ปลัดกระทรวงสาธารณสุข แนวทางการต่อสู้กับโควิดจากนี้ไปครับ …
วัคซีนที่ครอบคลุมมากขึ้น ทำให้รับมือกับโควิดได้ดีขึ้น ตามด้วย ATK , Universal Prevention และ CIVID Free Setting
“การล็อกดาวน์ที่ผ่านมา เหมือนเราเตะเข้าเป้าไปแล้ว ตามด้วยการฉีดวัคซีนทำให้โควิดเปลี้ยลง และเตะตัดขาด้วย ATK ทำให้เชื้อไวรัสเริ่มอ่อนกำลังลง แต่เราก็มีการ์ดป้องกันตัวเอง และโควิดฟรีเซ็ตติ้ง จะเป็นระยะห่างที่ทำให้ไวรัสชกเราได้ยาก ดังนั้น เราก็จะอยู่กับมันไปอย่างนี้ แต่โควิดจะเตี้ยลงทุกวันๆ คลัสเตอร์ใหญ่ๆ ก็เกิดได้ยาก ส่วนเรื่องการกลายพันธุ์ มีผู้เชี่ยวชาญระบุว่าไวรัสกลายพันธุ์ได้ระดับหนึ่งเท่านั้น น่าจะอยู่ร่วมกันได้โดยโรคไม่รุนแรง คาดว่าจะสามารถรักษาระบบอย่างนี้ไปได้ ต้นปีหน้า ราวๆ เดือน มี.ค. 2565 โรคน่าจะสงบพอสมควร ใกล้ภาวะปกติ แต่ประชาชนก็ต้องสวมหน้ากากอนามัยต่อไปอีกระยะหนึ่ง”
#ร่วมแรงร่วมใจฝ่ามหันตภัยโควิด
28 กย.64 นพ.เกียรติภูมิ วงศ์รจิต ปลัดกระทรวงสาธารณสุข เปิดเผยถึงสถานการณ์โควิด-19 ว่า ขณะนี้อยู่ในช่วงขาลง เป็นผลมาจากมาตรการล็อกดาวน์ก่อนหน้านี้ ผู้ป่วยหนักและผู้ป่วยใส่ท่อช่วยหายใจลดลงตามลำดับ จากก่อนหน้านี้ 4- 5 พันรายต่อวัน ล่าสุด 3 พันรายต่อวัน มีการประมาณการว่าจะมีผู้ติดเชื้อราว 5 พันรายต่อวันก่อนสิ้นเดือน ต.ค.นี้
อย่างไรก็ตาม ยังมีหลายปัจจัยที่จะทำให้มีผู้ติดเชื้อเพิ่มขึ้น คือ การติดเชื้อเป็นกลุ่มก้อน (คลัสเตอร์) และเชื้อไวรัสกลายพันธุ์ และมีการประเมินฉากทัศน์ว่าตัวเลขจะกระดกขึ้นหลังเดือน ต.ค. เพราะหมดแรงเหวี่ยงของช่วงล็อกดาวน์ จึงต้องพยายามทำให้การพยากรณ์นี้ไม่เป็นจริง สิ่งที่เราต้องทำคือการการป้องกันตัวเอง การตรวจ ATK มาตรการโควิด ฟรี เซ็ตติ้ง ซึ่งคาดว่าน่าจะกดการติดเชื้อลงได้
