#นิทานดีซื้อที่ไหน #ชี้เป้า
#หมอแพมชวนอ่านอวอร์ด
โพสต์นี้ เป็นการแชร์ประสบการณ์การเลือกซื้อนิทาน ในมุมของคนเป็นแม่ที่เป็นลูกค้าซื้อนิทานจากสำนักพิมพ์ต่างๆ
ถือว่าเป็นกระทู้ชี้เป้า ของแม่รุ่นพี่นะคะ
.
หมอเป็นลูกค้าของเกือบทุกสำนักพิมพ์จริงๆ
แต่ช่วงหลังๆที่ลูกโตขึ้น
อาจจะไม่ได้โหมซื้อเหมือนเดิม
เพราะความสนใจของลูกก็เปลี่ยนไป
แต่หมอก็ยังจำวันเก่าๆ ตอนลูกเล็ก
ที่จะต้องลางานวันที่มีงานสัปดาห์หนังสือ
เพื่อเป็นกลุ่มแรกๆที่ได้เข้างาน
จะได้เลือกหนังสือลดราคา คุณภาพดี
ก่อนที่จะหมดซะก่อน
วันที่ตระเวนไปตามงานแฟร์แม่และเด็ก
เพื่อไปหาหนังสือดีๆมาอ่านกับลูก
หรือ เวลาลูกยื่นโจทย์ใหม่ๆมา challenge เรา หมอก็จะนึกถึงนิทาน ในฐานะเครื่องมือ
ที่จะช่วยให้เราพูดคุยกับลูกในเรื่องนั้นได้ง่ายขึ้น
ประสบการณ์ในการเสาะหานิทานที่จะมาอยู่ใน moment ของชีวิตลูก
การท่องไปใน website ของ สนพ. ในวันลดราคา และกดสั่งซื้ออย่างบ้าคลั่ง ทำเหมือน สนพ. จะไม่จัดโปรโมชั่นอีกแล้ว
เล่มที่ปังก็มาก เล่มที่พัง หมายถึงซื้อมา ลูกอ่านแค่ครั้งแรกกับเราแค่ครั้งเดียว แล้วไม่เรียกหาอีกก็มีมหาศาล บางเล่ม ณ เวลาหนึ่ง แค่หยิบมาก็ยี้ โตมาอีกหน่อย กลายเป็นเล่มโปรดไปก็มีมาก
.
นี่แหละ ที่หมอจะถ่ายทอดให้ทุกคน จัดทำเป็น #หมอแพมอวอร์ด
แบบกรรมการมีคนเดียว คือหมอเอง😆 และเขียนเองทุกสำนักพิมพ์ไม่ได้มีส่วนเกี่ยวข้องใดๆ
.
มีอีกหลายๆสำนักพิมพ์ที่หนังสือดีมากไม่ได้พูดถึง
ถ้าเพื่อนๆมีข้อมูลก็มาแชร์กันนะคะ
หรือ มีอะไรจะเสริมก็ comment บอกกันได้
เพื่อให้แม่ลูกอ่อนรุ่นน้องที่เพิ่งเข้าวงการซื้อนิทาน เก็บข้อมูลกันนะคะ
======
1. Bookstart คุณภาพดี ราคาถูก
ถ้าลูกของคุณ อยู่ในวัยทารก (0-1)
และกำลังมองหาหนังสือสำหรับเด็กเล็กมากๆ (bookstart)ซึ่งในวัยนี้ หนังสือ
ไม่ได้ต้องการเรื่องราวซับซ้อน
ไม่ต้องการภาษาสละสลวย
หรือจะเป็นพวกกึ่งหนังสือ กึ่ง flash cards
คือแต่ละหน้า มีภาพหนึ่งภาพ
ให้พ่อแม่คอยชี้ และให้เด็กๆดู
ต้องการภาพชัด กระดาษที่ทนทาน
ถ้าราคาไม่แพงก็จะตอบโจทย์มากๆ
หมอแนะนำสำนักพิมพ์ที่ทำ Bookstart สำหรับเด็กได้ดี ราคาถูก คุณภาพเกินราคาไปมาก
คือ Book World Publishing : หนังสือเด็ก
หมอจำได้ว่า ซื้อชุด bookstart ให้ลูก
เช่น ร่างกายของเรา ผัก ผลไม้ สัตว์ ท่าทาง ฯลฯ เมื่อ 5-6 ปีก่อน เล่มละ 50 บาท (ไม่แน่ใจว่ายังราคาเดิมมั้ย) แต่ภาพสีสวยมาก หนังสือปกอ่อน แต่กระดาษเคลือบพลาสติกอย่างดี กันน้ำ กันน้ำลาย ไม่ช้ำง่าย
หนังสือ mini-boardbook ราคาไม่เกิน 100 บาท อ่านคุ้มมาก คุณภาพเกินราคา มีอีกหนึ่งประเภทนิทานที่สำนักพิมพ์Book World Publishingทำได้ดี คือ พวกนิทานคลาสสิก เอามาตีความใหม่ ทัมเบลินา เจ้าหญิงนกกระเรียน ห่านทองคำนำโชค ฯลฯ ภาพประกอบสวยดีค่ะ เรื่องราวก็เรียบเรียงได้ดี ไม่สั้นไม่ยาวจนเกินไป
อีกสำนักพิมพ์ ที่โดดเด่นเรื่องราคาถูก คือ
สำนักพิมพ์เอ็มไอเอส
