ฮาบิ๊บ Bibbike ชวนไปปั่น 11 ประเทศอาเซียน ด้วยเงิน 300 บาท!
ระยะเวลา 1 ปี 2 เดือนสำหรับทริปปั่นจักรยานยาวนานสุดมันส์ 11 ประเทศอาเซียนของ ฮาบิ๊บ คอแด๊ะ เจ้าของเพจ "Bibbike" กับการปั่นทางไกลที่ไม่ไกลเกินฝัน เพราะมันเกิดขึ้นจริง และเขาก็ทำสำเร็จแล้ว แต่กว่าจะมีเรื่องราวมาเล่าสู่กันฟังแบบนี้ เชื่อว่าต้องมี "เรื่องเล่า" และ "เรื่องระหว่างทาง" ที่น่าสนใจแน่นอน
จุดเริ่มต้นของทริปปั่นจักรยาน 11 ประเทศอาเซียน
"เราเป็นคนชอบท่องโลก ชอบอ่านหนังสือเกี่ยวกับสัตว์และประวัติศาสตร์ เราเคยจินตนาการตอนเด็ก ๆ ว่า เราจะได้ออกเดินทาง หนังสือของ Che Guevara ที่ขี่มอเตอร์ไซค์รอบอเมริกาใต้ คือแรงบันดาลใจสำคัญ ความฝันมันก็ฝังมาตลอดตั้งแต่ตอนเรียนมหาลัย บังเอิญช่วงนั้นมีปัญหาเรื่องการทำงาน พอกลับมาบ้านก็มีคำถามจากครอบครัวว่า "จะทำอะไรต่อ?" ตอนนั้นคิดอะไรไม่ออก และเป็นช่วงช่วงเวลาที่ว่าง 2 - 3 เดือน เลยคิดว่า ถ้าเราเป็นนักเดินทาง เราต้องทำยังไง”
"มีโอกาสได้คุยกับ "บอล พาเที่ยว" ที่ทำเพจท่องเที่ยว ตอนนั้นเขาปั่นจักรยานจากโกลกไปแม่สาย เราเลยเสนอเขาว่าถ้ามา 3 จังหวัด เราจะเป็นไกด์ให้ แม้เขาไม่ได้เอ่ยปากชวน แต่เราจะต้องไปกับเขาให้ได้ ก่อนเดินทาง 3 วัน เลยตัดสินใจโทรไปบอกเขาว่าจะไปด้วย พอเขาตอบตกลงก็รีบเก็บกระเป๋าทันที พ่อให้เงินมาจำนวนหนึ่ง จากนั้นตัดสินใจออกจากบ้านทันที โดยที่ไม่สนใจว่าเงินจะพอไหม"
"ตอนนั้นผมมีเงินติดกระเป๋าอยู่ 300 กว่าบาท ก็คุยกับบอลตลอดว่า เรามีเงินแค่นี้ถ้าไม่พอจะทำยังไง บอลบอกไม่เป็นไรเดี๋ยวก็มีเอง เพื่อนที่ขับรถไปส่งก็บอกให้เชื่อในลิขิตของพระเจ้า เราเลยเริ่มทริปปั่นจักรยานที่โกลกด้วยเงินจำนวนนั้น ความฝัน กับ ความว่างมารวมกัน จึงเกิดภารกิจนี้ เลยตัดสินใจออกไปดูโลกแล้วค่อยกลับมาทำงาน"
ณ ตอนนั้น ไม่มียานพาหนะอื่นที่เหมาะสมไปกว่าจักรยาน ถือว่าเป็นภารกิจแรกที่เดินทางไกลและใช้จักรยานเป็นยานพาหนะ
จุดสตาร์ทจากไทยคือความอบอุ่นใจ
"จาก 300 บาทตอนนั้น เพื่อนก็ให้เพิ่มอีก 500 บาท พอปั่นไปถึงหาดใหญ่มีเงินเพิ่มเป็นสามพันบาท ระหว่างเดินทางมันมีเหตุการณ์หนึ่งที่คนจังหวัดนราธิวาสมาพาไปกินอาหารเช้าพร้อมกับมอบเงินให้ผมทำความฝันของตัวเองให้สำเร็จ เราได้รับการเติมเต็มแบบนั้นตลอดทาง หมวกกันน็อค กระเป๋า ก็มีเพื่อนระหว่างทางมอบให้ อุปกรณ์ค่อย ๆ ถูกเติมมาทีละอย่าง เพื่อนทั้งที่รู้จักและคนแปลกหน้า
"อย่างเรื่องธรรมดา ๆ แค่เราไปจอดรถที่มัสยิดหลังหนึ่ง แล้วเราไปละหมาดและหาร้านข้าว พอถามคนแถวนั้นเขาบอกว่าไม่มีแล้วเขาก็หายไปบ้าน กลับมาพร้อมกับข้าวเปล่าและปลาทอดมาให้ 1 จาน มันมีเรื่องที่เป็นมิตรไมตรีเกิดขึ้นมากมายโดยที่เล่าให้ฟังเป็นวัน ๆ ก็ไม่จบ"
ความบังเอิญที่ตั้งใจ
