“ฟู้ดทรัคในไทย” มูลค่าตลาดเติบโตแตะ 3,000 ล้านบาท รายได้ต่อคันเฉลี่ยปีละ 1,056,000 บาท พาณิชย์ดัน SME ทำธุรกิจนี้แล้วรุ่ง! ช่วยเพิ่มโอกาสทางธุรกิจ และเข้าถึงแหล่งเงินทุนง่ายขึ้น!
.
กระทรวงพาณิชย์ เปิดเผยว่า ล่าสุดได้สั่งการให้กรมพัฒนาธุรกิจการค้า เร่งผลักดันผู้ประกอบการเอสเอ็มอี รวมถึงผู้ประกอบการแฟรนไชส์ประเภทอาหารและเครื่องดื่มที่ส่วนใหญ่จะประกอบธุรกิจแบบหน้าร้านพร้อมนั่งทานอาหารในร้านให้เข้าสู่ธุรกิจฟู้ดทรัคมากขึ้น เพื่อเพิ่มโอกาสทางธุรกิจและให้สามารถเข้าถึงแหล่งเงินทุนจากสถาบันการเงินได้สะดวกและง่ายขึ้น เนื่องจากธุรกิจฟู้ดทรัคสามารถนำมาใช้เป็นหลักประกันทางธุรกิจประเภทกิจการได้
.
โดยเฉพาะตั้งแต่เกิดการแพร่ระบาดของโควิด-19 ที่ทำให้ธุรกิจร้านอาหารได้รับผลกระทบทันที แม้จะเพิ่มช่องทางการให้บริการจัดส่งอาหารแบบเดลิเวอรี่เพิ่มขึ้น แต่ยอดขายก็ไม่ได้เติบโตเท่าที่ควร ขณะเดียวกันธุรกิจอาหารประเภทฟู้ดทรัค กลับได้รับการตอบรับที่ดีจากลูกค้ามากกว่าสถานการณ์ปกติ เพราะทุกพื้นที่ที่ขายอาหารไม่เปิดให้บริการ รถฟู้ดทรัคที่ปรับตัวได้ ขับรถไปจอดตามหน้าหมู่บ้านขายอาหารเคลื่อนที่จึงสามารถตอบโจทย์และเข้าถึงผู้บริโภคได้มากกว่าร้านอาหารทั่วไปที่รอให้ลูกค้าไปซื้อสินค้าที่ร้าน
.
แม้ช่วงต้นปี 2563 การออกรถฟู้ดทรัคคันใหม่จะหยุดชะงักไปบ้าง แต่เมื่อถึงช่วงปลายปี 2563 ที่ผ่านมา ผู้ประกอบการกลับมาสั่งซื้อและผลิตรถฟู้ดทรัคทั้งรูปแบบของรถกระบะและเทรลเลอร์กันมากขึ้น ทำให้รถฟู้ดทรัคทั่วประเทศเพิ่มจำนวนขึ้นเป็น 2,800 คัน จากเดิม 2,500 คัน เพิ่มขึ้นกว่า 12% สำหรับเงินทุนในการออกรถฟู้ดทรัคใหม่ จะเริ่มต้นที่ประมาณ 5 แสน – 1 ล้านบาท และมีรายได้เฉลี่ยอยู่ที่คันละ 1,056,000 บาทต่อปี คิดเป็นอัตราการเติบโตของธุรกิจเฉลี่ยอยู่ที่ 20% ต่อปี
.