ถ้ามองหา Bookstart, Boardbooks, สื่อการสอน MIS ทำได้ดี และราคาถูกมากค่ะ หนังสือก็มีให้เลือกมาก (เป็นสนพ.ที่ขยันมาก) แต่ติเล็กน้อย ในกลุ่มนิทานแปลที่มีเรื่องราวจะมีข้อเสียตรงสำนวนการแปล ที่เราอ่านแล้วจะรู้ว่า เป็นการแปลแบบตรงตัว ทำให้นิทานบางเรื่อง (แม้จะเป็นนิทานดังจากต่างประเทศ แต่พอมาแปลแบบตรงไปตรงมา โดยไม่ได้เรียบเรียงใหม่ ตามหลักไวยกรณ์ภาษาไทย อ่านแล้วความสนุกอาจจะลดลงไป และยังติดไวยกรณ์ภาษาอังกฤษอยู่มาก เช่นใช้ passive voice ในภาษาไทย...หมอจึงไม่ค่อยได้ซื้อนิทานที่เป็นเรื่องราวจาก MIS มากนัก แต่ bookstart ตอนลูกเล็กๆเพียบเลยค่ะ
ดังนั้น หมอแพมอวอร์ดในเรื่อง #คุณภาพเกินราคาหมวดหนังสือเด็กเล็ก (bookstart) ขอยกให้
สำนักพิมพ์ Book World Publishing และ สำนักพิมพ์ MIS
=====
2. สำนักพิมพ์ไทย นักเขียนนิทานไทยเก่งๆ
ถ้าคุณมองหา นิทานไทยดีๆ
แต่งโดยนักเขียนไทยเก่งๆ การพิมพ์ที่พิถีพิถัน ราคาสมเหตุสมผล
หมอต้องยกรางวัลนี้ให้ Plan For Kids สำนักพิมพ์ แปลน ฟอร์ คิดส์ ซึ่งนิทานดังอมตะ อย่างกุ๋งกิ๋ง โดยพี่ฟาง ที่ครองใจเด็กไทยมาเป็นเกิน 10 ปี และเหมือนเป็นนิทานที่เกือบทุกบ้านต้องมี
นิทานของลุงตุ๊บปอง
ที่หมอยกให้เป็นอัจฉริยะในการใช้ภาษาไทย
แต่งนิทานหลากหลาย set จนบรรยายไม่หมดและใช้คำกลอนแต่งนิทานได้ทุกๆประเภทนิทานเลยจริงๆ นิทานของลุงตุ๊บปอง แม้บางเล่ม พ่อแม่จะอ่านแล้วอุทานว่า “อิหยังหว่า” เพราะรู้สึกว่าไม่ได้มีเนื้อหาอะไร แต่หมอรับรองว่า เด็กๆชอบ
เพราะในคำเหล่านั้น มีเสียงสูงต่ำ มีคำคล้องจองที่อ่านแล้วทำให้เด็กสนุกกับการฟังเสียงของพ่อแม่มากขึ้น
อีก set ที่น่าจะขึ้นแท่นอมตะไปแล้วเช่นกัน คือ set ไดโนน้อย ทั้ง 12 ตัว ที่ทำให้เด็กๆ จำชื่อพันธุ์ไดโนเสาร์ได้แม้จะยากและยาวก็ตาม
นิทานของน้านกฮูก ที่หมอก็อ่านประวัติน้านกฮูก ที่ปกหลังทุกเล่มของนิทานแปลน ฟอร์ คิดส์ จนจำได้ขึ้นใจแล้ว
นักเขียนอีกท่าน คือ คุณรัตนา คชนาถ ที่สไตล์นิทานเป็น คุณแม่ใจดี เลี้ยงลูกเชิงบวกตลอดเวลา
หมอก็ชอบและติดตามเกือบทุกเล่ม....
ที่หมอชอบเป็นพิเศษสำหรับสำนักพิมพ์แปลน ฟอร์ คิดส์ คือ จัดงาน book fair ที่บริษัท และเอาหนังสือที่ยังสภาพดีมากๆ มาลดราคาเกิน 50% จากราคาปก (หนังสือนิทานในชั้นของหมอ ส่วนใหญ่ซื้อตอนลดนี่แหละค่ะ)
หมอเลยยกรางวัล #สำนักพิมพ์ที่มีนิทานไทยคุณภาพดียอดเยี่ยม ให้เลยค่ะ
=======
3. นิทานดีระดับโลก มาพร้อมการแปลที่ยอดเยี่ยม
ถ้ากำลังหานิทานแปลจากต่างประเทศ ที่เป็นนิทานดังระดับโลก นิทานดีตลอดกาล
คุณสามารถไปหาได้ที่สำนักพิมพ์ แพรวเพื่อนเด็ก (ตอนนี้น่าจะเปลี่ยนชื่อเป็น Amarin Kids )
หมอเคยรีวิว หนังสือนิทานดีระดับโลก ที่สำนักพิมพ์ Amarin kids เคยทำ ชื่อชุด
“นิทานดีที่เด็กไทยควรอ่าน อนุบาลควรมี” ซึ่งนิทานที่อยู่ใน set นี้ ยอดเยี่ยมทุกเล่ม สนุกทุกเรื่อง
https://www.facebook.com/drpambookclub/posts/583356488665715
เช่น เจ้าหนอนจอมหิว หัวผักกาดยักษ์ งานแรกของมี้จัง ดอกไม้จากใครเอ่ย กูจี กูจี กุริกับกุระ ปลาสายรุ้ง ถ้าคุณแม่ไม่รู้ว่าจะซื้อนิทานเรื่องอะไรดีที่อ่านได้นาน ส่งต่อกันข้ามรุ่น หากเจอรายชื่อใน set นี้ แนะนำว่าซื้อได้เลยไม่ต้องลังเล
