที่เราอ่านหนังสือ....เป็นความสนุกที่เกิดขึ้นภายในใจ
โดยที่เราไม่ต้องพึ่งพาคนอื่น...เพราะเราอ่านหนังสือได้เอง
ที่สำคัญ พออ่านหนังสือ แม่ก็ไม่ค่อยเรียกใช้งาน
(นี่เป็นความลับเลยค่ะ ความคิดแบบเด็กๆ
พออ่านหนังสือตั้งใจ แม่ก็ไม่เรียกใช้ เพราะแม่อยากให้ลูกเก่ง 555)
นั่นแหละค่ะ...หมอเป็นหนอนหนังสือเต็มตัวตั้งแต่ประถม
.
หมอโชคดีที่สุด..ที่แม่มีวิสัยทัศน์ในการให้การศึกษาลูก
.
แม้เราจะเป็นชนชั้นกลาง ค่อนไปทางยากจน
แต่แม่ต้องการให้ลูกมีการศึกษาที่ดีที่สุด
ตอนประถมศึกษา แม่เล็งเห็นว่า โรงเรียนประถมใกล้บ้าน
ครูที่สอน...ก็คือครูที่เคยสอนแม่ (เมื่อ 20 ปีก่อน)
ห้องเรียน สิ่งแวดล้อม ไม่ได้พัฒนาไปจากสมัยที่แม่เรียนเลย
แม่ก็กระเสือกกระสน...พาลูกไปฝากเข้าเรียน
โรงเรียนประถมชื่อดังในอำเภอเมือง
เพื่อให้ลูกได้สิ่งแวดล้อมในการเรียนที่ดีกว่า...ที่แม่เคยได้
คนรอบข้าง...มีแต่คนหัวเราะเยาะนะคะ
แค่โรงเรียนประถม
เป็นแม่หม้าย ฐานะไม่ได้ร่ำรวย
ทำไมต้องส่งลูกไปเรียนในเมืองให้สิ้นเปลือง
.
ทุกวันนี้ พิสูจน์แล้ว...ว่าแม่คิดถูก
เพราะเราอยู่ในประเทศ
ที่ยังไม่สามารถทำให้คุณภาพโรงเรียนเท่าเทียมกันได้
การเลือกโรงเรียนให้ลูก...
ก็คือ เลือกสิ่งแวดล้อม กว่า 6-8ชม./วันให้เด็ก
.
ตอนนั่งรถเมล์กลับบ้าน ใช้เวลาราวๆ 40 นาที เช้าเย็น
ก็นั่งอ่านหนังสือนอกเวลา ที่ยืมจากห้องสมุด
ไม่ได้ไปเรียนพิเศษ..เพราะเป็นเด็กต่างอำเภอ
ขืนเรียน รถเมล์หมด...อดกลับบ้านกันพอดี
โชคดีที่ประถมที่เรียน เป็นโรงเรียนเครือเทศบาล (จ.นครศรีธรรมราช)
โรงเรียนมีการจัดสอบแข่งขันระหว่างโรงเรียนในเครือ
เดือนละครั้ง ครูที่โรงเรียน ก็สอนแนวติวข้อสอบตลอด
ทำให้สอบเข้า ม.1โรงเรียนชื่อดังได้โดยไม่ต้องไปติวที่ไหนเพิ่ม
.
ตอนเรียนมัธยม
มีเพื่อนที่เรียนเก่ง ถือว่าเป็นที่ 1 ของชั้นประถมที่เคยเรียนด้วยกัน
ไปเรียนในโรงเรียนเดียวกัน
เพื่อนคนนั้น...ตอนประถม
ทั้งเรียนพิเศษ ทั้งขยันอ่านหนังสือเรียน
และพ่อแม่ก็คาดหวังมาก
.
