ระหว่างประเทศไทย มีประชาธิปไตย กับคนไทยเลิกกินน้ำศักดิ์สิทธิ์ อะไรจะเกิดก่อนกันนะ 😀
-------
(รายงานข่าว) (28 ก.ย. 64) ผู้ใช้เฟซบุ๊กรายหนึ่ง โพสต์ข้อความระบุว่า “ขอแจ้งผู้ที่สัญจรไปมา ถนนบริเวณหน้าศาลเจ้าพ่อขุนด่านธงชัย (หน้า อบต.ซับไม้แดง) มีน้ำผุดอยู่กลางถนน ไม่ใช่ท่อประปาแตกนะคะ ขอให้ลดความเร็วและขับขี่ด้วยความระมัดระวังด้วยค่ะ ขอบคุณค่ะ” พร้อมทั้งนำคลิปวิดีโอที่ปรากฏน้ำผุดขึ้นอยู่กลางถนน จากนั้นได้มีคนเข้ามาแสดงความคิดเห็นจำนวนมาก อาทิ ไม่ได้เห็นนานแล้วตั้งแต่ทำถนนลาดยาง , มันเคยเกิดขึ้นมาก่อนหรือคะ มาอยู่ 17 ปีไม่เคยเห็นคะ , ถ้าไม่ใช่ท่อประปาใต้พื้นแตก แสดงว่าใต้พื้นเป็นโพรง ยังไงระวังถนนยุบตัวถล่มกันด้วยเด้อ , เห็นมาตั้งแต่จำความได้ค่ะ แต่ตอนนั้นยังเป็นถนนลูกรัง 40 กว่าปีเเล้ว , เป็นน้ำซับเกิดขึ้นมาแบบธรรมชาตินานแล้วตรงนี้แต่หายไปนานเพิ่งเห็นอีกนี้แหละ , สิมีพญานาคขึ้นมาบ่ เป็นต้น
ต่อมาผู้สื่อข่าวได้เดินทางไปตรวจสอบ พบว่าจุดที่มีน้ำผุดขึ้นอยู่บนถนนทางหลวง 3004 สายซับสมอทอด – ไพศาลี หน้าศาลเจ้าพ่อขุนด่านธงชัย ซึ่งตั้งอยู่ริมถนนหมู่ ที่ 2 ต.ซับไม้แดง อ.บึงสาพพัน จ.เพชรบูรณ์ โดยพบว่าน้ำดังกล่าวได้ผุดขึ้นมาจากกลางถนนจริง ซึ่งน้ำมีความใสสะอาด ชาวบ้านหลายคนได้นำภาชนะมาตักน้ำดังกล่าวไปใช้ดื่มและอาบ เพราะมีความเชื่อว่าน้ำที่ผุดขึ้นมาเป็นน้ำทิพย์ศักดิ์สิทธิ์ของศาลเจ้าพ่อขุนด่านธงชัย ซึ่งชาวบ้านเชื่อว่าใช้รักษาโรคและปัดเป่าสิ่งชั่วร้ายได้ ซึ่งจากประวัติของเจ้าพ่อขุนด่านธงชัยเคยเป็นอดีตทหารเก่า ขององค์สมเด็จพระนเรศวรมหาราช โดยเป็นศาลเก่าแก่คู่บ้านที่ชาวบ้านและผู้ที่สัญจรไปมานับถือ
จากการสอบถามชาวบ้านหมู่ 6 ต.ซับไม้แดง เล่าว่า นำน้ำไปใส่โอ่ง ซึ่งมีความเชื่อว่าเป็นน้ำศักดิ์สิทธิ์ ก่อนหน้านี้น้ำนี้เคยผุดมาแล้วหลาย 10 ปี แล้ว ซึ่งชาวบ้านเรียกน้ำผุดตรงนี้ว่าเป็นน้ำเจ้าพ่อขุนด่าน เมื่อมีชาวบ้านทราบข่าวก็ได้นำขวดมากรอกน้ำที่ผุดขึ้นมานี้ไปไว้ใส่โอ่งไว้สำหรับดื่มกิน