เด็กทั่วโลกพิสูจน์มาแล้ว และนิทานดีอยู่ข้ามเวลาจริง นอกจากชุดนี้ เล่มอื่นๆที่สำนักพิมพ์เลือกมาแปล ล้วนแต่เป็นนิทานดีๆ ถนนสาย ฟ.ฟัน นิทานแปลจากญี่ปุ่น
ไหนจะชุดบ้านร้อยชั้น ที่เด็กๆรัก แต่พ่อแม่ต้องบริหารต้นแขน และเอาไปแอบในวันที่อยากเข้านอนเร็วๆ🤣🤣🤣
การแปล ดีมาก แปลภาษาได้งดงาม
อ่านแล้วราวกับนิทานใช้ภาษาไทยมาตั้งแต่แรก
ดังนั้น เด็กๆจะได้อ่านทั้งเรื่องราวที่สนุก ภาษาที่สละสลวยอีกด้วย ถ้าจะมีข้อเสียบ้างเล็กน้อย
ก็อาจจะติดเรื่องราคา ที่จัดว่าสูง แต่ก็สมกับคุณภาพที่มาจากทีมงานคุณภาพจริงๆ
หมอคิดว่าคุ้มค่า
เรื่องราคา หมอคิดว่า สำนักพิมพ์ทำเต็มที่แล้วจริงๆ ถ้ารัฐเข้ามาสนับสนุนธุรกิจหนังสือมากกว่านี้
เด็กไทยจะได้เข้าถึงหนังสือดี ในราคาที่พ่อแม่เข้าถึงได้มากขึ้น อยากให้เด็กไทยได้เข้าถึงหนังสือดีๆได้อย่างเท่าเทียมมากขึ้น....#หวังว่าจะได้เห็นสิ่งนั้นในอนาคต
อีกสำนักพิมพ์ ที่เลือกนิทานดีระดับโลกมาแปลให้เด็กไทยได้อ่านกัน
คือ" สำนักพิมพ์ SCG "ซึ่งเช่นเดียวกับแพรวเพื่อนเด็ก นอกจากจะคัดเลือกนิทานดีมาให้
ยังพิถีพิถันเรื่องการแปล และคงคุณภาพหนังสือนิทานต้นฉบับอย่างมาก
นิทานดีทุกเล่ม แต่น่าเสียดายที่สำนักพิมพ์ SCG ไม่ได้พิมพ์หนังสือนิทานเด็กอีกต่อไปแล้ว
แต่ก็ยังสามารถหาซื้อหนังสือได้อยู่นะคะ
หมอขอยกตำแหน่ง #สำนักพิมพ์ที่มีนิทานดีระดับโลกและคุณภาพการแปลยอดเยี่ยม ให้สองสำนักพิมพ์นี้เลยค่ะ
======
4. One stop service
บางครอบครัว มีลูกหลายวัย ถ้าจะคิดถึงสำนักพิมพ์ที่มีจำนวนปกหนังสือสำหรับเด็กมากเป็นอันดับต้นๆ มีตั้งแต่ bookstart, นิทานจากนักเขียนไทยเก่งๆ (โดยเฉพาะของ ส.สุวรรณ) นิทานแปลดีๆจากต่างประเทศ นิทานความรู้ สารคดีภาพสวยๆ การ์ตูนความรู้ที่เด็กวัยอ่านเองได้จะต้องรู้จักเช่น ครอบครัวตึ๋งหนืด วรรณกรรมเยาวชนเรื่องดัง วรรณกรรมสำหรับเด็กโตขึ้นมาหน่อย หนังสือแฮรี่ พอตเตอร์ ซึ่งไม่ว่าเด็กคนไหนก็ติดงอมแงมถ้าได้อ่าน หนังสือของ enid Blyton สื่อการสอน แบบฝึกหัดสำหรับเด็ก....บรรยายไม่หมด เรียกว่าถ้าสำนักพิมพ์เค้าจัดโปรโมชัน เข้าไป shop กัน ได้หนังสืออ่านกันทั้งบ้านเลยค่ะ one stop service มากจริงๆ (สำนักพิมพ์ไม่ค่อยลดราคาบ่อยเท่าสนพ.อื่น ถ้าจัดโปรโมชั่น ก็ซื้อเล่มที่หมายตาเอาไว้ได้ค่ะ) หมอกำลังพูดถึง สำนักพิมพ์นานมี Nanmeebooks Kiddy & Parenting ที่มีหนังสือสำหรับเด็กให้เลือกหลายหลายแนว ตอบโจทย์ทุกสไตล์การอ่าน
จึงขอยกตำแหน่ง #สำนักพิมพ์ที่มีหนังสือหลากหลายตอบโจทย์นักอ่านทุกวัยทุกแนว เลยค่ะ
=====
5. ถ้าจะมองหานิทานที่ตอบโจทย์ให้นิทานเป็นเครื่องมือในการสอนของพ่อแม่
แบบทันสถานการณ์สังคม
หมอขอยกให้ Pass Education
สำนักพิมพ์ Pass education
ขยันสร้าง character นิทานมาเอาใจเด็กๆ ป๋องแป๋ง ปิงปิง อองตอง ฯลฯ
นัยว่า เด็กๆต้องเลือกเพื่อนสนิท
และผูกพันธ์กับใครสักคนในสำนักพิมพ์แหละ😁
เลือกที่สบายใจเลย ส่วนเรื่องราวในนิทาน
ก็จะเป็น pain point ของพ่อแม่
ไม่กินข้าว ไม่กินผัก ไม่สบาย ติดเกมส์ หกล้ม เลยไปถึงเรื่องที่เป็นประเด็นในสังคม
ติดในรถ หลงทาง สอนเรื่องการล่วงละเมิดทางเพศ
เอาเป็นว่า ถ้าอยากได้นิทาน
