เมื่อ Bill Gross ราชาแห่งพันธบัตร กำลังบอกว่า พันธบัตรคือขยะ /โดย ลงทุนแมน
เราอาจแปลกใจถ้ามีคนพูดว่า “การลงทุนในพันธบัตรคือ การลงทุนในขยะ”
แต่เราคงตกใจยิ่งกว่านั้น เมื่อรู้ว่าคนที่พูดประโยคนั้นคือ หนึ่งในนักลงทุนผู้ยิ่งใหญ่ของโลก ที่มีชื่อว่า บิลล์ กรอสส์ เจ้าของฉายา “ราชาแห่งพันธบัตร”
พันธบัตรเป็นหนึ่งตัวแทนของสินทรัพย์ทางการเงิน
ที่หลายคนมองว่าปลอดภัย และมีความเสี่ยงต่ำ
แต่ทำไมตอนนี้ บิลล์ กรอสส์ ถึงมองว่า การลงทุนในพันธบัตร คือการลงทุนในขยะ..
ลงทุนแมนจะเล่าให้ฟัง
╔═══════════╗
Blockdit เป็นแพลตฟอร์ม สำหรับนักอ่าน และนักเขียน
ที่มีผู้ใช้งาน 1 ล้านคน ลองใช้แพลตฟอร์มนี้เพื่อได้ไอเดียใหม่ๆ
แล้วอาจพบว่าสังคมนี้เหมาะกับคนเช่นคุณ
Blockdit. Ideas Happen. Blockdit.com/download
╚═══════════╝
ถ้าพูดถึงนักลงทุนที่ยิ่งใหญ่ในตลาดหุ้น หลายคนคงนึกถึง วอร์เรน บัฟเฟตต์
แต่ถ้าพูดถึงนักลงทุนที่ยิ่งใหญ่ในตลาดพันธบัตร เราจะต้องพูดถึง บิลล์ กรอสส์ (Bill Gross)
บิลล์ กรอสส์ เป็นผู้จัดการกองทุนรวมที่เน้นการลงทุนในพันธบัตรและตราสารหนี้ และประสบความสำเร็จ จนได้รับฉายาว่า “Bond King” หรือ “ราชาแห่งพันธบัตร”
เขาเป็นหนึ่งในผู้ร่วมก่อตั้งบริษัทจัดการลงทุน
ที่ชื่อว่า Pacific Investment Management Company หรือเรียกสั้น ๆ ว่า PIMCO ซึ่งปัจจุบัน เป็นหนึ่งในบริษัทจัดการลงทุนที่ใหญ่ที่สุดแห่งหนึ่งของโลก
PIMCO มีการลงทุนที่หลากหลายตั้งแต่ ตราสารหนี้ ตราสารทุน สินค้าโภคภัณฑ์ กองทุน ETF กองทุนเฮดจ์ฟันด์ และไพรเวทอิควิตี้
จากจุดเริ่มต้นของ PIMCO ที่มีทรัพย์สินภายใต้การบริหารไม่ถึง 400 ล้านบาท ในปี 1971 ก็เติบโตขึ้นเรื่อย ๆ จนสูงกว่า 72 ล้านล้านบาท ในปี 2020
โดยการลงทุนที่สร้างชื่อเสียงให้กับตัวเขาในฐานะผู้จัดการกองทุนอย่างมาก คือการลงทุนในสินทรัพย์ประเภทตราสารหนี้
ในปี 2010 Morningstar องค์กรที่ให้บริการข้อมูลและจัดอันดับเปรียบเทียบกองทุนรวมทั่วโลก ระบุว่า “ไม่มีผู้จัดการกองทุนคนไหนอีกแล้ว ที่จะสามารถทำเงินจากการลงทุนในตราสารหนี้ ได้มากกว่า บิลล์ กรอสส์”
แต่ประเด็นน่าสนใจที่เพิ่งเกิดขึ้นเร็ว ๆ นี้ คือ
บิลล์ กรอสส์ ได้ออกมาบอกว่า
“การลงทุนในพันธบัตรคือ การลงทุนในขยะ”
ทำไมราชาแห่งพันธบัตร ถึงพูดแบบนี้ ?