"จริง ๆ ทริปนี้ผมตั้งใจจะปั่นแค่แม่สาย พอไปถึงกรุงเทพฯ ก็แอบไปทำพาสปอตและคุยกับเพื่อน เพื่อนบอกให้ลองแลกกับครั้งหนึ่งในชีวิตของตัวเอง ในเมื่อมันมีปัญหาอยู่แล้ว ควรเลือกทางที่รู้เรื่องก่อน เลยคิดและถามตัวเอง ซึ่งเราก็รอคอยสิ่งนี้มานานมาก เลยเลือกตัดสินใจออกเดินทางต่อจากแพลนที่วางไว้ โดยเดินทางต่อจากเชียงรายทันที ซึ่งประเทศที่เราจะไป เป็นประเทศที่เราศึกษามาพอสมควร สิ่งที่จะด้นสดคือที่พัก ซึ่งในแต่ละเมืองเราไม่สามารถกำหนดได้เลยว่านอนตรงไหน ส่วนแลนด์มาร์ค สถานที่ท่องเที่ยว มันมีอยู่ในความทรงจำของเราหมดแล้ว"
การปั่นไปแต่ละประเทศ อย่างน้อยจะมีเพื่อน 1 คนที่เราสนิท
โมเมนท์สุดประทับใจตอนทำภารกิจปั่นจักรยาน
ตอนที่ 1 ประเทศเพื่อนบ้านไม่น่ากลัวอย่างที่คิด
"บนถนนมีเรื่องสวยงามทุกวัน และบางวันก็ไม่สวยบ้าง แต่พอจบวันก็มีแต่เรื่องดี ๆ เข้ามาตลอด อย่าง 3 ประเทศ ลาว เวียดนาม กัมพูชา ซึ่งหลายคนห้าม เพราะกลัวเรื่องความปลอดภัย พอไปจริงกลับได้เห็นความเรียบง่าย ความธรรมดาของชีวิตคนในพื้นที่ ที่เขาเล่าว่า เขมรขี้โกง เวียดนามชอบหลอกคน คนลาวขี้เกียจ มันคนละเรื่องกับที่เขาเล่าเลย ไปพม่าเขาบอกว่าพม่าไม่เป็นมิตรกับมุสลิม แต่วันแรกผมเข้าไปนอนวัดเลย ผมก็งงว่าเขาไม่เป็นมิตรยังไง ไปอินโดจากที่มีเพื่อนน้อย ๆ เพื่อนก็เพิ่มขึ้นเรื่อย ๆ มีคนให้เงิน ให้สิ่งของ ให้ยางจักรยาน เพราะเขาอยากจะเป็นส่วนหนึ่งในการเดินทางของเรา ไปบรูไนก็ได้เงินที่เขาบริจาคให้ประมาณสี่หมื่นบาท ไม่มีวันไหนไม่สำคัญในโมเมนท์นั้นเลย"
ตอนที่ 2 โซ่ขาด..แต่น้ำใจไม่เหือดหาย
"เราไม่รู้ว่าเราอยู่ตรงไหน รู้แต่ว่าเราอยู่อินโดนีเซีย เรากำลังปั่นหนีกลุ่มเพื่อน เลยไปคนละทาง และไปเส้นทางที่เราไม่รู้จัก ปั่น ๆ ไปโซ่ขาด และตอนนั้นไม่มีอุปกรณ์ในการซ่อม ไม่รู้จะทำยังไง เลยเข็นและโบกรถตามทางไปเรื่อย ๆ เราขำกับสิ่งที่เกิดขึ้นและคิดว่า ถ้าไปตามทางที่เพื่อนรออยู่เราก็จะไม่ลำบากขนาดนี้ แต่วันนั้นก็เจอแต่คนมีน้ำใจ เอาอาหารมาให้ ให้ที่นอน มีขอดูพาสปอตว่าเรามาจากไหน พอเขาไว้วางใจเราเขาก็ช่วยเหลือเรา มานั่งคุยกับเรา กลายเป็นมิตรภาพบนความสงสัยแรกที่เกิดขึ้นกับเขา ที่อินโดนีเซียจะมีวัฒนธรรม การส่งต่อเพื่อนซึ่งเขาจะต้อนรับเราเป็นอย่างดี และกลุ่มปั่นจักรยานของเขาค่อนข้างเข้มแข็งมาก"
ตอนที่ 3 เพราะสติ..เลยไม่ถูกปล้น
"เกือบจะถูกปล้นที่เวียดนาม เพราะไปแอบนอนริมแม่น้ำกลางเมืองไซ่ง่อน เวลาประมาณตีสอง มีผู้ชายคนหนึ่งขี่มอเตอร์ไซค์เข้ามาจอด แล้วเดินเข้ามาหาเรา ตอนนั้นยังไม่หลับสนิท พอได้ยินเสียงก็ลุกขึ้นมาแล้วหันไปมองเขา ผมไม่แน่ใจว่าเขาจะทำอะไร แต่ด้วยสัญชาตญาณมีคนแปลกหน้าเดินเข้ามาโดยไม่คุยกับเรา คิดว่าไม่น่าใช่เวลาที่เขาอยากจะผูกมิตร จากนั้นก็รีบเก็บกระเป๋าทันทีแล้วเดินทางต่อ แล้วก็ไม่ได้เจออะไรแบบนี้อีก สรุปไม่โดนปล้น ไม่โดนทำร้าย ตอนนั้นคิดว่า เราควรจะโดนแบบนี้สักครั้ง เพราะเรานอนในที่ ๆ ไม่ควรนอน ถ้าเกิดเรื่องแบบนี้เราต้องรับให้ได้ ซึ่งมันก็เป็นเรื่องของทัศนคติเหมือนกัน"