ที่จะเป็นสื่อไว้คุยกับลูกในเรื่องเฉพาะ โอกาสที่จะหาได้ที่สำนักพิมพ์นี้ สูงมากค่ะ
นอกจากนี้ สำนักพิมพ์ ยังทำการตลาดออนไลน์แบบเข้าถึง มีโปรโมชั่นบ่อย หาซื้อได้ตาม platform ดังๆ
ราคาไม่แพง หนังสือคุณภาพดี แต่ถ้าอยากให้สำนักพิมพ์ปรับปรุง คือ เพิ่มความสละสลวยของภาษาไทยในคำกลอนอีกเล็กน้อย จะดีขึ้นมากๆเลยค่ะ (เป็นป้าหมอแก่ๆ เลยยังติดหลักภาษาไทย และสำนวนเก่ามากอยู่ คุณแม่ที่เป็นน้องๆของหมอ อาจจะไม่เห็นด้วยกับหมอนะคะ)
หมอเลยต้องยกตำแหน่ง #สำนักพิมพ์ที่มีนิทานทันสมัยเข้ากับสถานการณ์ ให้เลยค่ะ
=====
6. ถ้าจะหาหนังสือ ที่เป็นการ์ตูนดังๆให้ลูก เช่น my little pony, Peppa pig, barbies, LOL, AVENGERS, เจ้าหญิงดิสนีย์ ซึ่งส่วนใหญ่คุณแม่จะซื้อหนังสือมือสอง เพราะหนังสือมือหนึ่งลิขสิทธิ์ราคาแพงมาก
แต่หมอเพิ่งจะเจอมาว่า สำนัก #Bongkochkids พิมพ์บงกชคิดส์ ขายหนังสือนิทานในกลุ่มนี้ โดยทำเป็นหนังสือนิทานสองภาษา ในราคาที่ถูกมากๆ
หมอซื้อ set peppa pigs กับ my little pony เพราะลูกสาวชอบ หนังสือคุณภาพดี ราคาถูก การแปลใช้ได้เลยทีเดียว ซึ่งแนะนำว่า
หนังสือสองภาษาซื้อได้ แต่ไม่อ่านไปแปลไปนะคะ ให้เลือกอ่านภาษาใดภาษาหนึ่ง
ถ้าจะอ่านภาษาอังกฤษก็อ่านอังกฤษไปจนจบเล่ม ไม่ต้องแปลระหว่างอ่าน แล้ววันหลัง ถ้าจะอ่านภาษาไทย ก็ค่อยอ่านทั้งเรื่องเหมือนกันค่ะ ไม่ต้องกลัว สมองเด็กเล็ก เค้าไวกับภาษามาก ลูกจะค่อยๆเรียนรู้ไปเองค่ะ
ดังนั้น หมอเลยยกตำแหน่ง #สำนักพิมพ์ที่มีนิทานแปลจากตัวการ์ตูนดังและราคาถูกมาก ให้เลยค่ะ
====
7. หนังสือเพื่อพัฒนาภาษาอังกฤษ
ถ้าบ้านไหน หาสื่อการสอนภาษาอังกฤษสำหรับลูก หานิทานที่มาจากสำนักพิมพ์ภาษาอังกฤษดังๆ แต่แปลเป็นไทยให้ แนบคำศัพท์ให้ มีแบบฝึกหัดจากเรื่องที่อ่านให้ แถมแบ่งระดับความยาก และทำราคาได้ถูกชนิดที่ว่า ซื้อมือสองยังแพงกว่า หมอพูดถึง SE-ED Book Center สำนักพิมพ์ Se-Ed
หมอเห็นความมุ่งมั่นที่เค้าจะส่งเสริมการเรียนรู้ภาษาอังกฤษของเด็กไทยมากๆเลยค่ะ
เผื่อใครยังไม่รู้ SE-ED เอาหนังสือนิทานฝึกอ่านของสำนักพิมพ์ Usborne , oxford มาพิมพ์ขายราคาคนไทยซื้อได้
พิมพ์ เป็นภาษาอังกฤษแต่แทรกศัพท์ วลี
และไวยกรณ์ที่น่าสนใจ หลาย set มากๆเลยค่ะ
หมอเคยซื้อชุด Magic tree house ที่ Se-ed ซื้อลิขสิทธิ์มาพิมพ์ พิมพ์เป็นภาษาอังกฤษ
แต่ละหน้าแทรกคำศัพท์เอาไว้ให้ ขายแค่เล่มละ 65 บาท ในขณะที่ซื้อมือสอง ยังแพงกว่านี้เลยค่ะ
อีก set ที่แนะนำคือ Oxford ชุด Dolphin reader ที่แยกตามระดับความยาก แถมมีแบบฝึกในเล่ม
ขายเล่มละไม่ถึง 100 บาท
แถมชอบลด 50% บ่อยๆ
ทั้งๆที่หนังสือ original แพงมากๆ
อีก set ที่แนะนำ คือ
วรรณกรรมเยาวชนภาษาอังกฤษ
ที่แบ่งตามระดับความยาก อ่านได้ทั้งเด็ก
และเราเองก็เอาไว้ฝึกอ่านอีกด้วย ดังนั้นใครมองหานิทาน สำหรับเด็กฝึกอ่านภาษาอังกฤษ หมอแนะนำมากๆเลยค่ะ เพราะหมอเห็นความจริงใจของสำนักพิมพ์ที่จะส่งเสริมให้เด็กไทยเก่งภาษาอังกฤษจริงๆ ขอมอบรางวัล #สำนักพิมพ์ส่งเสริมการเรียนรู้ภาษาอังกฤษของเด็กไทย ให้เลยค่ะ
====
8. ถ้าเราหานิทานดีๆ