เราลองมาทำความเข้าใจกับ ลักษณะที่สำคัญของตราสารหนี้ ไม่ว่าจะเป็นพันธบัตรรัฐบาล หรือหุ้นกู้เอกชนกันก่อน
ตราสารหนี้เป็นสินทรัพย์ทางการเงินที่นักลงทุนจะได้รับผลตอบแทนในรูปของ “ดอกเบี้ย” อย่างสม่ำเสมอตามระยะเวลาที่กำหนดไว้
หรือพูดอีกมุมหนึ่งคือ ผู้ที่ลงทุนในตราสารหนี้ จะมีสถานะเป็นเจ้าหนี้ของผู้ที่ออกตราสารหนี้นั้น
จุดเด่นสำคัญของตราสารหนี้ คือเป็นการลงทุนที่มีความเสี่ยงน้อยกว่าเมื่อเทียบกับหุ้น
ยิ่งถ้าผู้ที่ออกตราสารดังกล่าว เป็นรัฐบาลที่มีเครดิตดี และโอกาสน้อยมากที่จะผิดนัดจ่ายดอกเบี้ยให้ผู้ถือตราสาร ความเสี่ยงจากการลงทุนในตราสารหนี้ก็ยิ่งต่ำ
อย่างไรก็ตาม ความเสี่ยงต่ำ ก็ไม่ได้แปลว่า ไม่มีความเสี่ยง
เพราะนอกจากความเสี่ยงจากการผิดนัดชำระหนี้แล้ว การลงทุนในตราสารหนี้ ยังมีความเสี่ยงอีกอย่างหนึ่ง นั่นก็คือ “ความเสี่ยงจากดอกเบี้ยที่กำลังจะปรับตัวเพิ่มขึ้น”
อธิบายกลไกของตราสารหนี้ง่าย ๆ คือ
ความสัมพันธ์ของราคาตราสารหนี้กับอัตราดอกเบี้ยจะสวนทางกัน
หมายความว่า เมื่ออัตราดอกเบี้ยลดลง ราคาตราสารหนี้จะเพิ่มขึ้น และเมื่ออัตราดอกเบี้ยเพิ่มขึ้น ราคาตราสารหนี้จะลดลง
ทีนี้ย้อนกลับมาถึงในสิ่งที่ บิลล์ กรอสส์ พูดไว้ข้างต้น ซึ่งเขามองว่า การลงทุนตราสารหนี้เริ่มไม่น่าสนใจ เนื่องจาก
- นโยบายอัดฉีดเงินเข้าระบบผ่านการเข้าซื้อสินทรัพย์โดยทางธนาคารกลางสหรัฐ (Fed) หรือที่เรียกว่าการทำ QE กำลังจะลดขนาดลง
การปรับตัวขึ้นของราคาสินทรัพย์ทางการเงินหลายอย่าง ไม่ว่าจะเป็นหุ้น ตราสารหนี้ หรือแม้แต่สินทรัพย์ทางเลือกอย่างคริปโทเคอร์เรนซีในช่วงหลายปีที่ผ่านนั้น ส่วนหนึ่งเป็นผลพวงมาจากการอัดฉีดเงิน เพื่อเพิ่มสภาพคล่องตลาดการเงินของสหรัฐอเมริกา
โดย Fed ทำการซื้อพันธบัตรรัฐบาลและตราสารหนี้ที่มีสินเชื่อจำนองค้ำประกันของ Fed รวมกันเดือนละประมาณ 3.9 ล้านล้านบาท อย่างต่อเนื่อง
เรื่องนี้ทำให้ราคาพันธบัตรเหล่านี้เพิ่มขึ้นเรื่อย ๆ จนอัตราผลตอบแทนของพันธบัตรสหรัฐอเมริกา อายุ 10 ปี นั้นลดลง ซึ่งมีอยู่ช่วงหนึ่งอัตราผลตอบแทนดังกล่าวเคยลดลงไปเหลือเพียง 0.5% ในช่วงกลางปี 2020
อย่างไรก็ตาม การที่เศรษฐกิจสหรัฐอเมริกาเริ่มส่งสัญญาณฟื้นตัวในช่วงที่ผ่านมา ทำให้ Fed เริ่มส่งสัญญาณลดการอัดฉีดเงินเข้าสู่ระบบลง หรือที่เรียกว่า QE Tapering