“ถ้าถามว่าก่อนหน้านี้ก็ทำ แต่ทำไมไม่ลดลง ต้องบอกว่าตอนนี้บริบทเปลี่ยนไป 2 เดือนก่อน ตอนนั้นการติดเชื้อไม่ลดลง เพราะความครอบคลุมของวัคซีนต่ำ เลยไม่เสริมกัน แต่วันนี้อัตราการฉีดวัคซีนของไทยครอบคลุมสูงขึ้น อัตราการป่วยหนักก็เริ่มลดลง ซึ่งตอนนี้คนไทยเกือบ 50% ได้รับวัคซีนแล้วอย่างน้อย 1 เข็ม ส่วนเข็ม 2 ฉีดแล้วครึ่งหนึ่งของคนฉีดเข็ม 1 คาดว่าภายในสิ้นเดือน ต.ค.นี้ สัดส่วนการฉีดวัคซีนเข็ม 1 เท่ากับ 60% เข็ม 2 อยู่ที่ 50% ถ้าสิ้นเดือน ธ.ค. ตามเป้าหมายคือเข็ม 1 จำนวน 80 % และเข็ม 2 จำนวน 70% เท่ากับอารยประเทศ ก็เป็นไปตามเป้าหมายที่วางไว้”
“ปัจจัยที่จะทำให้ผู้ติดเชื้อเหวี่ยงขึ้นไปอีก คือ เกิดคลัสเตอร์ใหญ่ และเชื้อกลายพันธุ์ ซึ่งตอนล็อกดาวน์เหมือนเราเตะเข้าเป้าไปแล้ว ตามด้วยการฉีดวัคซีนทำให้เปลี้ยลง และเตะตัดขาด้วย ATK ทำให้เชื้อไวรัสเริ่มอ่อนกำลังลง แต่เราก็มีการ์ดป้องกันตัวเอง และโควิดฟรีเซ็ตติ้ง จะเป็นระยะห่างที่ทำให้ไวรัสชกเราได้ยาก ดังนั้น เราก็จะอยู่กับมันไปอย่างนี้ แต่โควิดจะเตี้ยลงทุกวันๆ คลัสเตอร์ใหญ่ๆ ก็เกิดได้ยาก ส่วนเรื่องการกลายพันธุ์ มีผู้เชี่ยวชาญระบุว่าไวรัสกลายพันธุ์ได้ระดับหนึ่งเท่านั้น น่าจะอยู่ร่วมกันได้โดยโรคไม่รุนแรง คาดว่าจะสามารถรักษาระบบอย่างนี้ไปได้ ต้นปีหน้า ราวๆ เดือน มี.ค. 2565 โรคน่าจะสงบพอสมควร ใกล้ภาวะปกติ แต่ประชาชนก็ต้องสวมหน้ากากอนามัยต่อไปอีกระยะหนึ่ง”
นพ.เกียรติภูมิ กล่าวด้วยว่า รูปแบบการติดเชื้อของเราจะเหมือนกับยุโรป เช่น อังกฤษ ที่ประชากรใกล้เคียง เราจะฉีดวัคซีนให้ใกล้เคียงเขา ซึ่งเดือนหน้าก็จะเท่ากัน บวกกับมีมาตรการควบคุมป้องกันโรคเต็มที่ รูปแบบเราก็จะเป็นเหมือนยุโรป คาดว่ามีการติดเชื้อวันละไม่เกิน 5 พันคน ก็สามารถดูแลได้ และไม่มีการป่วยหนัก เสียชีวิตจำนวนมาก อัตราการติดเชื้อและเสียชีวิตไม่มากไปกว่าไข้หวัดใหญ่ อย่างไรก็ตาม ในระยะนี้ที่การติดเชื้ออยู่ในช่วงขาลง แต่จะเห็นอัตราการติดเชื้อยังเหวี่ยงหลักพันกับหลักหมื่นอยู่
同時也有4部Youtube影片,追蹤數超過7萬的網紅ปลดล็อกกับหมอเวช,也在其Youtube影片中提到,สื่อเสียงชุดถามชีวิต ตอนที่ 3 เนื้อหาและเสียง โดย นพ.ประเวช ตันติพิวัฒนสกุล ดนตรีและเสียงร้อง โดย อ.ศักดิ์สิริ มีสมสืบ อำนวยการผลิต โดย รัศมี มณีนิ...