ด้าน นาย สมชาย พุ่มมาลา อายุ 57 ปี อดีตนายก อบต.ซับไม้แดง กล่าวว่า ประวัติความเป็นมาของน้ำผุดตรงนี้ ตั้งแต่ พ.ศ.2500 ต้นๆ ที่ตนเองมาอยู่ตรงนี้ ซึ่งมีมานานแล้ว เมื่อก่อนนี้การสัญจรไปมา 40 – 50 ปี น้ำตรงนี้จะผุดเกือบทุกปีเมื่อในสมัยนั้น แต่พอมาปัจจุบันบ้านเมื่อมีความเจริญจึงได้ทำถนนปิดน้ำไว้เพื่อที่จะไม่ให้น้ำไหลเหมือนในสมัยก่อน ตอนนี้ ณ ปัจจุบัน เชื่อว่าน้ำที่สะสมในส่วนของที่บนเขาหลังเจ้าพ่อขุนด่าน มีความเชื่อกันมาว่ามีน้ำศักดิ์สิทธิ์ ณ บริเวณนี้ แล้วถูกกักเก็บไว้พอน้ำเต็มจึงไหลผุดขึ้นมา สมัยตนเป็นเด็กเมื่อ 50 ปี ที่แล้ว เป็นน้ำพุของเจ้าพ่อขุนด่านแล้วชาวบ้านเอาไปดื่มกินตามความเชื่อ เพราะอยู่หน้าศาลเจ้าพ่อขุนด่าน ทำให้ทุกคนเชื่อมั่นความศักดิ์สิทธิ์ โดยศาลเจ้าพ่อขุนด่านประชาชนแถวนี้และผู้สัญจรไปมานั้นมีความเชื่อและให้ความเคารพนับถือตลอดมา
同時也有1部Youtube影片,追蹤數超過59萬的網紅Healthy Natural นานา สมุนไพร,也在其Youtube影片中提到,แชร์เก็บไว้เลย! แค่ทำตามนี้ ก็มีเห็ดเผาะกินได้ทุกปี ไม่ต้องไปเผาป่า ไม่ต้องไปซื้อแพงๆ ทำง่ายๆบนพื้นที่เราเอง... อยากกิน เห็ดเผาะ ไม่ต้องรอหน้าฝนอีก 1...
ปี พ ศ ปัจจุบัน 在 Danai Chanchaochai Facebook 的最佳解答
“…อาหารนี้เราฉันเพียงเพื่อประทังชีวิต พอได้มีกำลังวังชาทำความพากความเพียร ไม่ได้ฉันเพื่อความเอร็ดอร่อย
เพื่อบำรุงบำเรอกามราคะให้เพิ่มพูน…”
พระอาจารย์อังคาร อัคคธัมโม ท่านเป็นชาวสกลนครโดยกำเนิด ท่านเป็นลูกศิษย์ของ หลวงปู่อ่อนสา สุขกาโร แห่งวัดประชาชุมพลพัฒนาราม (วัดป่าบ้านหนองใหญ่) บ้านหนองใหญ่ ต.บ้านจั่น อ.เมือง จ.อุดรธานี ซึ่งเป็นพระกรรมฐานสายหลวงปู่มั่น ภูริทัตโต
ท่านพระอาจารย์อังคาร เป็นผู้มีอุปนิสัยพูดตรงโผงผางแต่อ่อนถ่อมตน จริงใจและมีเมตตาธรรม ชอบเอื้อเฟื้อเกื้อกูลผู้อื่นอยู่เป็นนิจ เป็นผู้มีปฏิปทามักน้อยสันโดษ ธรรมะที่ท่านพระอาจารย์สอนเป็นธรรมะที่ค่อนข้างทันสมัย สำหรับคนรุ่นใหม่ ที่มีเหตุมีผลฟังง่ายและเข้าใจง่าย ไม่มีเวทมนต์กลคาถาสะเดาะเคราะห์ ต่ออายุ เครื่องรางของขลัง มีแต่เรื่องของเหตุและผล เรื่องของปัญญาล้วนๆ เมื่อฟังแล้วต้องพิจารณาและทดลองปฏิบัติดูก่อน แล้วค่อยว่ากัน จะเชื่อ หรือ ไม่เชื่อ ซึ่งตรงตามหลักคำสอนขององค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า