ต่างกับหมอ..แม่ไว้ใจมาก (+แม่ไม่มีเวลา)
ไม่ค่อยได้ทบทวนหนังสือเรียน
ตอนประถม เรียนแบบชิวๆมาก
เอาเป็นว่า ไม่ทำให้แม่ผิดหวังเป็นพอ
คือ สอบเข้าโรงเรียนดีๆได้
ไม่ต้องให้แม่เสียเงินฝากเรียน
.
พอมัธยม
หมอก็ค้นพบว่า การเรียน แล้วตั้งเป้าหมาย
ช่างเป็นเรื่องที่สนุกมาก
และการอ่านหนังสือนอกเวลาตอนเด็กๆ
ไม่ใช่เรื่องเสียเปล่า
บางอย่างมันจุดประกายให้เราคิด
บางอย่าง เราได้เรียนรู้ ก่อนที่เราจะเรียนแล้วด้วยซ้ำ
ที่สำคัญ เราอ่านหนังสือ และจับประเด็นได้ดี
โดยไม่ต้องท่องจำ
.
นี่สินะ...อาวุธของการอ่าน
.
หมอเริ่มรู้ตัว...ว่าตัวเองค่อยๆเปล่งแสงมากขึ้นๆ
แต่เพื่อนคนเก่งสมัยประถม แสงค่อยๆมัวลงๆ
คนที่เราคิดว่าโดดเด่นมากๆ..ทำไมพอเรียนมัธยมแล้ว
เพื่อนกลับเรียนอ่อนกว่าเรามาก....
.
ตอนม.ปลาย โดยที่ไม่ทันสังเกต
ตัวเองก็ตีตื้นมาอยู่ในกลุ่มผู้นำของโรงเรียน
ตอนม.5 ม.6 เรียกว่า สอบแข่งขันที่ไหน
ถ้าเป็น ชีววิทยา เคมี ระดับภาค จะต้องได้รางวัล
มีเงินเก็บเป็นกอบเป็นกำ
โดยที่เราไม่ได้รู้สึกว่าการเรียนมันยากลำบาก
เพราะเป็นคนเข้าใจอะไรได้ง่าย
อ่านหนังสือแล้วจับใจความได้ดี
.
จนในที่สุด ก็สอบตรงเข้าคณะแพทย์ ได้แบบสบายๆ
คงไม่ต้องบอกว่าแม่ภูมิใจขนาดไหน
มันคุ้มกับ “ความไว้ใจ”ที่แม่มอบให้
.
เรื่องประสบการณ์ตรงของเด็กคนนี้
จะชี้ให้เพื่อนๆเห็น 3 ประเด็น
.
ประเด็นแรก
ตอนที่ลูกเป็นเด็ก...อย่าดูถูกศักยภาพของเค้า
ถ้าเรามั่นใจว่าเราเป็นต้นแบบแห่งความดีของลูกได้จริง
สอนด้วยปาก....ให้น้อยกว่าเป็นตัวอย่างให้ดู
เหมือนที่หมอ เห็นแม่เป็นฮีโร่เสมอ
แม่อดทน แม่พากเพียร
แม่เป็นคนมีวิสัยทัศน์ที่ดีมากเรื่องการศึกษา
แม่ไม่มีอุปกรณ์เสริมทักษะ เหมือนที่หมอใช้กับลูก
แต่แม่มีทักษะชีวิตจริงๆให้ลูกฝึก
การ “ไม่มี” บางทีมันก็คือ “มีมาก"
ตอนเด็กๆ...หมอไม่มีหนังสือให้อ่านมากนัก
แต่หมอเห็นคุณค่าของการอ่านมากๆ
ตอนเด็กๆ...หมอไม่ได้มีของเล่น...
แต่หมอมีงานบ้าน งานสวนที่ฝึกแล้วได้ทักษะอาชีพติดตัวด้วย
ประเด็นที่ 2
ไม่มีใคร สามารถบังคับใครให้ ”เรียน” ได้หรอก
กระบวนการเรียนรู้ (Learning) จนเกิดทักษะ (skill)
ขั้นตอน คือ การอ่านข้อมูล-->ประมวลผลว่าข้อมูลใดมีประโยชน์
-->เอาสิ่งที่รู้ไปปฏิบัติ ทำซ้ำ ก็จะเกิดเป็นความรู้ถาวร
เราเรียกว่า”ทักษะ”
.