อีกทั้งผู้ประกอบการฟู้ดทรัคยังเลิกประกอบกิจการน้อยมาก เนื่องจากต้นทุนในการดำเนินกิจการแปรผันตามยอดขายในแต่ละพื้นที่เป็นหลัก ขณะที่ต้นทุนคงที่ในการดำเนินกิจการค่อนข้างต่ำ ทำให้การทำธุรกิจฟู้ดทรัคมีความยืดหยุ่นและมีความเสี่ยงต่ำเมื่อเทียบกับร้านอาหารทั่วไป ซึ่งส่งผลให้มูลค่าตลาดของธุรกิจฟู้ดทรัคในปี 2563 อยู่ที่ 2,956 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 316 ล้านบาท เติบโตกว่า 11.97% เมื่อเทียบกับปี 2562 ที่มีมูลค่าตลาดอยู่ที่ 2,640 ล้านบาท
.
โดยปัจจุบัน ประเทศไทยมีผู้ประกอบการฟู้ดทรัครวมแล้วกว่า 2,800 คัน มีทั้งผู้ประกอบการรายย่อยและร้านอาหารรายใหญ่ระดับประเทศร่วมเข้ามาแชร์ส่วนแบ่งทางการตลาดด้วย แบ่งเป็น ภาคกลาง 60 %ภาคเหนือ 14% ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ 9% ภาคตะวันออก 6% ภาคใต้ 6% และภาคตะวันตก 5 % โดยสัดส่วนการจำหน่าย แบ่งเป็น ประเภทอาหารอินเตอร์ 27 % เครื่องดื่ม 26% อาหารไทย 22 % อาหารว่าง-หวาน 15 % และ อาหารว่าง-คาว 10%
.
ด้วยสถิติทั้งหมดข้างต้น จึงเป็นเหตุผลที่ผู้ประกอบการร้านอาหารต่างๆ ควรนำเอาโมเดลธุรกิจประเภทฟู้ดทรัคไปต่อยอดและขยายธุรกิจเพื่อตอบโจทย์ผู้บริโภค เนื่องจากในยุคนี้ แม้ผู้คนจะกลับมาซื้อของ เดินห้าง เข้าร้านอาหารมากขึ้น แต่สำหรับบางคนการมีรถอาหารเคลื่อนที่ไปรอให้บริการบริเวณใกล้บ้าน ก็มักเป็นทางเลือกที่ดีกว่า สำหรับผู้ประกอบการเองก็มีรายได้ ผลกำไร และฐานลูกค้ามากขึ้นด้วย
.
อย่างไรก็ตาม การเข้าสู่ธุรกิจฟู้ดทรัคก็ไม่ใช่เรื่องง่าย ผู้ประกอบการจำเป็นต้องมีความรู้ขั้นพื้นฐานก่อนเข้าสู่ธุรกิจและมองเห็นลู่ทางของการเติบโต กระทรวงพาณิชย์ จึงมอบหมายให้กรมพัฒนาธุรกิจการค้าร่วมมือกับหน่วยงานพันธมิตรที่เกี่ยวข้องและสถาบันการเงินให้ความรู้แก่ผู้ประกอบการที่ต้องการเข้าสู่ธุรกิจฟู้ดทรัค ตลอดจนให้คำปรึกษาและเพิ่มพูนความรู้ที่จำเป็นเพื่อเพิ่มขีดความสามารถและสร้างจุดแข็งในการประกอบธุรกิจของผู้ประกอบการเอสเอ็มอีให้มีความแข็งแกร่งและมีศักยภาพมากยิ่งขึ้น
.
ที่มา : https://www.prachachat.net/economy/news-613689
.
#อายุน้อยร้อยล้านNEWS
#อายุน้อยร้อยล้าน #ryounoi100lan
#ฟู้ดทรัค #Foodtruck #รถอาหารเคลื่อนที่ #ผู้ประกอบการ #SME
ฟู้ดทรัค 在 Food Truck Club-Thailand องค์กรเครือข่ายธุรกิจฟู้ดทรัค 的推薦與評價
Food Truck Club-Thailand องค์กรเครือข่ายธุรกิจฟู้ดทรัค-ประเทศไทย, Bangkok, Thailand. ถูกใจ 41321 คน · 117 คนกำลังพูดถึงสิ่งนี้. Food Truck Club... ... <看更多>