ปัจจุบัน พระอาจารย์อังคาร อัคคธัมโม เจ้าอาวาสวัดป่าน้ำโจน จ.พิษณุโลก อายุ ๖๓ ปี พรรษา ๓๓
วัดป่าน้ำโจน ก่อตั้งขึ้นเมื่อปี พ.ศ.๒๕๓๖ เป็นสถานที่สัปปายะเหมาะกับนักปฏิบัติ บริเวณวัดเป็นป่าร่มรื่นและสงบเย็น มีคนเข้า-ออกน้อยมาก ไม่มีไฟฟ้า ใช้การจุดเทียนเพื่อให้แสงสว่าง กุฏิหลังคามุงแฝก กว้างประมาณ ๒ x ๓ เมตร ผนังทั้ง ๔ ด้านใช้ผ้าจีวรเก่าเป็นม่านรูดเปิด-ปิด มีทางจงกรมที่เป็นส่วนตัวทุกกุฏิ เป็นวัดที่เน้นให้ผู้ไปปฏิบัติมีความมักน้อยสันโดด มีความกล้าหาญเด็ดเดี่ยวในการสู้รบกับกิเลส-ตัญหาของตนเอง และเน้นให้มีความอ่อนน้อมถ่อมตน มีสัมมาคารวะรู้จักเอื้อเฟื้อเกื้อกูลกัน ทางไปวัดค่อนข้างซับซ้อน
***********
ครั้งแรก! ร่วมเดินทางถวายเทียนพรรษาสวนจิตรลดา
ถวายพระพุทธรูปธรรมดี ศิลปะสุโขทัย
เพชรบูรณ์ พิษณุโลก
** เข้ากราบนมัสการพระบรมสารีริกธาตุ
ที่วัดพระธาตุผาซ่อนแก้ว เป็นกรณีพิเศษ
วัดป่าไชยชุมพล
วัดป่าน้ำโจน
รับพลังบวก สวิสเซอร์แลนด์เมืองไทย @บลูสกาย รีสอร์ท
ปลายฝนต้นหนาว อากาศเย็นสบาย
ศุกร์ที่ 1 - อาทิตย์ที่ 3 ตุลาคม
นำคณะโดย ดร.ดนัย จันทร์เจ้าฉาย
โปรแกรม
https://bit.ly/3k56AFP
จองด่วน!
ที่ LINE https://lin.ee/23srGai
☎️ 092-956-1145
086-884-2449
สาธุ 🙏
ปี พ ศ ปัจจุบัน 在 ลงทุนแมน Facebook 的精選貼文
กรณีศึกษา Nestlé บริษัทอาหารและเครื่องดื่ม ใหญ่สุดในโลก /โดย ลงทุนแมน
Nestlé นับเป็นหนึ่งในเครือธุรกิจ ที่เป็นเจ้าของแบรนด์ผลิตภัณฑ์ที่เรารู้จักมากมาย
ไม่ว่าจะเป็นเนสกาแฟ คอฟฟีเมต ไมโล ไปจนถึงซอสปรุงรสแม็กกี้
แต่หลายคนอาจจะยังไม่รู้ว่า Nestlé เติบโตมาจากการรวมตัวกันของ 2 บริษัท
ที่มีจุดเริ่มต้นเหมือนกัน นั่นก็คือ “นมวัว” และ “ประเทศสวิตเซอร์แลนด์”
ปัจจุบัน Nestlé ดำเนินธุรกิจมากว่า 150 ปี มีมูลค่า 11 ล้านล้านบาท
ซึ่งนับเป็นบริษัทใหญ่สุดในสวิตเซอร์แลนด์และใหญ่เป็นอันดับที่ 24 ของโลก
แล้วจุดเริ่มต้นของ Nestlé เป็นอย่างไร ?