นพ คือ 在 อ๋อ มันเป็นอย่างนี้นี่เอง by อาจารย์เจษฎ์ Facebook 的精選貼文
"สาธารณสุขยอมรับ ตัวเลขคนติดเชื้อจะไม่ลดเป็น 0 แต่จะมีการติดเชื้อและระบาดแบบโรคประจำถิ่น"
ไปอ่านเจอข่าวเล็กๆ แต่สำคัญอันนี้ ที่ สธ. เค้ายอมรับแล้วว่า ความผิดพลาดอันหนึ่งก่อนหน้านี้เกี่ยวกับการควบคุมโรคโควิด-19 คือการเอา "ผู้ติดเชื้อ" ทุกคน มานับว่าเป็น "ผู้ป่วย" และต้องให้เข้าโรงพยาบาลไปกักตัวให้หมดทุกคน
ซึ่งผมเตือนมาตลอด ตั้งแต่แรกเริ่มการระบาดแล้วว่า นั่นจะสร้างปัญหาได้ เพราะคนที่ติดเชื้อโควิด กว่าครึ่ง จะไม่มีอาการป่วยอะไร และที่เหลือนั้น ส่วนใหญ่ก็จะป่วยแค่เล็กน้อย ไม่จำเป็นต้องเข้าโรงพยาบาล .... พอใช้นโยบายแบบนี้ เตียงก็เต็ม ทั้งในโรงพยาบาลและโรงพยาบาลสนาม ระบบสาธารณสุขมันก็รองรับการระบาดหนักๆ ไม่ไหว
ก็ดีใจว่า ตอนนี้ นโยบายเรื่อง "แยกแยะประเภทผู้ติดเชื้อ" น่าจะเข้าที่เข้าทางแล้ว ... ยิ่งมีเครื่องมือสำคัญอย่าง "ชุดตรวจเอทีเค และการทำกักตัวทีบ้าน" มาให้ทุกคนใช้ ไว้ใจประชาชนในการดูแลตนเอง ครอบครัว และสังคม ปัญหาระบบล่มแบบเดือนก่อนๆ นี้ น่าจะไม่เกิดขึ้นอีก แม้จะมีการระบาดระลอกต่อๆ ไปครับ
คำสรุปง่ายๆ คือ ก็ให้ใช้หลักการเดียวกับการดูแลผู้ติดเชื้อเอชไอวี แหละครับ ไม่ต้องทำให้คนกลัวโรคมากเกินไป อย่าไปทำให้คนเกลียดคนที่ติดเชื้อ แต่หาทางทำให้เราอยู่ร่วมกับผู้ติดเชื้อได้ (คิดในแง่ดี ใครติดเชื้อและหายก่อน ก็ย่อมมีภูมิคุ้มกันก่อน นะครับ)
--------------
(รายงานข่าว) เมื่อถามต่อว่าการผ่อนคลายมาตรการต่างๆ ต้องให้ตัวเลขผู้ติดเชื้อต่ำกว่า 1 หมื่นรายต่อวันหรือไม่ นพ.เกียรติภูมิ กล่าวว่า การใช้ตัวเลขผู้ติดเชื้อมาพิจารณามาตรการผ่อนคลายนั้น ฝ่ายเกี่ยวข้องจะใช้เป็นตัวแปรน้อยลงตามลำดับ แต่เน้นเรื่องศักยภาพรองรับการเจ็บป่วยเป็นเรื่องสำคัญเพราะตอนนี้เรามีความเข้าใจต่อโรคดีขึ้นตามลำดับ
จากเดิมที่ไม่เข้าใจ จึงนำคนติดเชื้อเข้าไปอยู่ในรพ.ทั้งหมดทำให้รพ.เต็ม ตอนนี้จัดระบบดูแลรักษาดีขึ้นพยายามคัดแยกผู้ป่วย เหมือนกรณีผู้ติดเชื้อเอชไอวี หากไม่ป่วยไม่ต้องเข้า รพ.
โควิดเหมือนกัน หากติดเชื้อไม่ป่วย ไม่มีอาการหรือมีอาการเล็กน้อยให้ดูแลตัวเองที่บ้าน ถ้ามีอาการปานกลาง เข้ารักษาในรพ. ซึ่ง สธ.ความคาดหมายว่าไม่เกิน 20% ของจำนวนผู้ติดเชื้อทั้งหมดที่จำเป็นต้องใช้รพ.