ซึ่งเม็ดเงินที่ลดลงนี้ หมายความว่า ปริมาณการซื้อตราสารหนี้มีแนวโน้มจะลดลง จนทำให้ความน่าสนใจในตราสารหนี้ ลดลงไปด้วย
- แนวโน้มอัตราดอกเบี้ยที่กำลังจะปรับตัวเพิ่มขึ้น
เราอยู่ในจุดที่อัตราดอกเบี้ยนั้นต่ำมาเป็นเวลานานพอสมควร ธนาคารกลางหลายประเทศปรับลดอัตราดอกเบี้ยไปอยู่ที่ 0% หรือแม้แต่ติดลบเพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจให้ฟื้นตัวกลับมาเติบโตเหมือนเดิม
แต่สิ่งหนึ่งที่มักมาพร้อมกับการเติบโตของภาวะเศรษฐกิจคือ “เงินเฟ้อ” ซึ่งหากเงินเฟ้อมีการปรับตัวขึ้นเร็วจนเกินไป ก็จะส่งผลเสียหายต่อระบบเศรษฐกิจ
เพราะฉะนั้น ธนาคารกลางของประเทศต่าง ๆ อย่างเช่น Fed ก็ต้องมีมาตรการมาควบคุม ไม่ให้เงินเฟ้อเพิ่มสูงขึ้นเร็วจนเกินไป
หนึ่งในวิธีที่ทำกันมานาน ก็คือการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยนโยบาย เพื่อให้ดอกเบี้ยในภาพรวมของประเทศปรับตัวสูงขึ้น เพื่อให้ต้นทุนทางการเงินสูงขึ้น ซึ่งจะช่วยชะลอความร้อนแรงทางเศรษฐกิจและชะลอเงินเฟ้อได้
ขณะเดียวกัน นักลงทุนหรือคนที่ถือพันธบัตรอยู่ในปัจจุบัน พอเห็นอัตราดอกเบี้ยเพิ่มสูงขึ้น พวกเขาก็จะเริ่มทยอยขายพันธบัตรที่ถืออยู่ออกมา เพื่อนำเงินไปลงทุนในตราสารหนี้ชุดใหม่ ๆ ที่จะให้อัตราดอกเบี้ยสูงกว่า หรือเอาเงินไปลงทุนในสินทรัพย์อื่น ที่สร้างผลตอบแทนได้ดีกว่า
เมื่อมีการขายตราสารหนี้ออกมาจำนวนมาก ก็จะทำให้ราคาตราสารหนี้นั้นปรับตัวลดลง จนทำให้ผู้ที่ถือตราสารหนี้ โดยเฉพาะยิ่งเป็นตราสารหนี้ระยะยาวอาจจะขาดทุนหนักได้
นอกจากนี้ การปรับตัวขึ้นของเงินเฟ้อ ยังทำให้อัตราผลตอบแทนที่แท้จริง (อัตราผลตอบแทนที่เป็นตัวเงินหักด้วยอัตราเงินเฟ้อ) จะยิ่งลดลงไป ซึ่งหมายความว่า อัตราผลตอบแทนที่แท้จริงจากการถือตราสารหนี้ ลดลงไปอีก
เมื่อเป็นแบบนี้ ก็จะทำให้มีแรงเทขายตราสารหนี้ออกมาในปริมาณมาก จนอาจทำให้หลายคนที่ลงทุนในตราสารหนี้อยู่ ต้องขาดทุนอย่างหนักมากกว่าเดิมก็เป็นได้
ก็ต้องติดตามกันต่อไปว่า สิ่งที่ บิลล์ กรอสส์ คาดการณ์ไว้เช่นนี้ จะเป็นจริงมากน้อยแค่ไหน
แต่ก็ต้องยอมรับว่า นักลงทุนที่เข้ามาลงทุนในตราสารหนี้ กำลังจะต้องเจอความท้าทายจากอัตราดอกเบี้ยทั่วโลกที่กำลังจะปรับตัวขึ้นหลังจากนี้..
