"สูดดมควันบุหรี่มือสอง เข้าไปเยอะๆ ก็ติดโรคโควิดได้ครับ"
วันก่อน มีคนส่งเรื่องราวในโซเชียลมาถามว่า เป็นไปได้ไหมเกี่ยวกับการสูดดมควันบุหรี่เข้าไป จนติดโรค covid !?
คำตอบคือ ไม่รู้ว่าเรื่องที่เขาแชร์กันนั้น เป็นเรื่องจริงแค่ไหน ... แต่การสูดดมควันบุหรี่จากผู้ที่ติดโรคโควิด-19 แล้วนั้น ถ้าเราสูดเข้าไปเยอะๆ เราเองก็สามารถจะติดโควิดได้เช่นกัน เพราะมีเชื้อไวรัสปนอยู่ในควันบุหรี่ที่พ่นออกมาได้ครับ
เรื่องที่เขาแชร์กันนั้นบอกว่า มีน้าสะใภ้อายุ 87 ปี ซึ่งยังไม่ได้ฉีดวัคซีน เพิ่งเสียชีวิตไปจากโรคโควิด ทั้งที่ไม่ได้ออกไปนอกรั้วบ้านเลย จึงสงสัยว่าเพราะหายใจเอาควันบุหรี่ของคนอื่นที่มาสูบอยู่นอกบ้าน (ห่างประมาณ 5 เมตร) เข้าไปโดยน้าไม่ได้ใส่หน้ากากและไม่ลุกหนี ส่วนคนที่มายืนสูบบุหรี่นั้น ก็ได้รับการยืนยันว่าติดเชื้อโรค covid-19 !?
เรื่องนี้เป็นคำถาม มาตั้งแต่การระบาดของโรคโควิด เมื่อปีที่แล้ว แล้วว่า การที่เราสูดดมควันบุหรี่จากคนอื่นที่สูบบุหรี่ (หรือที่เรียกว่า secondhand smoke ควันบุหรี่มือสอง) นั้นทำให้เราติดโรคโควิดได้หรือเปล่า ?
เมื่อใบยาในบุหรี่ เกิดการเผาไหม้ขึ้นด้วยความร้อน ตัวเขม่าควันที่เกิดขึ้นนั้นก็ยังไม่มีเชื้อไวรัส แต่เมื่อสูดควันเข้าไปในปอด ก็ทำให้เชื้อไวรัสที่อยู่ในปอดและระบบทางเดินหายใจของผู้ที่ติดเชื้อนั้น ปะปนกับควันบุหรี่ และเมื่อพ่นควันออกมา ก็ทำให้มีเชื้อไวรัสปนออกไปด้วยได้
1. เป็นที่ทราบกันดีว่า ควันบุหรี่มือสองนั้นมีอันตรายไม่ใช่น้อยต่อสุขภาพ แล้วพอยิ่งมีโรค covid-19 เข้ามาผสมด้วย ยิ่งทำให้เป็นอันตรายขึ้นไปอีก เนื่องจากควันของบุหรี่ที่พ่นออกมานั้น สามารถนำพาเอาเชื้อโคโรน่าไวรัสที่ก่อโรค covid ให้แพร่ระบาดจากคนหนึ่งถึงอีกคนหนึ่งได้ โดยติดมากับละอองฝอยขนาดเล็กจิ๋ว ที่หายใจออกมาจากปอดของผู้ติดเชื้อ
2. ผู้เชี่ยวชาญระบุว่า ในควันบุหรี่ที่พ่นออกมานั้น มีอนุภาคขนาดเล็กอยู่เป็นจำนวนมหาศาล ไวรัสสามารถติดมากับอนุภาคเหล่านี้ และเคลื่อนที่ไปได้ไกลขึ้นกว่าเดิม 3-4 เท่า จากที่มันเคยแพร่กระจายได้ในอากาศทั่วไป
3. ปกติ ผู้ที่เป็นโรคโควิดนั้น ก็สามารถแพร่เชื้อโรคออกมาได้อยู่แล้ว เพียงแค่จากลมหายใจของตนเองที่ออกมา และนั่นคือทำไมเราจึงควรจะใส่หน้ากากอนามัย เพื่อไม่ให้อนุภาคเชื้อไวรัสแพร่กระจายออกไปได้อากาศ โดยอิสระจากตัวเรา