“สถานการณ์ที่แสดงให้เราเห็นคือที่ กทม.มีการติดเชื้อวันละ 2-3 พันราย ถือว่าต่ำเมื่อเทียบกับประชากร 10 ล้านคน ปัจจุบันเตียงสีแดงเหลือหลายร้อยเตียง สีเหลืองเหลือหลายพันเตียง ส่วนสีเขียวเหลือเป็นจำนวนมาก เพราะตอนนี้ประชาชนมีความเข้าใจและดูแลตัวเองที่บ้าน
เดิมเรากังวลการดูแลที่บ้านจะทำให้เกิดการติดเชื้อในครอบครัว แต่ปัจจุบันเราเห็นว่าเขาทำได้ดี ทั้งนี้ ขึ้นอยู่กับบริบท กทม.ก็เป็นรูปแบบหนึ่ง ต่างจังหวัดก็เป็นรูปแบบหนึ่ง การผ่อนคลายมาตรการจึงต้องดูว่าระบบสาธารณสุขจะรองรับได้หรือไม่” ปลัดสธ.กล่าว
.... อ่านต่อที่ : https://www.dailynews.co.th/news/294815/?fbclid=IwAR3A67iIUs1Ho6ojeim2ZipfggcVFRcwnrNwl78WnFzrzbGcdOZgabeo6V0
นพ คือ 在 Facebook 的最佳解答
คณะกรรมการโรคติดต่อแห่งชาติ มีมติ “ลดวันกักตัว” คนเดินทางจากต่างประเทศ แบ่งเป็น 7 หรือ 10 หรือ 14 วัน ครับ …
#ร่วมแรงร่วมใจฝ่ามกันตภัยโควิด
23 กย.64 นพ.โอภาส การย์กวินพงศ์ อธิบดีกรมควบคุมโรค กล่าวภายหลังการประชุมคณะกรรมการโรคติดต่อแห่งชาติ ครั้งที่ 9/2564 ถึงมติการประชุม เรื่องการลดวันกักตัวในการเดินทางเข้าประเทศว่า ที่ประชุมมีมติเห็นชอบปรับมาตรการเดินทางเข้าราชอาณาจักร จากเดิม 14 วัน และต้องตรวจทางห้องปฏิบัติการ โดยให้ลดวันกักตัวเหลือ 7 วัน 10 วัน และ 14 วัน แล้วแต่กรณี โดยจะนำเสนอ ศบค.ต่อไป
1.การกักตัว 7 วัน ผู้เดินทางจะต้องฉีดวัคซีนครบ 2 เข็ม หรือตามที่วัคซีนกำหนด และต้องตรวจหาเชื้อก่อนเดินทางด้วยวิธี RT-PCR เมื่อมาถึงประเทศไทยจะต้องตรวจวันที่ 0 และ ก่อนที่จะออกจากการกักตัว คือ วันที่ 7
2.การกักตัว 10 วัน ในกรณีไม่มีเอกสารรับรองการฉีดวัคซีน ให้ตรวจด้วย RT-PCR 2 ครั้ง คือ วันที่ 0 และก่อนที่จะออกจากกักตัว โดยจะต้องเป็นการเดินทางเข้ามาทางอากาศเท่านั้น
3.การกักตัว 14 วัน ฉีดวัคซีนไม่ครบ มาด้วยช่องทางบก จะต้องมีการตรวจRT-PCR 2 ครั้ง
นพ.โอภาส กล่าวว่า มาตรการลดวันกักตัว ยังใช้มาตรการเดียวกันใน “ทุกประเทศ” แต่หากมีสถานการณ์พิเศษเพิ่มเติม จะใช้อำนาจของเจ้าพนักงานควบคุมโรคติดต่อระหว่างประเทศเพิ่มเติมขึ้นก็ได้
“บทเรียนของภูเก็ตแซนบ็อกซ์ คนที่ติดโควิด ไม่ได้เกิดจากนักท่องเที่ยวที่เดินทางเข้ามา แต่ติดในประเทศมากกว่า ขอให้ความมั่นใจว่า การลดวันกักตัวไม่ได้ทำให้เกิดการระบาดมากขึ้น”
นพ.โอภาส กล่าวว่า ข้อดี คือ ทำให้เรามีชีวิตร่วมกับโควิด-19 ได้อย่างมั่นคง สัญลักษณ์ของการอยู่ร่วมกับโควิด-19 คือ การลดวันกักตัวให้สามารถเดินทางระหว่างประเทศได้ และการเปิดโรงเรียน ถ้าทำสองสิ่งนี้ได้หมายถึง เราสามารถควบคุมเชื้อได้ในระดับหนึ่ง ไม่ใช่ทำให้ไม่มีผู้ติดเชื้อเลย เพราะเชื้อกลายพันธุ์อยู่ตลอดเวลา การทำให้หมดไปเลยคงเป็นได้ลำบาก แต่ต้องลดอัตราเสียชีวิต และการเจ็บป่วยหนัก ทำให้มีชีวิตกับโรคนี้ได้ดียิ่งขึ้น
นพ คือ 在 ปลดล็อกกับหมอเวช Youtube 的最佳解答
สื่อเสียงชุดถามชีวิต ตอนที่ 3
เนื้อหาและเสียง โดย นพ.ประเวช ตันติพิวัฒนสกุล
ดนตรีและเสียงร้อง โดย อ.ศักดิ์สิริ มีสมสืบ
อำนวยการผลิต โดย รัศมี มณีนิล
งบประมาณจาก สำนักงานกองทุนสนับสนุนการสร้างเสริมสุขภาพ (สสส.)