ขอลายแทงเส้นทางฉบับย่อให้ผู้อ่านหน่อย
"ภารกิจนี้เกิดขึ้นปี 2016 - 2017 ใช้เวลา 1 ปี 2 เดือนเศษ ๆ หรือ 408 วัน โดยที่ไม่กลับบ้านเลย เริ่มเส้นทางจากสุไหงโกลกไปแม่สาย ลงมาเชียงของ นั่งเรือไปหลวงพระบาง ปั่นจากหลวงพระบางไปวังเวียง เวียงจันทน์ ไปปากกระดิ่ง ปากซัน ปากเซ ลงไปชายแดนกัมพูชา แล้วข้ามไปโฮจิมินห์ กลับจากโฮจิมินห์ลงใต้ กลับเข้าพนมเปญ เสียมเรียบ และเข้าประเทศไทยทางปอยเปต มากรุงเทพฯ ทำวีซ่าพม่า แล้วปั่นไปตาก ไปย่างกุ้ง ทวาย นั่งรถไปเกาะสอง ปั่นจากเกาะสองไปมาเลเซีย ไปชายแดนสิงค์โปร์ (แต่มันจบง่ายไป) เลยย้อนกลับไปที่มาเลเซียอีกครั้ง เพื่อจะบินไปมะลิลา (แต่ตกเครื่อง) เลยกลับมาตั้งหลักที่หาดใหญ่ แต่การตกเครื่องครั้งนั้นทำให้ได้ไปในที่ ๆ อยากจะไปจริง ๆ ไปถึงมินดาเนา ก็ปั่นขึ้นไปมะนิลา แล้วบินกลับมาที่โกตาฮินาบารู แล้วปั่นจากฮินาบารูเข้าบรูไน ทะลุมาซาลาวัก ปั่นเขาอินโดนีเซีย นั่งเรือจากอินโด ข้ามมาเกาะใหญ่สุราบาย่า แล้วไปสิงคโปร์ (คนที่นั่นถามจะไปไหนต่อ ก็บอกเขาว่าถ้ามีตังค์จะไปติมอเลซเต้ ทุกคนที่รู้ก็ให้เงินสนับสนุน ไปนั่งขายโปสการ์ดที่มาเลเพิ่มก็ได้ตังค์มาอีกห้าพัน) เลยบินจากมาเลฯไปบาหลี และติมอร์ จากนั้นก็ข้ามมาฝั่งอินโดนีเซียและบินกลับมาเลเซีย และปั่นจักรยานกลับบ้านโดยสวัสดิภาพ"
ทริปปั่นจักรยานเปลี่ยนชีวิต
"ผมได้รู้ศักยภาพตัวเองมากมายมหาศาลเลยว่า ผมเป็นคนกล้า ชอบเสี่ยง ซึ่งมันเปลี่ยนชีวิตผม จากเด็กที่พูดมากและหมดความมั่นใจในตัวเอง กลายเป็นคนที่มีสาระ มั่นใจมากขึ้น สิ่งที่เคยคิดว่าบ้าบอไม่ควรจะทำ ก็เปลี่ยนมุมมองใหม่ว่ามันเจ๋ง แตกต่าง สามารถเปลี่ยนโลกได้ กลับจากทริปนี้ เราเห็นศักยภาพของพื้นที่ เห็นศักยภาพของตัวเอง เราสามารถทำธุรกิจกับคนต่างชาติได้ จากรายได้หลักแสน หลังจากทริปนั้นเราทำรายได้ตกปีหนึ่งเป็นล้าน การปั่นจักรยานครั้งนั้นเหมือนเปลี่ยนชีวิตผมไปตลอดกาล ถ้าผมไม่ออกปั่นครั้งนั้น ผมอาจจะกลายเป็นคนขี้แพ้เหมือนเดิม"
สำหรับคนที่ชื่อชอบเรื่องปรัชญาชีวิต และมายเซ็ทที่ดี กับตัวเอง ผมอยากจะชวนเข้ามาพูดคุย ในเพจ Bibbike เข้ามาแลกเปลี่ยนประสบการณ์ หรือ ปรึกษาเรื่องชีวิตของการเดินทาง อยากจะได้ข้อมูล 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ผมยินดีครับ
ฮาบิ๊บออกปากชวนขนาดนี้ รอโควิดซาแล้วหาทริปไปท่องเที่ยว 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้กันครับ
#peoplepersona
#เขย่งก้าวกระโดด
Search