ลงทุนแมนจะเล่าให้ฟัง
╔═══════════╗
Blockdit เป็นแพลตฟอร์ม สำหรับนักอ่าน และนักเขียน
ที่มีผู้ใช้งาน 1 ล้านคน ลองใช้แพลตฟอร์มนี้เพื่อได้ไอเดียใหม่ๆ
แล้วอาจพบว่าสังคมนี้เหมาะกับคนเช่นคุณ
Blockdit. Ideas Happen. Blockdit.com/download
╚═══════════╝
บริษัทแรกที่เป็นจุดเริ่มต้นนั้น เกิดจาก Charles และ George Page สองพี่น้องชาวอเมริกัน
พวกเขาต้องการสร้างโรงงานผลิตนมข้นหวานซึ่งเป็นสินค้าขายดีในประเทศสหรัฐอเมริกาและวางแผนที่จะส่งไปวางจำหน่ายยังประเทศอังกฤษเพราะเป็นตลาดใหม่สำหรับนมข้นหวาน
ทั้งสองจึงเลือกตั้งโรงงานที่ประเทศสวิตเซอร์แลนด์เพราะเป็นแหล่งผลิตนมวัวคุณภาพสูง และให้ผลผลิตปริมาณมาก
โดยทั้งคู่ก็ได้ก่อตั้งบริษัท Anglo-Swiss Condensed Milk ขึ้นในปี 1866 และได้วางจำหน่ายผลิตภัณฑ์นมข้นหวานไปทั่วยุโรปและสหรัฐอเมริกา
ในช่วงเวลาเดียวกันนั้นเอง Henri Nestlé ผู้อพยพชาวเยอรมันซึ่งมีอาชีพเป็นผู้ช่วยเภสัชกร มีความคิดที่จะแก้ไขปัญหาอัตราการเสียชีวิตของเด็กทารกในยุโรป ที่ไม่สามารถดื่มนมแม่ได้
เขาจึงผลิตอาหารสำหรับทารกที่มีคุณค่าทางโภชนาการด้วยการผสมนมและธัญพืช ภายใต้ชื่อ Farine Lactée
หลังจากวางจำหน่ายได้เพียง 8 ปี ผลิตภัณฑ์อาหารสำหรับเด็กของ Henri Nestlé ก็วางจำหน่ายไปทั่วยุโรปและสหรัฐอเมริกา
ต่อมาในปี 1877 Charles และ George Page ได้เห็นโอกาสในตลาดอาหารสำหรับเด็ก ทำให้ทั้งคู่ได้ผลิตอาหารสำหรับเด็ก ซึ่งสำหรับ Henri Nestlé แล้วเรื่องนี้ถือเป็นการประกาศสงครามทางการค้าระหว่างกัน
ทำให้หลังจากนั้นไม่นาน Henri Nestlé ได้ผลิตนมข้นหวานเป็นของตัวเองเช่นกันเพื่อโต้ตอบ Charles และ George Page ที่เข้ามาแย่งส่วนแบ่งตลาดอาหารเด็ก
ด้วยความที่ไม่มีใครยอมใคร ทำให้การแข่งขันดังกล่าวกินเวลายาวนานเกือบ 30 ปี
และถึงแม้ทั้ง 2 บริษัทจะสามารถเติบโตต่อไปได้ แต่จากการแข่งขันระหว่างกันก็ส่งผลกระทบต่อกำไรของทั้งคู่อย่างมาก เพราะต้องทำราคาและโปรโมชันแข่งกันอยู่ตลอดเวลา
จนกระทั่งในปี 1905 เมื่อผู้ก่อตั้งบริษัททั้ง 3 คนได้เสียชีวิตไปหมดแล้ว
กรรมการของทั้ง 2 บริษัทจึงตัดสินใจควบรวมกิจการกันเพื่อเสริมสร้างความแข็งแกร่งในการบุกตลาดโลกและไม่ต้องมาเสียเวลากับการแข่งขันกันเอง
หลังจากควบรวมกิจการกันได้ไม่นาน ภายใต้ชื่อ Nestlé and Anglo-Swiss Condensed Milk หรือ Nestlé
ก็สามารถวางจำหน่ายผลิตภัณฑ์ของตัวเองไปยังทุกทวีปทั่วโลก
เมื่อสงครามโลกครั้งที่ 1 เกิดขึ้นในปี 1914 ก็ทำให้ผลิตภัณฑ์อาหารจากนมของ Nestlé กลายเป็นที่ต้องการอย่างมากในช่วงสงคราม โดยเฉพาะนมข้นหวานเพราะสามารถเก็บไว้ได้นานและใช้บริโภคได้หลากหลายรูปแบบ
แต่ภาวะสงครามที่กินระยะเวลานานก็ทำให้เกิดปัญหาการขาดแคลนวัตถุดิบอย่างหนัก ส่งผลให้โรงงานของบริษัททั้ง 20 แห่งต้องหยุดการผลิตลง