4. ทีนี้ เมื่อผู้ติดเชื้อมาสูบบุหรี่ ก็จะไม่ได้สวมหน้ากากเวลาสูบ และโดยมากผู้สูบบุหรี่ก็มักจะพ่นควันบุหรี่ออกมา แรงขึ้นกว่าการหายใจออกธรรมดา ทำให้อนุภาคของเชื้อที่ออกมาจากปอดนั้นไปได้ไกลขึ้นกว่าเดิมมาก
4. วิธีที่สังเกตได้ว่า ควันของบุหรี่ไปได้ไกลแค่ไหนนั้น ก็ใช้หลักการง่ายๆ ว่า ถ้าคุณยังได้กลิ่นควันบุหรี่อยู่ ก็แปลว่าคุณอยู่ใกล้เกินไปแล้ว
อ้างอิงจาก the National Institutes of Health สถาบันสุขภาพแห่งชาติ ประเทศสหรัฐอเมริกา (https://smokefree.gov/quit-smoking/why-you-should-quit/secondhand-smoke) ควันบุหรี่มือสองนั้นสามารถล่องลอยอยู่ในอากาศได้เป็นกว่า 2-3 ชั่วโมง และสามารถไปได้ไกลกว่า 20 ฟุต (หรือประมาณ 6 เมตร)
5. อาจจะมองว่า การพ่นควันบุหรี่ออกมานั้น ก็คล้ายๆ กับกรณีที่มีการตะโกน หรือการร้องเพลง แล้วทำให้แพร่เชื้อโคโรน่าไวรัสโรค covid ออกไปไกลๆ ได้
เหมือนอย่างเช่น กรณีที่นักร้องประสานเสียงในวอชิงตัน ติดโรคโควิด-19 หลังจากมีการร่วมฝึกร้องประสานเสียง ซึ่งเชื่อกันว่าการแพร่กระจายของ ละอองฝอย (aerosols) ได้รับอิทธิพลจากการแสดงร้องเสียงดัง
การเม้มริมฝีปากพ่นควันของผู้ที่สูบบุหรี่ ก็สามารถทำให้คนบุหรี่เดินทางไปได้ไกลกว่าการพูดคุยปกติ ถึงอย่างน้อย 2 เท่า
6. การจับกลุ่มสูบบุหรี่ ก็เป็นอีกปัจจัยหนึ่งที่ทำให้เกิดการแพร่ระบาดของโรคโควิด ให้กับคนอื่นๆ ที่อยู่ในกลุ่มได้ ยิ่งถ้าเป็นการสูบบุหรี่ภายในอาคาร (indoor) ยิ่งเพิ่มความเสี่ยงในการแพร่โรคให้สูงยิ่งขึ้นมาก
นอกจากจะเพิ่มความเสี่ยงของผู้ที่สูบบุหรี่ร่วมกันในห้องแล้ว ยังเพิ่มความเสี่ยงอันตรายให้กับผู้ที่เดินเข้ามา ในห้องที่มีควันของบุหรี่กระจายอยู่นั้นด้วย
7. มีงานวิจัยของมหาวิทยาลัยสแตนฟอร์ด (Stanford University) (https://www.jahonline.org/article/S1054-139X(20)30399-2/fulltext) พบว่าวัยรุ่นและผู้ใหญ่ยังอายุไม่มาก สูบบุหรี่ มีแนวโน้มที่จะตรวจพบว่าติดโรค covid-19 มากกว่าคนที่ไม่ได้สูบบุหรี่ถึง 7 เท่า
คนที่สูบบุหรี่ มีแนวโน้มที่จะติดโรคโควิดได้ง่ายขึ้น อาจเป็นเพราะว่าผลจากการสูบบุหรี่นั้นทำให้เซลล์เยื่อบุภายในปอดของเขามีสภาพไม่ค่อยดี เกิดความเสียหายขึ้นอยู่แล้ว จึงทำให้เชื้อไวรัสสามารถลุกลามเข้าไปในเซลล์ได้ง่ายขึ้น
#สรุปว่า ผู้เชี่ยวชาญเรื่องโรคทางเดินหายใจ ระบุว่า ละอองฝอยของสารคัดหลั่งในปอดที่มีเชื้อโคโรนาไวรัสซึ่งทำให้เกิดโรค covid-19 นั้น สามารถเดินทางไปกับครบุรีได้เป็นระยะทางไกลขึ้นกว่าเดิม ทำให้ผู้ที่สูดดมควันบุหรี่มือสองเข้าไปมากๆ ก็สามารถติดโรคโควิดได้ และพฤติกรรมของคนที่สูบบุหรี่เองนั้น ก็ทำให้มีความเสี่ยงสูงขึ้นที่จะติดโรคโควิด มากกว่าคนทั่วไปด้วยซ้ำ