ในแต่ละตอนของสื่อ "ถามชีวิต" จะมีคำถามให้ทบทวนด้วยนะครับ
สำหรับตอนที่ 3 นี้ คำถามให้ทบทวน คือ
1 สัปดาห์ที่ผ่านมา คุณรู้สึกดีกับตัวเองจากอะไร /
ความรู้สึกดีกับตัวเองเกิดขึ้นได้อย่างไร
2 คุณได้ค้นพบความถนัดของตัวเอง และบ่มเพาะความถนัดนั้นจนเป็นความสำเร็จหรือไม่
3 หากคุณยังไม่มีโอกาสได้ใช้ความถนัดที่เป็นเหมือนพรสวรรค์ของตนเองเป็นประจำ คุณคิดว่า จะปรับชีวิตอย่างไรให้ได้ใช้ความถนัดของตนเองมากขึ้น
4 คุณเคยเผลอคิดเปรียบเทียบตัวเองกับคนอื่น และทำให้รู้สึกด้อยหรือไม่
5 คุณจะเตือนตัวเองอย่างไร ให้เลิกคิดเปรียบเทียบ (เพื่อจะได้ไม่ต้องรู้สึกแย่ รู้สึกด้อย)
6 คุณจะช่วยลูกหลาน / เพื่อนๆ / คนรอบข้าง / ญาติพี่น้อง ให้รู้สึกดีกับตัวเองได้อย่างไร
ลองค่อยๆ ทบทวนดูนะครับ
การตั้งคำถามดีๆ ให้กับตัวเอง จะช่วยคุณมีความคิด
ที่คมชัดขึ้นครับ

นพ คือ 在 Healthy Natural นานา สมุนไพร Youtube 的最佳解答
หยุดอ่านสักนิด!! น้ำต้ม เดือดแล้วเดือดอีก เป็นอันตรายต่อชีวิต คนชอบดื่มชา กาแฟ อย่าชะล่าใจ!!
หลายคนเชื่อว่า ความร้อน สามารถเอาชนะเชื้อโรคร้ายต่างๆได้ ไม่ว่าจะเป็นอาหาร หรือน้ำดื่ม หากปรุงสุกด้วยความร้อนสูง หรือต้มจนเดือด ก่อนจะนำมารับประทาน ก็จะไม่เป็นอันตรายต่อร่างกายอย่างเด็ดขาด ซึ่งนั้นก็ถือว่าไม่ใช่ความเชื่อที่ผิด แต่อาจไม่ทั้งหมด เมื่อสิ่งที่เราให้ความร้อนกับมันอย่าง น้ำในกาต้มน้ำ เมื่อทำซ้ำๆ หลายๆ ครั้ง โดยไม่เปลี่ยนน้ำในกา น้ำที่คิดว่าสะอาด ปลอดภัย กลับให้โทษแก่ร่างกายหากดื่มเข้าไป เพราะ “น้ำ” ที่เราใช้ดื่มกินในปัจจุบัน มักผสมไปด้วยแร่ธาตุต่างๆ หลายชนิด หากมีการต้มจนเดือดแล้วเดือดอีกหลายๆ ครั้ง จะทำให้น้ำระเหย กลายเป็นไอตามทฤษฎีปกติอยู่แล้ว แต่ก็จะไม่ระเหยทั้งหมด ซึ่งในน้ำส่วนที่เหลืออยู่นั้น ก็จะมีปริมาณแร่ธาตุชนิดต่างๆ ที่ปะปนมาเหลืออยู่ในจำนวนที่เข้มข้นมากขึ้น และที่สำคัญจะหลงเหลืออยู่เกินมาตรฐานที่จะนำมาบริโภคได้ โดยปฏิกิริยาที่เกิดขึ้นขณะน้ำเดือดนานๆ นั้น ก็จะส่งผลให้ไอออนของ ซิลเวอร์ไนเตรท ที่มีอยู่ในน้ำ จะเปลี่ยนเป็น ซิลเวอร์ไนไตรท ซึ่งเป็นสารที่ให้โทษแก่ร่างกาย ทำให้เกิดการระคายเคืองต่อเยื่อเมือกและทางเดินหายใจ อาจทำให้ปอด อาจถูกทำลายได้ รวมไปถึงดวงตา ประสาทและเลือด นอกจากนี้ยังรวมถึงแร่ธาตุอื่นๆ ก็จะมีปริมาณเพิ่มมากขึ้น เพราะการระเหยของน้ำ ซึ่งอาจมากจนเกินขีดจำกัดความสามารถของร่างกาย ในการกำจัด ขับถ่ายออกมาเป็นของเสียได้