ความรู้ที่เป็นความจำ เอาไปสอบแล้วทิ้งนั้น
เป็นสิ่งที่เปลืองเนื้อที่ของสมองจริงๆค่ะ
.
ในศตวรรษที่ 21 เด็กไม่ต้อง ”จำเรื่องที่ไม่จำเป็น” อีกต่อไป
เพราะแค่กดหาใน internet ข้อมูลก็อยู่ตรงหน้ามหาศาล
ถ้าจะเรียน ก็ต้องให้เค้าเรียนว่า “จะวิเคราะห์” ข้อมูล
(critical thinking)
และนำไปใช้เป็นประโยชน์ได้อย่างไรบ้าง
.
การบังคับให้ลูกอ่านหนังสือเรียน
เราบังคับเค้าได้แค่ขั้นแรก
คือบังคับให้ลูก”นั่งมอง” ตัวหนังสือ
กระบวนการต่อจากนั้น....เราบังคับไม่ได้เลย
.
เด็กที่ ติวเยอะๆๆ ไม่มีเวลาได้สำรวจตัวเอง
เรียนเหมือนเป็นหุ่นยนต์เรียน
ท้ายที่สุด...สมองก็จะเหนื่อยล้า
ได้รับแต่ข้อมูล แต่ขาดกระบวนการคิด
มีให้เห็นตั้งมากมายค่ะ
ก็นักเรียนที่หมอสอน...ซึ่งนักเรียนที่ยังไม่ค้นพบ
ว่าตัวเองมาเรียนเพื่ออะไร..ก็จะมีปัญหาในชั้นคลินิก
เพราะมันต้องแปลงความรู้ให้เกิดเป็น”ทักษะ”ให้ได้
.
ประเด็นที่ 3
การอ่าน
เทียบได้กับอาวุธ
ที่ลูก “ต้อง” มีติดตัว
ไม่ใช่เพื่อการแข่งขันกับคนอื่น
แต่เพื่อให้ลูกได้เป็นคนที่มีความคิดกว้างไกล
ต่อสู้กับข้อมูลที่จะถาโถมมาใส่เค้าในวันข้างหน้า
ซึ่งมีทั้งทางดี และไม่ดี
การอ่านหนังสือกับลูก
ก็คือการแชร์ความคิดกับลูกตั้งแต่เล็ก
เป็นการปลูกฝัง ให้ลูก คิดดี คิดชอบ
ต่อไปข้างหน้า ไม่ว่าข้อมูลที่มันหลุดนอกกรอบความคิดที่อยู่ในฝั่งดี
ก็จะทำร้ายเค้าไม่ได้
.
ศตวรรษที่ 21 ระบบการเรียนการสอนแบบเดิม
จะล่มสลาย แน่นอน ไม่ช้าก็เร็ว
แต่เด็กที่รักการอ่าน หมายถึง รักการเรียนรู้ รักการหาคำตอบ
จะเป็นผู้ที่ปรับตัว...และดำรงอยู่อย่างปกติสุขได้
.
ลองย้อนกลับไปอ่านข้างต้น
ตอนนี้ใครที่บอกว่าเลี้ยงลูกมันลำบาก?
ท่านเข้านอนเกือบเที่ยงคืน ตื่นตี 2 อยู่รึเปล่า
ท่านรับภาระเลี้ยงลูก 2 คน ด้วยตัวคนเดียว
กับวุฒิ ป.7 อยู่รึเปล่า
ถ้าใช่?
