ขอบคุณญี่ปุ่น ต่อให้ต้องเลือกอีกกี่ครั้งก็ขอเลือกไปญี่ปุ่น😊😊😊
-
รีวิวการทำงานเป็นสถาปนิกที่ญี่ปุ่นและการลาออก
-
1. หางาน
ขอเริ่มที่การทำงานก่อนนะคะ เผื่อใครที่มีแพลน หรืออยากทำงานที่บริษัทญี่ปุ่น ม้าเรียนจบโท ถาปัตย์ ม.โตเกียว ปี 2016 ที่ญี่ปุ่นจะมีฤดูที่เรียกว่าหางาน จะเป็นช่วงต้นมค อันนี้แล้วแต่บริษัทเลยนะคะ บริษัทที่ม้าอยากจะเข้า เปิด1ครั้งต่อปี อันนี้ต้องดูดีๆและ ส่วนใหญ่จะเป็นแบบนั้นค่ะ ฤดูหางานคือช่วงเดือน มกรา - มีนา แต่ต้องศึกษาดีๆ แต่ละบริษัทไม่เหมือนกันค่ะ (รายละเอียดการสมัคร จะอยู่ในโพสนะคะ )ตอนนั้นหวังแค่อย่างเดียว ว่าต้องเข้าบริษัทนี้ เค้าก็จะมีสอบ5ขั้นตอน รอบแรก ส่งapplication,สอบตรรกะ ,สอบ ภาษาอังกฤษ,แล้วอีกประมาณ 1 เดือน สอบข้อเขียน ถ้าข้อเขียนผ่าน ก็ได้ไปต่อสัมภาษณ์กรรมการ 5ต่อ 1 ประกาศผลภายในวันเดียวกัน แต่อันนี้แล้วแต่บริษัทเลยนะคะ
ถ้าใครไปญี่ปุ่นช่วง มค-มีนา จะเห็นเลย หน้าเอ๊าะๆ ใส่สูท นี่เดินกันว่อน
กระเป๋าเหมือนๆกัน
----------------------------
2.การทำงาน เหนื่อยแต่สนุก กลับดึกเรื่องปกติ ขอแอบสรุปแล้วกันค่า
- ผู้หญิงในทีมคนเดียว หลายคนอาจจะกลัว แต่ไม่ต้องไปคิดมาก ทำในส่วนของเรา ทำเท่าที่ทำได้ วันที่เครียดมีอยู่แล้ว และวันที่เจ้านายเครียดเพราะมีเราก็ต้องมีอยู่แล้วค่ะ ;D
- ได้เรียนรู้เยอะมาก แย่สุดคือเรื่องสภาพอากาศ เพราะม้าเป็นคนขี้หนาว เคยขึ้นไปดูsite ตอน หน้าหนาว อุณหภูมิติดลบ จำได้ หนาวไปถึงจักกะแร้ แค่ตื่นมาบางวัน ตอนที่โตเกียว หิมะตกหนัก อื้อหือออ เดินฝ่าหิมะอย่างเดียวก็เหนื่อยแล้ว ช่วงนั้นหนักสุดคือหาซื้อเสื้อทำงานแบบไม่ยับ เพราะจะใส่เสื้อทำงานนอน ตอนเช้าตื่นมาแล้วไปเลย (อากาศเป็นเรื่องนึงที่ม้าไม่ชอบ เพราะเป็นคนขี้หนาวมาก คือถ้าขับรถเมืองไทย ก็เป็นคนไม่เปิดแอร์ในรถ ชอบอยู่ร้อนๆ แบบวันไหน อยู่ในห้องแอร์ จะหงุดหงิดมาก )ตอนไปญี่ปุ่น แรกๆเลยคือ ใส่5 ชั้นได้ ถ้าใครทนสภาพอากาศหนาวได้ ชีวิต ชอบ 4 ฤดู ชีวิตไม่น่าเบื่อ ญี่ปุ่นนี่เหมาะมากค่ะ
- จันทร์-ศุกร์ทำงาน ถามว่าเลิกดึกไหม ก็ไม่มีไม่ดึก 9โมง- 3ทุ่ม คือปกติ กลับบ้านแล้วสลบ เสาร์อาทิตยนั่งทำคอนเทนต์ ระหว่างอยู่บนรถไฟนั่งเขียนรีวิว ชีวิตวนแบบนี้ไปตั้งแต่ ปี2014 สมัยก่อนทำงานเยอะกว่านี้ อันนี้บอกน้องรุ่นใหม่ๆเลยว่า ทำงานให้เยอะที่สุด แล้วเราจะหาตัวเองเจอ ให้ทำงานที่หลากหลายนะคะ ม้าไปตั้งแต่ปี2014 (ตอนนั้นอายุ23) ไปถึงวันที่2 