เกี่ยวกับเรื่องนี้ นพ.กฤษดา ศิรามพุช ผอ.สถาบันเวชศาสตร์อายุรวัฒน์นานาชาติ ได้ระบุไว้ว่า ผู้ที่ชอบดื่มกาแฟ และผู้ที่ใช้กระติกน้ำร้อน พึงระวัง เพราะหากน้ำ ที่คุณใช้ต้มนั้นเป็นน้ำธรรมชาติ เช่น น้ำบาดาล น้ำบ่อ หรือน้ำประปา ที่เป็นกรดในหม้อโลหะแล้วนั้น หากต้มหลายๆ ครั้งก็จะยิ่งทำให้น้ำนั้นงวดและเกิดเป็นก้อนแข็งๆ ยึดเกาะตามผิวของกาหรือกระติกน้ำร้อน หรือที่เรียกว่า ตะกรันธาตุ ตกปนลงมาในน้ำมากขึ้น รวมถึง “น้ำแร่” แบบที่เศรษฐีชอบดื่มกัน เพราะคิดว่าสะอาดก็ต้องระวัง เพราะต้มนานๆ ไป ก็จะได้ตะกรันแถมเช่นกัน
ดังนั้น จึงไม่ควรดื่มน้ำที่ต้มเดือดแล้วหลายๆ ครั้ง ทางที่ดี ควรต้มน้ำแต่ละครั้งให้พอดีกับที่ใช้ดื่ม และจำเป็นต้องเปลี่ยนน้ำทุกครั้งหากต้องต้มน้ำให้เดือดใหม่ สำหรับกาต้มน้ำ ที่ใช้ชงกาแฟก็ไม่ควรตั้งกาต้มน้ำร้อน ไว้ให้เดือดตลอดเวลา เพราะอาจจะทำให้โลหะกร่อนลงมาปนได้ หมั่นเปิดฝากาดู หากเห็นมีคราบตะกรันติด ควรล้างกาในทันที
เพียงเท่านี้ ความร้อนก็จะไม่สามารถ นำพาสิ่งแปลกปลอมที่เป็นโทษต่อร่างกาย มาทำร้ายสุขภาพเราได้อย่างแน่นอน
เกร็ดความรู้ ตะกรัน คือ ธาตุที่มารวมตัวกันเป็นก้อนแข็งยึดเกาะตามผิวของอุปกรณ์ซึ่งมีความร้อน โดยปกติ ธาตุเหล่านี้จะละลายอยู่ในน้ำ เมื่อผ่านผิวของอุปกรณ์ที่มีความร้อน จะเกิดการเปลี่ยนสถานะก่อตัวยึดกันแน่น ตามผิวของอุปกรณ์ เกิดเป็นตะกรันแข็งขึ้นมา ทั้งนี้ ตะกรันสามารถจำแนกออกได้หลายชนิด อาทิ ตะกรันแคลเซียม(หินปูน),ตะกรันสนิมเหล็ก,ตะกรันเกลือ ฯลฯ ข้อมูลจากกรมควบคุมมลพิษ กรมควบคุมมลพิษ ระบุว่า ซิลเวอร์ไอออนเป็นพิษสำหรับ สิ่งมีชีวิตอาศัยอยู่ในน้ำ , แบคทีเรีย , สำหรับไนเตรทอาจเป็นปัจจัยทำให้น้ำขาดออกซิเจนเป็นอันตรายต่อน้ำดื่ม , ปลา และมีชื่อทางเคมีว่า IUPAC: Silver nitrate (สารซิลเวอร์ไนเตรท) (International Union of Pure and Applied Chemistry)
เคล็ดลับดีๆแบบนี้ ก็อย่าลืม แชร์ให้เพื่อนๆ หรือคนที่เพื่อนๆรักและ ห่วงใยด้วยคะ..