เรื่องดังกล่าวทำให้ Nestlé ต้องปรับกลยุทธ์เพื่อให้กิจการยังดำเนินต่อไปได้แม้ในช่วงวิกฤติ
Nestlé จึงได้ขยายการผลิตด้วยการไปตั้งโรงงานที่สหรัฐอเมริกาซึ่งเป็นตลาดใหญ่ของ Nestlé
กำลังการผลิตของ Nestlé เพิ่มขึ้นอย่างมาก โดย Nestlé มีจำนวนโรงงานเพิ่มขึ้นจาก 20 โรงงานในปี 1914 เป็น 80 โรงงานในปี 1921 และในช่วงนี้เองที่ Nestlé ได้ขยายโรงงานไปยังเอเชียและลาตินอเมริกา
และด้วยการขยายฐานการผลิตจำนวนมาก ทำให้ Nestlé สามารถรอดพ้นจากภาวะเศรษฐกิจตกต่ำครั้งใหญ่ หรือ Great Depression ได้ในปี 1930 เพราะมีฐานลูกค้าและโรงงานกระจายอยู่ทั่วโลก
และจากการที่มีฐานการผลิตอยู่ในหลายประเทศ รวมถึงประเทศบราซิล
เป็นที่มา ที่ทำให้บริษัทได้พัฒนาผลิตภัณฑ์ที่เป็นความสำเร็จครั้งใหญ่ นั่นก็คือ “Nescafé”
จริง ๆ แล้ว Nescafé เกิดขึ้นจากการที่รัฐบาลบราซิล ได้ขอให้ Nestlé ช่วยแก้ปัญหาผลผลิตเมล็ดกาแฟล้นตลาด โดยในตอนแรกไอเดียของรัฐบาลคือการทำกาแฟอัดก้อน แล้วให้ Nestlé เป็นผู้ผลิตและจัดจำหน่าย
แต่ Nestlé เลือกที่จะผลิตเป็นผงกาแฟที่สามารถละลายน้ำได้ ซึ่งในอีกแง่หนึ่งก็ถือเป็นการทำในสิ่งที่เชี่ยวชาญ เพราะ Nestlé มีประสบการณ์จากการผลิตเครื่องดื่มชนิดผงอยู่ก่อนแล้ว อย่างเช่น นมผงสำหรับเด็ก หรือเครื่องดื่มไมโล
Nescafé ออกวางจำหน่ายไม่นานก็เป็นที่นิยมและขายดีอย่างมาก โดยเฉพาะประเทศสหรัฐอเมริกา ซึ่ง Nescafé ใช้เวลาเพียงปีเดียว ก็กลายเป็นผลิตภัณฑ์กาแฟที่ขายดีที่สุดในประเทศ
แต่ในเวลาต่อมา สงครามโลกครั้งที่ 2 ก็เกิดขึ้น
ซึ่งสำหรับบริษัท Nestlé ก็เรียกได้ว่าแทบจะเป็นการฉายหนังซ้ำ
โดยในช่วงเริ่มแรกของสงคราม สินค้าจาก Nestlé ได้กลายเป็นที่ต้องการอย่างมาก
แต่เนื่องจากผลกระทบของสงครามที่เกิดขึ้นไปทั่วโลกมีความรุนแรงและกินระยะเวลายาวนานกว่าที่คิด
ทำให้ถึงแม้จะมีการขยายโรงงานผลิตไปยังประเทศต่าง ๆ โรงงานหลายแห่งของ Nestlé ก็ยังคงประสบปัญหาในการผลิต ทั้งการขาดแคลนวัตถุดิบ การขาดแคลนแรงงาน จนสุดท้ายโรงงานจำนวนมากต้องปิดตัวลง
แต่ด้วยฐานการผลิตที่สหรัฐอเมริกา ไม่ได้รับผลกระทบจากสงคราม และเนื่องจากสินค้ายอดนิยมอย่าง Nescafé กลายเป็นสิ่งจำเป็นสำหรับกองทัพ ทำให้ Nestlé ได้รับสัญญามูลค่ามหาศาลจากรัฐบาลสหรัฐอเมริกา
ทำให้ผลประกอบการของ Nestlé ในช่วงนั้นกลับกลายเป็นได้กำไรจำนวนมาก ในขณะที่บริษัทอื่น ๆ ได้รับผลกระทบ
จุดนี้เองที่ทำให้ Nestlé ตัดสินใจปรับกลยุทธ์การขยายกิจการจากเดิมที่มุ่งเน้นการตั้งโรงงานใหม่และเพิ่มกำลังการผลิต เป็นการไล่ซื้อกิจการอื่น ๆ แทน