ก็ไปสมัครเป็นครูภาษาไทย ให้คนญี่ปุ่น ฟังสัมภาษณ์ยังไม่รู้เรื่องเลย แน่นอนค่ะ ตกค่ะ จากนั้นก็ทำงานร้านอาหาร ทำเซเว่น ทำcall center ที่ดองกี้ 7.00-9.00 ทำเซเว่น ทำเสร็จไปเรียน เรียนเสร็จ กลับมาทำงานร้านอาหารต่อถึง 5ทุ่ม พอได้ภาษาแล้วก็ค่อยๆขยับ ไปทำล่าม แปลงานบ้าง งาน food expo แล้วก็ไป intern บริษัทถาปัตย์ 3บริษัท ระหว่างทำโท แต่เวลาทำงานต้องมีจุดมุ่งหมาย ของม้าตอนที่ไปทำเซเว่น หรือร้าน อาหาร ก็คือ อยู่แค่ที่ละ 3เดือนพอ อยู่จน อ๋อ มันเป็นแบบนี้ อย่าให้เงินเป็นปัจจัยหลัก เงินน้อย งานดี ทำให้ได้นานๆ เงินดี แต่งานไม่ได้รู้อะไร ต้องพิจารณาดีๆนะคะ
- ที่ทำงานที่ ญป ข้อดีเลย คือหัวหน้าก็ไม่มีห้อง ต้องระดับ CEO หรือสูงมากๆถึงจะมีห้อง เพราะฉะนั้น ม้านั่งขนาบ หัวหน้าโปรเจค กับ หัวหน้าแผนก จามทีคือได้ยินกันทั้งชั้น นั่งเรียงกันเป็นตับเลย ใกล้ชิดเหลือเกิน ข้อดีคือการทำงานเเบบส่งอีเมลล์ อย่างเดียว ไม่มีการใช้ไลน์ ชีวิตที่ทำงานกับ ชีวิตส่วนตัวแยกออกจากกันเลย
- เพื่อนที่ทำงานค่อนข้างดีมากจริงๆค่ะ รู้จักคนให้เยอะ หลากหลายอาชีพ ตัวเราอาจจะโชคดี ม้าเจอแต่เพื่อนดีๆ ถ้า100 คน จะมีเเบบ ที่ไม่ค่อยอยากเป็นเพื่อนด้วยสัก1 คน ส่วนมากจะสนิทกับเพื่อนต่างชาติแทน เข้าใจกันหัวอกเดียวกัน
- การทำงานกับคนญี่ปุ่น ที่แน่ๆ คือได้ความละเอียดขึ้น คติมีอยู่อย่าง ถ้าเวลาไม่ได้จำกัด ให้ทำงาน ไปเรื่อยๆ แล้วถามตัวเองว่า อันนี้ดีที่สุดหรือยัง ถ้ายังไม่ดี ดีกว่านี้ได้ไหม แต่ถ้าในเวลาที่จำกัด ทำงานให้ได้เร็วที่สุด บางครั้งการตัดสินใจช้า ทำให้เราพลาดไปไกล คิดเร็วทำให้เร็วกว่าพลาดแล้วเรียนรู้ วนเป็นลูปไป อย่างน้อยก็ต้องได้อะไร
-สมัยที่ทำงานแรกๆ ก็คืองง ม้าตัดโมเดลแล้วทำหลังคาผิดไป 2 องศา แล้วนายเดินมาบอก ว่าผิดไป ดูยังไงก็ผิด นายขยับๆ แป๊ปเดียว slope เป๊ะเลย คือเค้าละเอียดแบบที่ โอ้วมายกู้สเนส แรกๆจะแอบหงุดหงิด แต่พอย้อนเวลากลับไป ก็นึกขอบคุณทุกวัน
----------------------------
การลาออก
จริงๆเรื่องลาออกคิดทุกวัน ไม่มีวันไหนที่ไม่คิด แต่ตอนนั้นรู้สึกว่า อยู่ที่นี่ก็สบายดี เงินเดือนดี สวัสดิการดี ที่พักก็ฟรี เสาร์อาทิตย์ก็ไปเที่ยว อยากไปไหนก็ไป แต่เรารู้ตัวเองว่าเราไม่ได้เกิดมาเพื่อเป็นสถาปนิกไปตลอดชีวิต คืออยากกลับไปทำอะไร แต่ก็ยังไม่รู้จะทำอะไร รู้แต่ว่าชอบเดินซื้อของ แต่ซื้อไปขายนะคะ เวลาม้าไปเดินห้าง จะไม่ซื้อของ แต่จะดูแล้วก็ดู ว่าเค้าทำอะไร อันนี้จะขายได้ไหม อันนี้ดีไซน์ดี แต่ไม่ได้ซื้อนะคะ แค่รู้สึกว่าอันนี้น่าเอาเข้าไทย แล้วก็ค่อยๆทำพรีออเดอร์ คู่กับงานประจำ ทำรีวิววันเสาร์-อาทิตย์