แบบว่าเห็นชื่อสำนักพิมพ์แล้ว การันตีคุณภาพ
ในหมวดนี้ หมอขอยกให้ สำนักพิมพ์สานอักษร กับ สำนักพิมพ์ก้อนเมฆ
Character ของสนพ. สานอักษร เหมือน artist ฉันขอทำงานคุณภาพที่อยากทำ การขายได้มาทีหลัง
ลายเซนต์ของนิทาน สนพ.จะมีความคิดสร้างสรรค์สูง คุณภาพดี
เรื่องราวแปลกใหม่ นำเสนอในมุมมองที่ไม่ค่อยซ้ำกับใคร
เช่น ถ้าจะนำเสนอเรื่องเด็กเลือกกิน เราก็จะคิดว่า ตัวละครต้องเลือกกินแล้วเจอกับปัญหาต่างๆ
แต่นิทานของสานอักษร นำเสนอเรื่องนี้ผ่านนิทานเรื่อง จะกินหมดไหมนะ หมา แมว นก มด นั่งจ้องเด็กกินข้าว
แล้วถามว่า ข้าวจะกินหมดมั้ยนะ เด็กก็จะตอบสัตว์ทุกตัวว่า หมดซิ หมดเกลี้ยงขนาดไม่เหลือให้มดสักเม็ดเลย
อีก set ที่ชอบ คือ Set ตัวเลข กับ set ใครหนอใครกัน ที่เคยรีวิวเอาไว้นะคะ...สรุปก็ชอบทุกเรื่องในสนพ.นี้
ข้อเสียคือ ออกหนังสือเล่มใหม่ ไม่ทันกับความต้องการของผู้อ่าน
อีกสนพ. ที่ถ้าเจอ หมอจะซื้อและมั่นใจว่าสนุก คือ สนพ.ก้อนเมฆ
เจ้าของสนพ. คือ น้าเมฆ แม่เอ๋ย แรงบันดาลใจในการก่อตั้ง สนพ. นี้คือตอนที่ลูกยังเล็ก
เล่านิทานให้ลูกฟัง ปัจจุบัน น้าเมฆยังอ่านนิทานให้เด็กๆฟัง แต่นิทานใหม่ๆ ก็คล้ายๆกับสนพ.สานอักษรคือ
ออกใหม่ไม่ทันความต้องการของผู้อ่าน
เลยมอบตำแหน่ง #สำนักพิมพ์ที่ซื้อได้เลยดีทุกเล่ม (ปล.ซื้อทุกเล่มได้ เพราะนิทานมีน้อยแต่คุณภาพ)
=====
9. ถ้าชอบนิทานแนว กึ่งสารคดี เช่น สัตว์อาศัยอยู่ที่ไหนกันนะ ชีวิตสัตว์ต่างๆ แล้วภาพเป็นภาพวาดที่สวย ดูอินเตอร์ จนต้องดูปกซ้ำว่านี่นิทานไทยหรือนิทานแปลจากต่างประเทศ และเนื้อหาก็ผ่านการ ค้นหาข้อมูลมาอย่างดี หมอขอยกให้
#สำนักพิมพ์ห้องเรียน ทำนิทานแนวนี้ได้ดีมาก ราคาก็ถูกมากด้วยเมื่อเทียบกับคุณภาพ
ไหนจะ set รามเกียรติ์ที่ได้รับรางวัล ภาพสวยจะคิดว่าเป็นภาพจิตรกรรม
Set ผีไทย ผี่ต่างประเทศ ก็สวยมาก ข้อมูลที่นำมาเขียนก็ชวนอ่าน ไม่หนักเกินไปสำหรับเด็ก
หนังสือหิมพานต์ หนังสือพระพุทธเจ้า ภาพประกอบงดงาม เนื้อเรื่องไม่ได้เป็นวิชาการจ๋าจนเกินไป เด็กๆอ่านแล้วยังสนุก...สรุป หมอคิดว่า นักวาดที่ผ่านงานจากสำนักพิมพ์ห้องเรียน เป็นเศรษฐีจาก NFT ได้เลย
หมอขอยกตำแหน่ง #สำนักพิมพ์ที่สร้างสรรค์นิทานกึ่งสารคดีได้ดีที่สุด ไปเลยค่ะ
=====
10. สำนักพิมพ์ที่ได้แรงบันดาลใจในการเลือกนิทาน เพราะต้องการเลือกหนังสือนิทานดีๆให้ลูกตัวเองอ่าน
ดังนั้น นิทานที่เลือกมา คือ เด็กๆที่บ้านอ่านแล้วก็ชอบ และก็เป็นเช่นนั้นจริงๆ เป็นการตลาดที่จริงใจ
เหมือนเวลาหมอรักษาคนไข้ หมอก็จะพูดว่า หมอรักษาเหมือนกับว่า ถ้าเป็นลูกตัวเองจะทำอย่างไร
นี่ก็คงมีปรัชญา "เลือกนิทานมาให้เด็กๆอ่าน โดยตอบโจทย์ว่า ลูกๆฉันต้องชอบแน่ๆเลย"
ที่หมอพูดถึงคือ SandClock Books
สำนักพิมพ์ Sand Clock ซึ่งหมอคิดว่าหลายๆคนคงผูกพันธ์และเป็นแฟนคลับของสนพ.นี้
หนังสือ เหมือนการเล่าเรื่องชีวิตแม่ในครอบครัวหนึ่ง ท้องต้องเตรียมตัวยังไง
ฉันจะเลี้ยงลูกให้ดีได้อย่างไร มีข้อมูลอะไรที่น่าสนใจ ประเทศที่เจริญแล้วเค้ามีแนวทางอย่างไร (parenting books) แล้วฉันจะอ่านนิทานอะไรกับลูกฉันดี....หมอชอบเฝ้ามอง ความเป็นไป และพบว่าความจริงใจนี้ทำให้ลูกค้าสัมผัสได้ ไม่แปลกใจที่สนพ. เพิ่งจะพิมพ์นิทานได้ไม่กี่ปี แต่ทุกเล่มได้รับความนิยมมากๆเลยค่ะ