โดยเมื่อสงครามสิ้นสุดลง Nestlé ได้เริ่มการไล่ซื้อบริษัทเล็ก ๆ ในยุโรปที่ได้รับผลกระทบจากช่วงสงคราม และการไล่ซื้อกิจการตั้งแต่จบสงครามโลกครั้งที่ 2 ก็ทำให้ Nestlé ได้แบรนด์สินค้าชื่อดังรวมถึงองค์ความรู้และเทคโนโลยีจากหลากหลายแบรนด์เข้ามาเป็นของบริษัท
อย่างเช่น
- Maggi ผู้ผลิตเครื่องปรุงรสอาหาร
- Friskies อาหารสำหรับสัตว์เลี้ยง
- KitKat ช็อกโกแลตแบบแท่งที่ได้รับความนิยมไปทั่วโลก
นอกจากการซื้อกิจการแล้ว Nestlé ก็ยังออกผลิตภัณฑ์ใหม่ ๆ มาสู่ท้องตลาดอยู่เสมอ
อย่างเช่น ชาผงพร้อมดื่ม Nestea และช็อกโกแลตชนิดผงพร้อมดื่ม Nesquik
ซึ่งต่างก็ได้รับความนิยมอย่างรวดเร็วไม่ต่างจาก Nescafé
สำหรับในประเทศไทยเอง Nestlé ก็ได้เข้ามาดำเนินธุรกิจ ตั้งแต่ปี 1893 หรือในปี พ.ศ. 2436 โดยเริ่มต้นจากผลิตภัณฑ์นมข้นหวานบรรจุกระป๋องที่มาจากฝั่งของสองพี่น้อง Charles และ George Page โดยใช้ชื่อไทยว่านมข้นหวานตรา “แหม่มทูนหัว” และตั้งโรงงานผลิตในไทยแห่งแรกในปี 1967 หรือในปี พ.ศ. 2510
ปัจจุบัน Nestlé ก็ขยายกิจการจนมีแบรนด์สินค้า กว่า 2,000 แบรนด์
วางจำหน่ายใน 190 ประเทศทั่วโลก และมีมูลค่าบริษัทกว่า 11 ล้านล้านบาท
ซึ่งก็ไม่น่าเชื่อเหมือนกันว่าจากวันแรก ที่บริษัทของ Charles และ George Page กับ Henri Nestlé เป็นคู่แข่งขัน จะถูกควบรวมกันจนกลายมาเป็นบริษัทยักษ์ใหญ่ ที่ดำเนินธุรกิจมายาวนานเป็นร้อยปี
จนปัจจุบัน Nestlé ได้กลายมาเป็นบริษัทที่ใหญ่สุดในสวิตเซอร์แลนด์ และใหญ่สุดในบริษัทอาหารและเครื่องดื่มของโลกเลยทีเดียว..
╔═══════════╗
Blockdit เป็นแพลตฟอร์ม สำหรับนักอ่าน และนักเขียน
ที่มีผู้ใช้งาน 1 ล้านคน ลองใช้แพลตฟอร์มนี้เพื่อได้ไอเดียใหม่ๆ
แล้วอาจพบว่าสังคมนี้เหมาะกับคนเช่นคุณ
Blockdit. Ideas Happen. Blockdit.com/download
╚═══════════╝
ติดตามลงทุนแมนได้ที่
Website - longtunman.com
Blockdit - blockdit.com/longtunman
Facebook - facebook.com/longtunman
Twitter - twitter.com/longtunman
Instagram - instagram.com/longtunman
Line - page.line.me/longtunman
YouTube - youtube.com/longtunman
Spotify - open.spotify.com/show/4jz0qVn1AL7tRMHiTvMbZH
Apple Podcasts - podcasts.apple.com/th/podcast/ลงท-นแมน/id1543162829
Soundcloud - soundcloud.com/longtunman
References:
-https://www.Nestle.co.th/th/aboutus/history
-https://www.youtube.com/watch?v=MYGZZKTA2qI&t=14s
-https://www.companieshistory.com/Nestle/
-https://www.cleverism.com/the-history-of-Nestle/
-https://www.Nestle.com/sites/default/files/2021-03/2020-annual-review-en.pdf
ปี พ ศ ปัจจุบัน 在 Healthy Natural นานา สมุนไพร Youtube 的最讚貼文
แชร์เก็บไว้เลย! แค่ทำตามนี้ ก็มีเห็ดเผาะกินได้ทุกปี ไม่ต้องไปเผาป่า ไม่ต้องไปซื้อแพงๆ ทำง่ายๆบนพื้นที่เราเอง...