----------------------------
จุดพลิกก็คือ เริ่มรู้สึกว่า ไปทำงานทำไม เหมือนมันไม่มีใจอีกต่อไปแล้ว เราไม่ได้อยากออกแบบ สนามบินไปตลอดชีวิต ทีมที่ม้าทำคือ ทำ Airport เป็น specialist ด้านการออกแบบสนามบิน และถ้ากลับไทยไป จะไปทำงานอะไร แล้วเราก็ไม่อยากใช้ชีวิตอยู่นี่จนตาย คืออยากกลับเมืองไทยมาตลอด แค่รู้สึกว่ายังไม่ถึงเวลา แต่พอชีวิตมันเริ่ม Routine ขึ้นก็เลยขอลอง take leave
----------------------------
ที่ญี่ปุ่น take leave ได้ 3-6 เดือน หรือ1 ปี (แล้วแต่บริษัทนะคะ) ม้าเลือกที่จะ take leave ก่อน และยังได้เงินเดือน 50% ตอนแรกบอกแม่ ขอtake leave สัก 6 เดือน แม่บอก take ขนาดนั้นไปลาออกเถอะ ก็เลยคุยกันได้ว่า งั้นขอ3เดือน กลับไทย กลับไปเครียล์ตัวเอง ว่าอยากทำอะไรต่อ หรือ จะกลับมาทำงานต่อที่ญี่ปุ่น สุดท้ายคำตอบก็คือ จะอยู่เมืองไทย พอผ่านไป 3 เดือน กลับไปญี่ปุ่น เพื่อกลับไปลาออกค่ะ ม้ายื่นซองขาว ตอนยื่นเสร็จ น้ำตาก็คลอๆ แต่ทุกคนในทีม ก็เข้ามาบอก ว่าสภาพเราดีมาก ดูแฮปปี้ มาก ดูมีความสุขกว่าตอนที่อยู่ที่นี่อีก ก่อนจะออกม้าก็ถามหัวหน้าว่า ไม่รู้เหมือนกัน ว่าการตัดสินใจของเรานั้นถูกไหม เค้าตอบม้าว่า ไม่มีใครรู้ แต่ถ้าเราเลือกแล้ว มันคือสิ่งที่ดีที่สุด ณ เวลานั้น แล้วก็เลยกลับมาไทย ทำบริษัทอสังหาที่ไทยอีกปีนึงค่ะ และสุดท้ายก็คิดว่าน่าจะเป็นการลาออกครั้งสุดท้าย
----------------------------
ลาออกครั้งสุดท้าย
ม้าว่าทุกคนมีเส้นทางของตัวเอง When to Jump ของแต่ละคนไม่เท่ากัน และไม่ต้องไปเปรียบเทียบกับคนอื่น วันที่เลิกเป็นสถาปนิกแล้วไปขายของออนไลน์ กลัวไหมกลัว อยากทำไหม อยากทำ แต่ที่แน่ๆมีความสุขเยอะขึ้นค่ะ เป็นสิ่งที่เราชอบ มาตั้งแต่เด็กๆ ตอนเด็กๆชอบอยู่2 อย่างคือ เล่นsims กับ ขายของ แต่ตอนนั้นที่บ้านบอกให้เลือกที่เป็นวิชาชีพ ก็เลยเลือกถาปัตย์ แต่ก็ยังชอบขายอยู่เรื่อยๆ
อย่าเพิ่งลาออก ถ้ายังคิดไม่ออก
ม้าว่าชีวิตคนเราควรมีหลายๆตัวเลือกนะคะ คนเราไม่จำเป็นต้องทำอย่างเดียว พูดได้คำเดียวว่าให้ขยัน และอดทน แต่อยากให้เริ่มเลย เริ่มกระเตาะกระแตะ อยากทำอะไรให้ทำ ดีกว่ามานั่งเสียใจทีหลัง
IG pmahpmahh มันชอบกินข้าว มันเกิดมาเพื่อกิน
IG pmahshop เผื่อวันไหนอยากช็อปปิ้ง คิดถึงม้าบ้างก็ดี
ด้วยรักค่ะ
Search