╔═══════════╗
Blockdit เป็นแพลตฟอร์ม สำหรับนักอ่าน และนักเขียน
ที่มีผู้ใช้งาน 1 ล้านคน ลองใช้แพลตฟอร์มนี้เพื่อได้ไอเดียใหม่ๆ
แล้วอาจพบว่าสังคมนี้เหมาะกับคนเช่นคุณ
Blockdit. Ideas Happen. Blockdit.com/download
╚═══════════╝
ติดตามลงทุนแมนได้ที่
Website - longtunman.com
Blockdit - blockdit.com/longtunman
Facebook - facebook.com/longtunman
Twitter - twitter.com/longtunman
Instagram - instagram.com/longtunman
Line - page.line.me/longtunman
YouTube - youtube.com/longtunman
Spotify - open.spotify.com/show/4jz0qVn1AL7tRMHiTvMbZH
Apple Podcasts - podcasts.apple.com/th/podcast/ลงท-นแมน/id1543162829
Soundcloud - soundcloud.com/longtunman
References:
-https://www.bloomberg.com/news/articles/2021-09-01/bill-gross-says-bonds-are-investment-garbage-just-like-cash
-https://www.investopedia.com/terms/w/william-h-gross.asp
-https://en.wikipedia.org/wiki/Bill_H._Gross
-https://www.ft.com/content/f1a48ac2-36fb-4e7f-8d23-71477f1fc0a4
-https://www.sunsigns.org/famousbirthdays/d/profile/bill-gross/
「ตราสารทุน คือ」的推薦目錄:
- 關於ตราสารทุน คือ 在 ลงทุนแมน Facebook 的精選貼文
- 關於ตราสารทุน คือ 在 ลงทุนแมน Facebook 的最佳解答
- 關於ตราสารทุน คือ 在 KIM Property Live Facebook 的精選貼文
- 關於ตราสารทุน คือ 在 Money Coach - ตราสารหนี้📊 VS ตราสารทุน 📈 คืออะไร... 的評價
- 關於ตราสารทุน คือ 在 ตราสารหนี้ (หุ้นกู้) vs ตราสารทุน (หุ้นสามัญ) คืออะไร ต่างกันยังไง 的評價
- 關於ตราสารทุน คือ 在 รู้จักตราสารทุนแล้วหรือยัง? - YouTube 的評價
ตราสารทุน คือ 在 ลงทุนแมน Facebook 的最佳解答
THE IVY LEAGUE 8 มหาวิทยาลัยที่มีเงินเท่ากับ 1 ประเทศ / โดย ลงทุนแมน
มูลค่าเงิน 4.2 ล้านล้านบาท..