เพราะความสุขที่ยิ่งใหญ่ คือการเป็นผู้ให้ ขอให้มีสุขภาพที่ดี แข็งแรง ร่ำรวยความสุข ถ้วนหน้ากันทุกท่าน ตลอดไปเลยนะคะ..
อย่าลืม! ถ้าคุณชอบโปรดกด like. ถ้าคุณถูกใจโปรด subscribe! เพื่อเป็นกำลังใจ ให้แก่พวกเราด้วยคะ..ขอบคุณค่า..
Subscribe to Healthy Natural นานา สมุนไพร
Youtube : https://goo.gl/urmvNp
Follow us on Twitter : https://goo.gl/HKZaG4
Like us on Facebook : https://goo.gl/urmvNp
Follow us on Google Plus : https://goo.gl/E1ku0J
Follow us on pinterest : https://goo.gl/TB7RkC

นพ คือ 在 Healthy Natural นานา สมุนไพร Youtube 的精選貼文
อยากลดน้ำหนัก (โดยเฉพาะพุง) 6 อย่างนี้ขาดไม่ได้ เหลือเชื่อจริงๆ
วันนี้ขอนำเสนอเคล็ดลับดีๆ ที่ช่วยให้การลดน้ำหนักง่ายและไม่เป็นอันตรายต่อสุขภาพ ของ นพ.กฤษดา ศิรามพุช ผู้อำนวยการศูนย์เวชศาสตร์อายุรวัฒน์นานาชาติ บอกว่า พร้อมแนะนำของกินกรุบกริบที่กินแล้วไม่อ้วน แถมหาง่าย ใกล้ตัว และราคาก็ไม่แพงเลย เรียกว่า อยู่ท้อง ไร้พุง สบายกระเป๋าด้วยค่ะ
1) เม็ดแมงลัก “อาหารลดพุงแสนคลาสสิก แต่ประโยชน์ล้น เพราะมีพระเอกสำคัญคือ วิตามินเอที่สูงปรี๊ดกับ เส้นใยละลายน้ำ (Soluble fiber) ที่ดูเป็นวุ้นใส เมื่อแช่น้ำนั่นละค่ะ ช่วยพองในท้องให้อิ่มแต่ไม่อ้วน” หมอต้นให้เทคนิคกินง่ายคือ แช่น้ำให้พองเต็มที่ก่อน อย่าใจร้อน แล้วค่อยปรุงรับประทานค่ะ
2) ถั่วลิสง ของกินช่วยลดหิวได้ ใช้แทนของว่างที่แสนอ้วนอย่างมันฝรั่งทอด “การรับประทานถั่วลิสงคั่วแบบไม่ปรุงรสจะให้ความรู้สึกอิ่มท้องจาก ใยอาหารถั่ว ที่มีอยู่อย่างอุดม แม้ถั่วจะมีพลังงานสูง แต่ด้วยใยอาหารของมันกับโปรตีนนี่เองค่ะที่ช่วยให้รู้สึกไม่หิวจนเกินไป”
3) แอปเปิ้ลเขียว เป็นผลไม้ที่อุดมไปด้วย เพคติน ช่วยให้อิ่ม หยิบทานง่าย และเก็บไว้ได้นาน “เก็บไว้ทานในตู้เย็นที่ออฟฟิศก็ได้ ใช้เป็นมาตรวัดความหิวแบบง่ายๆ คือ ถ้านึกหิวขึ้นมาให้ถามตัวเองว่าหิวขนาดกินแอปเปิ้ลได้สักลูกไหม ถ้าใช่ก็อย่ารีรอ รีบหยิบมากัดกระแทกท้องทันที”