เลยยกตำแหน่ง #สำนักพิมพ์น้องใหม่มาแรง ให้เลยค่ะ
同時也有2部Youtube影片,追蹤數超過22萬的網紅BorntoDev,也在其Youtube影片中提到,หากอยากทำงานนำเสนอ หลายคนอาจเลือกไปโหลด Template มาใช้ ซึ่งบอกเลยว่าจริง ๆ มันมีเทคนิคที่ทำให้ตัว Presentation ของเรานั้น Minimal ลงตัว แบบไม่เสียเวลา...
「สื่อการสอน คือ」的推薦目錄:
- 關於สื่อการสอน คือ 在 หมอแพมชวนอ่าน Facebook 的最佳貼文
- 關於สื่อการสอน คือ 在 หมอแพมชวนอ่าน Facebook 的最佳解答
- 關於สื่อการสอน คือ 在 หมอแพมชวนอ่าน Facebook 的最佳貼文
- 關於สื่อการสอน คือ 在 BorntoDev Youtube 的最佳貼文
- 關於สื่อการสอน คือ 在 Brianna's Secret Club TH Youtube 的最讚貼文
- 關於สื่อการสอน คือ 在 10 ประเภท สื่อการเรียนการสอน - YouTube 的評價
- 關於สื่อการสอน คือ 在 สื่อการสอนแบ่งเป็น 3 ประเภทใหญ่ ๆ คือ... - อ.ธนากร Khongbeng 的評價
สื่อการสอน คือ 在 หมอแพมชวนอ่าน Facebook 的最佳解答
#ช่วยลูกเรียนออนไลน์อย่างไร_ไม่ให้บ้าไปซะก่อน (ตอนที่ 1)
#บ่อเกิดความเครียดของพ่อแม่
.
ณ เวลานี้ เราเข้าใจกันเนอะ
และแล้ว ผ่านไป 1 ปี เด็กๆกลับมาอยู่ที่เดิม
คือ เรียนออนไลน์😭
.
จากประสบการณ์
พบว่าที่เครียดไม่ใช่เพราะลูก
แต่เป็นเพราะตัวเราเอง
ยิ่งเครียดสถานการณ์ยิ่งแย่
เมื่อผ่านวิกฤติลูกเรียนออนไลน์ปีก่อนได้
ตอนนี้รู้เลยว่า สบายใจขึ้นมาก
ไม่ใช่เพราะเราเก่งขึ้น หรือลูกเรา ไม่ต้องการความช่วยเหลือ
แต่พบว่า เราต้อง #จัดลำดับความสำคัญของสิ่งที่อยากให้ลูกเรียนรู้ ซะก่อน
วันนี้จะมาแชร์เรื่องราว
ทั้งสาเหตุที่ทำให้เครียด
และวิธีคิดที่ตอนนี้ทำให้เครียดไม่มาก😅
ซึ่งอาจจะไม่ได้ช่วยเพื่อนๆมาก
แต่อย่างน้อย จะได้รู้ว่า เราไม่ใช่คนเดียวที่เครียด
**************************************
👉PART 1
#บ่อเกิดความเครียดเมื่อลูกเรียนออนไลน์
1.ความคาดหวัง ทำร้ายเราและลูกเสมอ
กรณีที่ 1 เมื่อต้องนั่งเฝ้าลูกเรียนออนไลน์
พอได้เป็นส่วนหนึ่งในห้องเรียน
เราได้เห็นว่า ตัวตนของลูกในห้องเรียนเป็นอย่างไร
เราก็จะเกิดความคาดหวัง
ทำไมไม่ยกมือตอบคำถามคุณครูเลย
ทำไมตอบผิด ทั้งๆที่คุณครูย้ำแล้ว
ทำไมคุณครูไม่ให้ลูกเราตอบ
ทำไมๆๆๆๆ บลาๆ
เราอาจทำตัวเป็นนั่งทำงาน chill ใกล้ๆลูก
ประหนึ่ง แม่ไว้ใจ แม่จะไม่ยุ่ง แม่อยู่ตรงนี้ถ้าหนูต้องการ
แต่ในใจมัน ปุดๆๆๆๆ
2. กลับไม่ได้ ไปไม่ถึง
กรณีที่ 2 ไปทำงานไม่ได้อยู่กับลูก
ฝากลูกไว้กับปู่ย่าตายาย พี่ป้าน้าอา
ซึ่งแน่นอนว่า ลูกเราเป็นคนเก่ง IT มากที่สุด ณ ขณะนั้น
ความโกลาหลจะเกิดขึ้น
เมื่อเกิดปัญหาในการเรียน
สัญญาณไม่ดี ระบบไม่เสถียร ฯลฯ
แล้วลูกแก้ปัญหาเองไม่ได้
ปู่ย่าตายาย ซึ่งพยายามจะช่วย
แต่บางครั้งทำให้ยิ่งแย่
สุดท้ายเมื่อแก้ไม่ได้ เราก็ต้องได้รับสายโทรศัพท์ แบบเร่งด่วน
แบบว่า รับรู้ แต่ช่วยอะไรไม่ได้
แล้วเป็นยังไง....งานก็ไม่มีสมาธิ ปัญหาเรื่องเรียนลูกก็ช่วยอะไรไม่ได้
พังจริงๆ
3. ความพอดีในการมีส่วนร่วม
นั่นแหละ ปัญหา
เพราะมันไม่รู้ว่า ช่วยเหลือแต่พอดี
มันอยู่ตรงไหน??