ท่านไม่ต้องกังวลว่าลูกจะล้มเหลวเพียงเพราะท่านไม่ได้มีเวลา
เล่นกับลูกเหมือนคนที่เค้าเพียบพร้อมทางการเงิน
แค่ให้ความรักแก่เค้า
เป็นตัวอย่างของความดี ความมุมานะ ให้ลูกเห็น
ลูกท่าน ไม่ว่าเค้าจะโตมาทำอาชีพอะไร
จะทำให้เค้ามีสัมมาอาชีพแน่นอน
ถ้าไม่ใช่?
แล้วจะมีอะไรที่ทำให้เราเลี้ยงลูกให้ดีไม่ได้ล่ะ?
ท่านมีแต้มต่อกว่าคนอีกตั้งมากมาย
.
อ่านมาถึงตรงนี้
ก็ขอขอบคุณที่ติดตามเพจนี้นะคะ
หมอไม่ใช่คนดีกรีสูง..หรือประสบความสำเร็จอะไรมากมาย
หมอเป็นอดีตเด็กที่ชีวิตไม่ได้พรั่งพร้อมเรื่องฐานะ
แต่หมอเป็นตัวอย่างที่ดี ของเด็กที่ถูกเลี้ยงดูมา
โดยได้รับความไว้วางใจจากแม่...
และหมอคิดว่า อาวุธที่ทำให้หมอ
สามารถมีชีวิตที่ดีขึ้นว่า generation พ่อแม่
คือ การอ่าน (อย่างเข้าใจ)
.
และที่สำคัญ ประสบการณ์ของหมอ
คงเป็นหนึ่งตัวอย่างที่ดี ที่ให้มากกว่าหมื่นบทความ
ที่จะบอกว่า การปลูกฝังให้ลูกรักการอ่าน ดียังไงนะคะ
หมอแพม
ขอขอบคุณสำหรับกำลังใจและการติดตามนะคะ
ใครอ่านมาถึงตรงนี้
แปลว่าท่านอ่านเกินค่าเฉลี่ยของคนไทยแล้วค่ะ ^-^
同時也有1部Youtube影片,追蹤數超過1,470的網紅ARMNTP,也在其Youtube影片中提到,มาทำความรู้จักกับวิชาศึกษาทั่วไปของ มทส.กัน และมาดูว่ามีรายวิชาอะไรบ้าง รหัสวิชาอะไร --------------------------------------------- “หมวดวิชาศึกษาทั่ว...
การเรียน หมายถึง 在 ARMNTP Youtube 的最佳貼文
มาทำความรู้จักกับวิชาศึกษาทั่วไปของ มทส.กัน และมาดูว่ามีรายวิชาอะไรบ้าง รหัสวิชาอะไร
---------------------------------------------
“หมวดวิชาศึกษาทั่วไป หมายถึง วิชาที่มุ่งพัฒนาผู้เรียนให้มีความรอบรู้อย่างกว้างขวาง มี โลกทัศน์ที่กว้างไกล มีความเข้าใจธรรมชาติ ตนเอง ผู้อื่น และสังคม เป็นผู้ใฝ่รู้ สามารถคิดอย่างมี เหตุผล สามารถใช้ภาษาในการติดต่อสื่อความหมายได้ดี มีคุณธรรม ตระหนักในคุณค่าของศิลปะและ วัฒนธรรมทั้งของไทยและประชาคมนานาชาติ สามารถน าความรู้ไปใช้ในการด าเนินชีวิตและด ารงตน อยู่ในสังคมได้เป็นอย่างดี สถาบันอุดมศึกษาอาจจัดวิชาศึกษาทั่วไปในลักษณะจ าแนกเป็นรายวิชา หรือลักษณะบูรณาการใด ๆ ก็ได้ โดยผสมผสานเนื้อหาวิชาที่ครอบคลุมสาระของกลุ่มวิชา สังคมศาสตร์ มนุษยศาสตร์ ภาษา และกลุ่มวิชาวิทยาศาสตร์กับคณิตศาสตร์ ในสัดส่วนที่เหมาะสม เพื่อให้บรรลุวัตถุประสงค์ของวิชาศึกษาทั่วไป
202108 การรู้ดิจิทัล (Digital Literacy)
202109 การใช้โปรแกรมประยุกต์เพื่อการเรียนรู้ (Use of Application Programs for Learning)
202201 ทักษะชีวิต (Life Skills)