ข้อมูลจาก https://www.healthline.com/health-news/can-secondhand-smoke-transmit-the-novel-coronavirus
-------
(เพิ่มเติม) ขอเอาคำเตือนจาก สมาคมโรคปอดสหรัฐอเมริกา American Lung Association เกี่ยวกับการสูบบุหรี่และโรค covid19 มาให้อ่านกันนะครับ
#ผู้ที่สูบบุหรี่อยู่หรือเคยสูบบุหรี่จะมีความเสี่ยงที่จะป่วยหนักจากโรคโควิดมากกว่าคนที่ไม่ได้สูบ
• การสูบบุหรี่จะส่งผลเสียต่อระบบภูมิคุ้มกันของร่างกาย ซึ่งเชื่อมโยงกับการเกิดภาวะอักเสบขึ้นของปอด แล้วทำให้คนคนนั้นมีความเสี่ยงสูงขึ้นมากกับการติดเชื้อในปอด
• สูบบุหรี่นั้นจะไปทำอันตรายกับเซลล์เยื่อบุในช่องทางเดินหายใจ ซึ่งมีขนซีเลีย (cilia) เล็กๆ อยู่และเป็นตัวป้องกันสำคัญสำหรับการรับมือกับเชื้อไวรัส อย่างเชื้อที่ก่อให้เกิดโรคโควิด
• คนที่สูบบุหรี่จะมีรีเซปเตอร์ตัวรับ ACE2 (ACE2 receptor) อยู่ในปอดมากกว่าคนทั่วไป ซึ่งไวรัสที่ก่อให้เกิดโรค covid นั้นจะใช้ตัวรับนี้ เป็นทางเข้าไปสู่เซลล์ปอด จึงทำให้ผู้สูบบุหรี่มีโอกาสที่จะป่วยหนักจากไวรัสมากขึ้น
- พบว่าผู้ใหญ่ "ไม่ว่าจะอยู่ในวัยไหนก็ตาม" ที่สูบบุหรี่นั้น จะมีความเสี่ยงที่จะป่วยหนักจากโรคโควิดได้มากกว่าผู้ที่ไม่สูบบุหรี่
#ควันบุหรี่มือสองก็เป็นปัจจัยเสี่ยงในการที่จะมีอาการป่วยของโรคโควิดที่รุนแรงขึ้น
• ควันบุหรี่มือสองถือว่าเป็นอันตรายร้ายแรงต่อสุขภาพเช่นกัน นำไปสู่การเสียชีวิตถึงกว่า 41,000 รายในประเทศสหรัฐอเมริกาแต่ละปี
• บรรดาป่วยอาการต่างๆ ที่เป็นผลมาจากควันบุหรี่มือสองนั้น ล้วนแล้วแต่เป็นปัจจัยเสี่ยงสำคัญต่อการที่ทำให้ผู้ติดเชื้อโรค covid 19 มีอาการป่วยรุนแรงขึ้น
• การสูบบุหรี่ภายในอาคารนั้น จะเพิ่มความเสี่ยงในการแพร่ระบาดของโรคโควิด 19 เนื่องจากผู้ที่สูบบุหรี่ก็จะไม่ใส่หน้ากากอนามัย แล้วทำให้ละอองฝอยจากลมหายใจแพร่กระจายออกไปเมื่อพ่นควันบุหรี่ออกมา
• เป็นแนวทางที่ดี ถ้าจะเลิกสูบบุหรี่ให้ได้ในช่วงที่มีการแพร่ระบาดของโรคโควิด 19 นี้ เพื่อลดความเสี่ยงในการเจ็บป่วยจากโรค และมีรายงานด้วยว่า เมื่อเลิกสูบบุหรี่ได้แล้วนั้น จะช่วยให้จำนวนของรีเซปเตอร์ ACE2 ในปอดของคนๆ นั้น มีจำนวนลดลงด้วย
(https://www.lung.org/getmedia/7b8b5308-0219-44f1-a2f6-f770e3adbc91/covid-tobacco.pdf)
Search