พอเรียนออนไลน์
คุณครูต้องการทดสอบความเข้าใจด้วยแบบฝึกหัด
ซึ่งถ้าเป็นการเรียนปกติ
เค้าจะประเมินได้จากการมีส่วนร่วมในห้องเรียน
แต่พอไม่ได้เห็นวิธีเรียนของเด็กๆ
วิธีที่จะประเมินคือแบบฝึกหัด
แต่ประเด็นคือ มันมีแบบฝึกหัดทุกชั่วโมง
ในหนึ่งวัน การบ้านอย่างน้อยๆ 3-4 วิชา
แล้วเด็กอนุบาล-ประถมต้น ที่ต้องปรับตัว
ด้วยวิธีการเรียนแบบใหม่ ปรับตัวกับโปรแกรมใหม่ๆ
แต่แบบฝึกหัดเพิ่มขึ้น....แล้วเด็กตัวแค่นี้ ต้องมาตามเก็บแบบฝึกหัดและการบ้านทั้งหมด ก็ต้องเป็นหน้าที่พ่อแม่ที่ต้องให้ความช่วยเหลือ
คำประมาณว่า
ให้ลูกได้เรียนรู้จากความผิดพลาดของตัวเอง
ให้เค้าได้ฝึกฝนด้วยตัวเอง แล้วเราคอยเป็นโค้ช
ดูสวยหรู...แต่ดูไม่จริง
เพราะระบบที่ไม่ได้สร้างมาให้ทำงานได้มีประสิทธิภาพพอ (ระบบการเรียน สื่อการสอน เทคนิคการสอน การประเมินผล ฯลฯ)
และคุณครูก็ไม่ได้ตั้งตัว ต้องเตรียมการสอนมากขึ้นแต่ไม่ได้คิดวิธีประเมินที่ดีกว่าการตรวจแบบฝึกหัด และการสอบเก็บคะแนน
ถ้างานที่คุณครูสั่ง สะท้อนความรับผิดชอบของเด็ก
ความรับผิดชอบของเด็ก ก็สะท้อนการเลี้ยงดู
เพราะฉะนั้น พ่อแม่ก็ร้องเพลง
ส่งมาให้ฉัน ฉันรับไว้เอง คลอไป
ตอนช่วยสอนลูกทำการบ้าน ถ่ายรูป ถ่าย VDO ตัดต่อ upload, check ว่า ครูสั่งงานอะไรใหม่ ใน app อะไร วันนี้ต้องทำอะไร?...
ทำไปทำมา เราก็รู้สึกว่า
การบ้านที่ครูให้ คือการบ้านของเรา
โดยมีลูกเป็นตัวแสดงหลัก
หาสถานที่ ถ่าย VDO ตัดต่อ ส่ง...เฮ้อ เสร็จตอน 4 ทุ่ม
กล่าวคือ การบ้านที่ลูกต้องฝึกเขียนอ่าน เราก็ต้องช่วยเหลือเป็นปกติ
แต่การบ้านของเรา ที่ต้อง upload อะไรใดๆส่งคุณครู
จะเกิดขึ้น เมื่อส่งลูกเข้านอน
เหนื่อยมาก....เหนื่อยทุกวัน ความเครียดมันพอกพูน
4. หวังผลสัมฤทธิ์ที่มันเป็นไปไม่ได้
เพราะมีส่วนร่วมในการเรียนลูกมากเกินไป
ก็เลยคิดว่า สิ่งที่ลูกเรียนไปแล้ว ลูกต้องรู้แล้ว เข้าใจแล้ว
พอทำแบบฝึกหัดทบทวนบทเรียนด้วยกัน มันก็จะหงุดหงิด ที่ลูกจำสิ่งที่เรียนไปแล้ว....แทบจะไม่ได้เลย
เราลืมไปว่า การเรียนรู้บางอย่าง มันไม่ได้ใช้ ผัสสะแค่ตากับหู แล้วจะเข้าใจได้ง่าย
บางครั้ง ไม่ใช่แค่ได้เห็นได้ฟัง
แต่ต้องมีแรงกระตุ้น ของบรรยากาศ
ได้สบตาอาจารย์ตอนสอน มีความสนุกในห้องเรียน เกิดเรื่องโจ๊กที่เชื่อมโยงกับบทเรียนในห้อง
ซึ่ง เรียนออนไลน์ ขาดบรรยากาศตรงนี้ไปนะคะ
(ลองเทียบกับคน 2 คน เรียนจากมหาวิทยาลัยต่างประเทศ คนหนึ่งเรียนคอร์สออนไลน์ในไทย เทียบกับคนที่ไปเรียนที่สถานที่จริง มันมีสิ่งที่แตกต่าง)
แล้วเราจะไปหวังว่าลูกซึ่งยังเด็กมาก เรียนผ่านหน้าจอครั้งเดียว จะเข้าใจอย่างนั้นหรือ
5.ต้องอยู่อย่างรอคอยความหวัง
ความไม่รู้ ไม่ชัดเจน
ทำให้จิตใจมนุษย์สั่นคลอนเสมอ
เดือนหน้า สถานการณ์จะดีขึ้นมั้ย?