202202 ความเป็นพลเมืองและพลเมืองโลก (Citizenship and Global Citizens)
202203 มนุษย์กับสังคมและสิ่งแวดล้อม (Man, Society and Environment)
202207 มนุษย์กับเศรษฐกิจและการพัฒนา (Man, Economy and Development)
202211 การคิดเพื่อการพัฒนา (Thinking for Development)
202212 มนุษย์กับวัฒนธรรม (Man and Culture)
202213 GLOBALIZATION โลกาภิวัตน์
202175 ศิลปวิจักษ์ (Art Appreciation)
202181 สุขภาพองค์รวม (Holistic Health)
202331 อาเซียนศึกษา (ASEAN Studies)
202373 การคิดเชิงออกแบบ (Design Thinking)
103113 คณิตศาสตร์ในชีวิตประจำวัน(Mathematics in Daily Life)
104113 มนุษย์กับสิ่งแวดล้อม (Man and Environment)
114100 กีฬาและนันทนาการ SPORT AND RECREATION (แบดมินตัน,ปิงปอง,มวยไทย,แอโรบิค,ทักษะสมรรถภาพทางกายเพื่อสุขภาพ,ทักษะหมากกระดาน (เอแม็ท))
202111 ภาษาไทยเพื่อการสื่อสาร (Thai for Communication)
202291 การจัดการสมัยใหม่ Modern management
202324 PLURI-CULTURAL THAI STUDIES ไทยศึกษาเชิงพหุวัฒนธรรม
213101 ENGLISH FOR COMMUNICATION 1 ภาษาอังกฤษเพื่อการสื่อสาร 1
213102 ENGLISH FOR COMMUNICATION 2 ภาษาอังกฤษเพื่อการสื่อสาร 2
213203 ENGLISH FOR ACADEMIC PURPOSES ภาษาอังกฤษเพื่อวัตถุประสงค์ทางวิชาการ
213204 ENGLISH FOR SPECIFIC PURPOSES ภาษาอังกฤษเพื่อวัตถุประสงค์เฉพาะ
213305 ENGLISH FOR CAREERS ภาษาอังกฤษเพื่อการทำงาน
303436 การผลิตแพะและแกะ GOATS AND SHEEP PRODUCTION
114100 กีฬา SPORT AND RECREATION (แบดมินตัน,ปิงปอง,มวยไทย,แอโรบิค,ทักษะสมรรถภาพทางกายเพื่อสุขภาพ,ทักษะหมากกระดาน (เอแม็ท))
303431 หมาแมว CARE AND MANAGEMENT OF DOGS AND CATS
203431 KOREAN 1
609252 ลีลาศ RHYTHM FOR HEALTH PROMOTION
203401 CHINESE I
203411 JAPANESE I
617495 หลักความปลอดภัยในอาหาร PRINCIPAL OF FOOD SAFETY
203421 Vietnamese I
202291 modern management
618425 INDUSTRIAL PSYCHOLOGY จิตวิทยาอุตสาหกรรม
601111 SPIRITUAL HEALTH CARE
601112 Music theraphy
***** ฝากกดแชร์ด้วยนะค้าบผม ให้เพื่อนได้ทราบ*****
#มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีสุรนารี #ศึกษาทั่วไป
![post-title](https://i.ytimg.com/vi/AM_UCOz98Gw/hqdefault.jpg)
การเรียน หมายถึง 在 การเรียนรู้คืออะไร - YouTube 的推薦與評價
คลิปนี้อธิบายความ หมาย ของ การเรียน รู้และทษฏี การเรียน รู้ต่างๆ สามารถนำความรู้จากคลิปนี้ไปพัฒนาตนเองให้เกิด การเรียน รู้สิ่งใหม่ๆได้. ... <看更多>