เรากำลังพูดถึงเงินกองทุนของ 8 มหาวิทยาลัยเอกชน
ไม่ใช่ GDP ของประเทศใดประเทศหนึ่งแต่อย่างใด
กองทุนเหล่านี้ถูกตั้งขึ้นมา เพื่อใช้ในการบริหารมหาวิทยาลัย สนับสนุนงานวิจัย และใช้เป็นแหล่งเงินทุนให้กับนักศึกษาในการเข้าเรียน
โดยย้อนกลับไปในปี ค.ศ. 1954 กลุ่มมหาวิทยาลัย 8 แห่ง ได้รวมตัวกันภายใต้ชื่อ Ivy League
ซึ่งจุดประสงค์หลัก คือ การรวมตัวกันเพื่อจัดแข่งกีฬาร่วมกัน
โดยทุกมหาวิทยาลัยจะตั้งอยู่ในโซน ภาคตะวันออกเฉียงเหนือของสหรัฐอเมริกา
แล้ว 8 มหาวิทยาลัยนี้มีอะไรบ้าง และ กองทุนใหญ่ขนาดไหน?
1. Harvard
มีมูลค่ากองทุน 1.3 ล้านล้านบาท
2. Yale
มีมูลค่ากองทุน 9.1 แสนล้านบาท
3. Princeton
มีมูลค่ากองทุน 8.0 แสนล้านบาท
4. Pennsylvania
มีมูลค่ากองทุน 4.2 แสนล้านบาท
5. Columbia
มีมูลค่ากองทุน 3.4 แสนล้านบาท
6. Cornell
มีมูลค่ากองทุน 2.2 แสนล้านบาท
7. Dartmouth
มีมูลค่ากองทุน 1.7 แสนล้านบาท
8. Brown
มีมูลค่ากองทุน 1.1 แสนล้านบาท
โดยมหาวิทยาลัยเหล่านี้จะมีรายได้หลักจากเงินบริจาคจากศิษย์เก่า ค่าเล่าเรียนจากนักเรียน และ ผลตอบแทนจากการนำเงินไปลงทุนในตราสารหนี้ ตราสารทุน และสินทรัพย์อื่นๆ ซึ่งรวมถึง Venture Capital และ Private Equity อีกด้วย
แล้วผลตอบแทนจากการลงทุนในปี 2560 ใครทำได้ดีสุด?
จากรายงานประจำปีของแต่ละมหาวิทยาลัย
Princeton สามารถสร้างผลตอบแทนได้ถึง 14.2% ซึ่งมากที่สุดใน 8 กลุ่มมหาวิทยาลัย
ในขณะที่ Yale, Pennsylvania, Dartmouth, Brown สามารถทำได้ที่ 12.0%-13.2%
Harvard และ Cornell มีผลตอบแทนประมาณ 10.0%
ส่วน Columbia อยู่ในอันดับสุดท้าย ที่ 9.0%
โดยในแต่ละมหาวิทยาลัยจะมีวิธีการในการแบ่งสัดส่วนในการลงทุนที่ต่างกันไป
แต่สิ่งที่ทุกมหาวิทยาลัยมีเหมือนกัน คือ
การลงทุนใน Venture Capital และ Private Equity ซึ่งสามารถสร้างผลตอบแทนได้โดดเด่นกว่าประเภทอื่นมาก
แล้วศิษย์เก่าที่มีชื่อเสียงของมหาวิทยาลัยใน Ivy League มีใครบ้าง?
Barack Obama
ประธานาธิบดีสหรัฐอเมริกาคนที่ 44 จบจาก Harvard
Bill Clinton
ประธานาธิบดีสหรัฐอเมริกาคนที่ 42 จบจาก Yale
Jeff Bezos
ผู้ก่อตั้ง Amazon และบุคคลรวยที่สุดของโลกในปัจจุบัน จบจาก Princeton
Elon Musk
CEO ของ Tesla จบจาก Pennsylvania
Warren Buffett
นักลงทุนชื่อดังของโลก จบจาก Columbia
หรือแม้แต่
Emma Watson นักแสดงในเรื่อง Harry Potter จบจาก Brown
เราจะเห็นได้ว่ามหาวิทยาลัยใน Ivy League ได้สร้างศิษย์เก่าที่มีส่วนสำคัญต่อโลกของเราไว้ในหลายด้าน
ปิดท้ายด้วยข้อมูลที่น่าสนใจ
ถ้าเราคิดว่ามหาวิทยาลัยมีรายได้จากค่าเล่าเรียนเป็นหลัก เราอาจคิดผิด
ตัวอย่างเช่นในปี 2560 Harvard มีรายได้จาก ค่าเล่าเรียน คิดเป็น 22% ของรายได้ทั้งหมด
ในขณะที่รายได้หลักจะมาจากเงินบริจาค ซึ่งมากถึง 44% ของรายได้ทั้งหมด..