อยากกิน เห็ดเผาะ ไม่ต้องรอหน้าฝนอีก 1 ปี วนมาอีกรอบ อีกต่อไป
เรียกว่าขายได้กำไรเป็นกอบเป็นกำเลยทีเดียว เพราะก่อนหน้านี้มีอยู่ช่วงหนึ่งหากใครจำได้ “เห็ดเผาะ” กิโลกรัมละเกือบพันบาท แต่ก็ไม่ได้ลดความยากของคนที่ชอบกินแม้แต่น้อย อาจจะมีลังเลต่อรองราคาขณะซื้อนิดๆ หน่อยๆ สุดท้ายแล้ว ก็ซื้อหลายกิโลฯ อยู่ดี เพราะกว่าจะได้กินอีกที ต้องรอหน้าฝนอีก 1 ปี วนมาอีกรอบ
ใครชอบเมนูที่ทำจาก “ เห็ดเผาะ ” ต้องดูคลิปนี้ จะได้ไม่ต้องไปหาซื้อกิโลกรัมละแพงๆ อีกต่อไป เพราะว่า “เห็ดเผาะ” ปลูกเองได้ เห็ดธรรมชาติ ที่คนไทยนิยมทานกันมากนี่แหละ และคนส่วนใหญ่ยังเข้าใจผิดคิดว่า ต้องเผาป่าแล้วจึงจะมีเห็ดเผาะเกิดขึ้น เลิกความคิดนั้นแล้วค่ะเข้าใจเสียใหม่
ดร.อานนท์ เอื้อตระกลู ผู้เชี่ยวชาญอาวุโส ด้านการเพาะเห็ด องค์การสหประชาชาติ ประจำปี พ.ศ.2524-2548 เล่าให้ฟังว่า “ เห็ดเผาะ ” หรือ “ เห็ดถอบ ” มี 2 สายพันธุ์ ได้แก่ “ เห็ดเผาะหนัง ” สีดำเนื้อกรอบๆ และ “เห็ดเผาะฝ้าย” เนื้ออ่อนนิ่ม เกิดในต้นฤดูฝน ไม่มีราก เป็นก้อนกลมๆ มีเปลือกแข็ง สปอร์อยู่ข้างใน ซึ่งจะนิยมนำมาทำอาหารในช่วงที่อ่อนๆ
แน่นอนว่า เห็ดนอกจากจะรสชาติดี และมีคุณค่าทางโภชนาสูงแล้ว ยังมีคุณสมบัติทางยาอีกด้วย ทำให้ทั้งความสนใจ และความต้องการของเห็ดเพิ่มขึ้น ขณะนี้คนไทยกินเห็ดเกิน 10,000 กรัม/คน/ปี
“ผมว่าตอนนี้เรื่องเห็ดคนสนใจกันมาก ตอนที่ผมสอนใหม่ๆ เมื่อปี 2516 ไทยยังสั่งเห็ดนำเข้า ยังไม่มีการเพาะเห็ดมาก คนไทยสมัยนั้น กินเห็ดแค่ 235 กรัม/คน/ปี แต่หลังจากที่รณรงค์และเผยแพร่เรื่องเห็ด จากนั้นมาเพียงแค่ 5 ปีให้หลัง ไทยสามารถ เพาะเห็ดฟางได้มากถึง 60,000 ตันมากที่สุด”
ปัจจุบัน ประเทศไทย สามารถเพาะ “เห็ดเผาะ” แบบยั่งยืนได้แล้ว โดยนำ “เชื้อเห็ดเผาะ” ใส่เข้าไปในรากของต้นตระกูล ต้นยางนา เช่น ต้นเหียง ต้นพลวง มะค่า เต็งรัง ต้นไม้พวกนี้ หากมีเชื้อเห็ดเผาะเข้าไปอาศัยจะโตไวมาก เพราะเส้นใย “เห็ดเผาะ” จะเกาะอยู่ที่ปลายราก ย่อยอาหารจำพวกฟอสฟอรัสให้รากพืชแข็งแรง และป้องกันโรคอย่างอื่นมาทำลายรากของต้นไม้นั้น