4) มะนาว “หามะนาวติดบ้านหรือออฟฟิศไว้ ไม่มีเวลาจริงๆ ก็บีบเข้าปากเลยก็ยังได้ น้ำมะนาวที่ขมนิดๆ จะช่วยให้รู้สึกหายหิวได้นานนับ ชั่วโมงหลังจากกิน เพราะสารพิเศษจากเปลือก” หมอต้นแนะต่อว่า “บางครั้งลองหาโอกาสกิน ‘เมี่ยงคำใส่ชิ้นมะนาว’ แทน ‘เลม่อนพาย’ ดูก็ดีนะค่ะ”
5) ทูน่า ติดทูน่ากระป๋องไว้ในทุกที่ จะใส่ในกระเป๋าถือหรือเป้ทำงานก็ได้ เก็บง่าย อยู่ได้ทนดี เพราะทูน่าช่วยให้อิ่มจากโปรตีนเน้นๆ “เปี่ยมไปด้วยคุณค่าจากไขมันต้านชราอย่าง โอเมก้า 3 ที่มีอยู่ในปลากระป๋องเช่นกัน”
6) ไข่ต้ม “อาหารลดอ้วนที่ได้ผลชะงัด” หมอต้นคอนเฟิร์ม “การรับประทานไข่มีส่วนช่วยลดไขมันได้จากงานวิจัยใหม่ๆ ส่วนไข่ขาวก็เป็นโปรตีนล้วน ที่ช่วยให้ไม่โทรมเวลาลดน้ำหนัก เพราะมันสร้างกล้ามเนื้อที่เผาผลาญไขมันโดยธรรมชาติ”
เพื่อสุขภาพของเราอย่าลืมหามากินกันนะค่ะเพื่อนๆ แต่สิ่งสำคัญของการกินให้มีสุขภาพดีคือ “กินด้วยปัญญา” หรือกินอย่างรู้เท่าทันและมีสติทุกครั้งก่อนนำอาหารแต่ละคำใส่ปากค่ะเพื่อผลลัพธ์ใน การลดน้ำหนักให้ได้ผล อย่าลืมออกกำลังกายอย่างสม่ำเสมอ คะ และก็อย่าลืมส่งต่อให้เพื่อนๆ หรือคนที่เพื่อนๆรักและ ห่วงใยด้วยคะ..
เพราะความสุขที่ยิ่งใหญ่ คือการเป็นผู้ให้ ขอให้มีสุขภาพที่ดี แข็งแรง ร่ำรวยความสุข ถ้วนหน้ากันทุกท่าน ตลอดไปเลยนะคะ..
อย่าลืม! ถ้าคุณชอบโปรดกด like. ถ้าคุณถูกใจโปรด subscribe! เพื่อเป็นกำลังใจ ให้แก่พวกเราด้วยคะ..ขอบคุณค่า..
Subscribe to Healthy Natural นานา สมุนไพร
Youtube : https://goo.gl/urmvNp
Twitter : https://goo.gl/HKZaG4
Facebook : https://goo.gl/urmvNp
Google Plus : https://goo.gl/E1ku0J
pinterest : https://goo.gl/TB7RkC
PLEASE SHARE THIS VIDEO
Share
subscribe (สับตะไคร้) : https://goo.gl/hpKUtI
แชร์บน facebook คลิ๊กที่นี่ : https://goo.gl/D6BuoX
แชร์บน google + คลิ๊กที่นี่ : https://goo.gl/j9VRyS
แชร์บน twitter คลิ๊กที่นี่ : https://goo.gl/6CKDo2
แชร์บน pinterest คลิ๊กที่นี่ : https://goo.gl/mNKy2W
แชร์บน tumblr คลิ๊กที่นี่ : https://goo.gl/E9v9Gu
แชร์บน reddit คลิ๊กที่นี่ : https://goo.gl/L17lrt