╔═════════════════╗
Blockdit แอปที่เป็นเหมือน คลังความรู้ขนาดใหญ่
อ่านฟรี โหลดเลย Blockdit.com/download
╚═════════════════╝
References:
-Princeton Report of the Treasurer 2017–18
-Harvard University Financial Overview
-https://news.yale.edu/…/investment-return-123-brings-yale-e…
-https://www.bestcollegereviews.org/history-ivy-league/
-https://www.columbiaspectator.com/…/columbia-endowment-rep…/
-https://www.theclassroom.com/definition-ivy-league-college-…
ตราสารทุน คือ 在 KIM Property Live Facebook 的精選貼文
การลงทุนที่มีความเสี่ยงต่ำ แบบว่ายังก็ไม่ขาดทุน
ตราสารหนี้ คือ “ตราสารที่ให้สิทธิการเป็น เจ้าหนี้ของกิจการ แก่ผู้ลงทุน” ถ้าเอาให้เข้าใจง่ายๆ เราปล่อยเงินกู้ โดยมีอัตราดอกเบี้ยกำหนด ชัดเจน โดยเราสามารถเลือกลูกหนี้ของเราได้ดังนี้
รัฐบาล ได้แก่ พันธบัตร หรือ ตัวเงินคลัง
เอกชน เรียกอีกอย่างว่า หุ้นกู้ ส่วนใหญ่จะเป็นกิจการใหญ่ๆมีความมั่นคงทั้งนั้น ได้แก่ ธนาคารต่างๆ ได้ผลตอบเเทนมากกว่า ของ รัฐบาลนิดหน่อย
ผลตอบแทนประมาณ 3% ส่วนหุ้นกู้จะมากกว่า อาจเป็น 4-5% ประมาณนี้ เท่าที่ดูก็พอๆ หรืออาจจะมากกว่าเงินฝากประจำนิดหน่อยอ่ะนะ เหมาะกับคนที่ไม่ชอบความเสี่ยง
.
การลงทุนที่มีความเสี่ยงต่ำ – ปานกลาง
อสังหาริมทรัพย์ ไม่ว่าจะ ซื้อมาขายไป หรือจะปล่อยเช่า
คอนโด ค่าเช่าจะอยู่ที่ประมาณ 6-7% ราคาเติบโตเฉลี่ย 5%
บ้าน ค่าเช่า 4-5% ราคาเติบโตเฉลี่ย 8%
ที่ดิน ค่าเช่า 1% ราคาเติบโตเฉลี่ย 13%
ผลตอบแทนดี และ ราคาเติบโตก็เยี่ยม ข้อเสีย สภาพคล่องต่ำ ต้องดูเเลรักษา
ทอง เดี๋ยวขึ้นเดี๋ยวลง ตามเศรษฐกิจโลก เเต่เทรนมันก็ขึ้นตลอดนะ
.