ต้นไม้ที่เราเห็นกันอยู่ทุกวันนี้ นอกเหนือจากจะเจริญเติบโตด้วยการสังเคราะห์แสงแล้ว มีมากถึง 95% ที่ไม่สามารถ ย่อยสารอาหารที่อยู่ปลายรากได้เอง จำต้องพึ่งเชื้อรา หนึ่งชนิดที่กำลังจะพูดถึง คือ “ไมคอร์ไรซา” เป็นรากลุ่มหนึ่ง ซึ่งอยู่ใต้ดิน อาศัยอยู่ตามรากพืช ของต้นไม้ ซึ่งเป็นเชื้อของเห็ดเผาะ เห็ดตับเต่า เห็ดระโงก เป็นต้น
ขณะเดียวกันเห็ดก็อาศัยพลังงานและเอ็นไซม์ที่มีประโยชน์จากพืช ซึ่งจะอยู่ร่วมอาศัยซึ่งกันและกันเช่นนี้ ไปจนหมดอายุขัยของต้นไม้ เช่น ไม้ยางนาที่เป็นไม้เนื้อหอม สามารถมีอายุได้นานกว่า 700 ปี
ส่วนความเชื่อของชาวบ้านที่ว่า…ยิ่งเผาเคลียร์พื้นที่ยิ่งทำให้เก็บเห็ดง่าย ผลผลิตมาก…!! ความคิดนี้ผิด 100 % เพราะในปีต่อไปเห็ดจะลดลง ต้นไม้ได้รับบาดเจ็บ และหากต้นไม้ที่เป็นตัวสร้างอาหารให้เห็ดตายไป ก็จะไม่มี “เห็ดเผาะ” เกิดขึ้นอีกเลย
เรามาดู “ วิธีการปลูกเห็ดเผาะ ” กันดีกว่า…
.....................................
........................................
เคล็ดลับดีๆๆแบบนี้ ก็อย่าลืมส่งต่อให้เพื่อนๆ หรือคนที่เพื่อนๆรักและ ห่วงใยด้วยคะ..
เพราะความสุขที่ยิ่งใหญ่ คือการเป็นผู้ให้ ขอให้มีสุขภาพที่ดี แข็งแรง ร่ำรวยความสุข ถ้วนหน้ากันทุกท่าน ตลอดไปเลยนะคะ..
อย่าลืม! ถ้าคุณชอบโปรดกด like. ถ้าคุณถูกใจโปรด subscribe! เพื่อเป็นกำลังใจ ให้แก่พวกเราด้วยคะ..ขอบคุณค่า..
Subscribe to Healthy Natural นานา สมุนไพร
Youtube : https://goo.gl/urmvNp
Twitter : https://goo.gl/HKZaG4
Facebook : https://goo.gl/urmvNp
Google Plus : https://goo.gl/E1ku0J
pinterest : https://goo.gl/TB7RkC
PLEASE SHARE THIS VIDEO
Share
subscribe (สับตะไคร้) : https://goo.gl/hpKUtI
แชร์บน facebook คลิ๊กที่นี่ : https://goo.gl/7jW9fW
แชร์บน google + คลิ๊กที่นี่ : https://goo.gl/tli2fi
แชร์บน twitter คลิ๊กที่นี่ : https://goo.gl/T0oWDL
แชร์บน pinterest คลิ๊กที่นี่ : https://goo.gl/FfmgeQ
แชร์บน tumblr คลิ๊กที่นี่ : https://goo.gl/d2Dv7Y
แชร์บน reddit คลิ๊กที่นี่ : https://goo.gl/uejLQZ
![post-title](https://i.ytimg.com/vi/WIXpEtc17Yk/hqdefault.jpg)