การลงทุนที่มีความเสี่ยงปานกลาง – สูง
กองทุนรวม หรือ Mutual Fund ตั้งมาเพื่อระดมเงินมาลงทุน เหมือนฝากคนอื่นลงทุนในหุ้น และ ในตราสาร โดยจะมีการกระจายความเสี่ยงให้ สามารถเลือกได้ว่าชอบแบบไหน
ตราสารทุน หมายถึง “ตราสารที่กิจการออกขายให้แก่ผู้ลงทุนเพื่อระดมเงินทุนไปใช้ในกิจการ” หรือ ที่เรารู้จักกัน ก็คือ หุ้น นั่นเเหล่ะ จะทำให้เราเป็นเจ้าของร่วมในกิจการนั้นๆ มีสิทธิมีเสียง ในการประชุม
ผลตอบเเทนเฉลี่ยของหุ้นประมาณ 8% ก็นับว่าสูงนะ เเต่ก็นั่นเเหล่ะ ความเสี่ยงก็ตามไปด้วย ต้องหาความรู้ ต้องศึกษาด้วยนะ เดี๋ยวจะเละ
.
การลงทุนที่มีความเสี่ยงสูง – สูงมาก
อนุพันธ์ (DERIVATIVES) คือ “เป็นสินค้าทางการเงินชนิดหนึ่ง ที่มีคุณลักษณะพิเศษคือเป็น สินค้าที่ไม่มีมูลค่าในตัวเอง แต่มีมูลค่าขึ้นอยู่กับสินค้าอื่นที่อนุพันธ์นั้นอ้างอิงอยู่” งงอ่ะดิ ถ้าให้เข้าใจง่าย มันคือ สัญญาซื้อขายล่วงหน้า
ก็ไม่รู้ว่าเรียกว่าการลงทุนได้รึป่าวนะ ผมว่าเป็นการเก็งกำไรจะเหมาะกว่า รู้จักในชื่อ TFEX ลงทุนน้อยผลตอบเเทนสูงมาก ผลตอบแทนอาจสูงถึง 30% กันเลย
ซื้อขายค่าเงิน ในตลาด Forex ที่หลายคนคงเคยได้ยินคำร่ำลือว่า ซิ่งนักซิ่งหนา ผลตอบเเทนสูง
ขอนิยามการลงทุนแบบนี้ว่า “รวยในพริบตา และเป็นหมาในข้ามคืน”
ลองศึกษาว่าเรารับความเสี่ยงได้เท่าไหร่ และ เราเหมาะกับอะไร ส่วนตัวผม เล่น 2 อย่าง อสังหา กับ หุ้น ก็พอเเล้ว ดูไม่ไหว
ถ้าคุณคิดว่าบทความนี้เป็นประโยชน์ อย่าลืมแบ่งปันมันให้เพื่อนของคุณด้วยล่
ตราสารทุน คือ 在 ตราสารหนี้ (หุ้นกู้) vs ตราสารทุน (หุ้นสามัญ) คืออะไร ต่างกันยังไง 的推薦與評價
ตราสารหนี้ หุ้นกู้ vs ตราสารทุน หุ้นสามัญ คือ อะไร ต่างกันยังไง มาติดตามกันค่ะ . เครดิตภาษีเงินปันผล คือ อะไร https://youtu.be/k9yPAGhRYlw . ... <看更多>
ตราสารทุน คือ 在 รู้จักตราสารทุนแล้วหรือยัง? - YouTube 的推薦與評價
... ผู้ถือหุ้นจะมีสิทธิหรืออำนาจในการบริการธุรกิจ และได้รับผลประโยชน์หรือไม่ คลิปวิดีโอนี้จะมาไขข้อข้องใจ และทำให้นักลงทุน รู้จัก ตราสารทุน ... ... <看更多>
ตราสารทุน คือ 在 Money Coach - ตราสารหนี้📊 VS ตราสารทุน 📈 คืออะไร... 的推薦與評價
ตราสารทุน นั้นจะมีความแตกต่างจากตราสารหนี้ที่ผู้ลงทุนจะมี ฐานะเป็น “เจ้าหนี้ธุรกิจ และไม่มีส่วนได้เสียในทรัพย์สินและรายได้ของธุรกิจที่ออกตร าสาร” ผู้ถือตราสารทุน ... ... <看更多>