นโยบายช่วยเหลือ?
แนวทางของโรงเรียน?
ประกาศเช้า กับเย็น ไม่เหมือนกัน ฉันจะเชื่ออะไร?
บลาๆๆ
คิดว่าทุกคนเข้าใจได้ เพราะความเครียดแบบนี้อยู่กับพวกเรามานานแล้ว
----------------------------------
วันนี้ขอจบ ต้นเหตุแห่งความเครียดได้ก่อน
พรุ่งนี้จะมาแชร์ ว่าทำให้เครียดน้อยลงในความอลเวง
ได้อย่างไร
สื่อการสอน คือ 在 หมอแพมชวนอ่าน Facebook 的最佳貼文
#สอนลูกที่บ้าน (ตอนที่ 3 (final))
#ปลุกความเป็น_ครู_ในตัวเรา
หมอมีหนังสือชุดหนึ่ง
ซื้อจากแผงหนังสือมือสอง นานมากแล้ว
หนังสือเล่มนี้จัดพิมพ์ โดย สพฐ. ตั้งแต่เมื่อ 10 ปีที่แล้ว
เนื่องจากลูกสาวกำลังจะขึ้นชั้นประถม เลยได้ฤกษ์อ่านเสียที
แล้วพบว่า...หนังสือชุดนี้ดีมากกก
(อยากจะถามแฟนเพจที่เป็นคุณครูว่า เคยอ่านกันมั้ยคะ
กลัวว่าหนังสือดี แต่การกระจายไม่ดี ก็ไม่ถึงกลุ่มเป้าหมาย)
เขียนโดย "อ.พรพิไล เลิศวิชา"
Brain base learning (BBL) คือ
#การจัดการเรียนรู้ (ความเข้าใจพัฒนาการ กระบวนการสอน สื่อการสอน) ให้เข้ากับ การเรียนรู้ของสมองเด็กแต่ละวัย
(มิได้หมายถึงการจัดบอร์ด ทำสื่อการสอน แต่เป็นความเข้าใจในสมองของเด็กแต่อย่างเดียว)
ท่านเขียน ในมุมมองของครูที่เป็นนักวิทยาศาสตร์ด้านสมอง
ใช้คำเข้าใจง่าย และรู้ว่าความรู้ในแง่มุมนี้
ควรนำมาใช้ในห้องเรียนได้อย่างไร
หมอคิดว่า ไม่ใช่แค่อาชีพครู แต่พ่อแม่ ก็ต้องรู้
หนังสือมี 7 เล่ม หมอเลือกเล่มที่ชอบ มาสรุปให้ฟัง 4 เล่ม
.
หมอคาดการณ์ว่า ระบบการศึกษา หลังจากนี้ จะมีการเปลี่ยนแปลงอีกมาก
แต่คงไม่มีใครรู้ได้ว่า การเปลี่ยนแปลงที่ว่า เป็นอย่างไรบ้าง
ที่แน่ๆ พ่อแม่ จะต้องเข้ามามีบทบาทในการเรียนรู้ของลูกวัยอนุบาลและประถมมากขึ้น
(วัยมัธยม ถึง มหาวิทยาลัย สิ่งที่เข้ามามีอิทธิพลมากกว่าพ่อแม่คือ เทคโนโลยี)
เพราะฉะนั้น ความรู้เรื่อง “สมองเด็กเรียนรู้อย่างไร” จะเป็นประโยชน์กับพ่อแม่ทุกคน
.
ถ้าใคร อยากดาวน์โหลดหนังสือทั้ง 7 เล่มไปอ่าน หมอก็พบ link ที่จะดาวน์โหลดได้
แปะ link ให้ข้างล่างนี้นะคะ
(ขอบคุณ www.kroobannok.com ณ ที่นี้ด้วยค่ะ)
https://www.kroobannok.com/75130
.
ขอให้มีความสุขกับการอ่านหนังสือชุดนี้
และมีความสุขกับการสอนเด็กที่บ้านนะคะ
.
หมอแพม
ปล. ไม่ได้เขียน content บ่อยๆ
เพราะเวลาว่างของลูก แปลผกผัน กับเวลาว่างของแม่😅😅
สื่อการสอน คือ 在 BorntoDev Youtube 的最佳貼文
หากอยากทำงานนำเสนอ หลายคนอาจเลือกไปโหลด Template มาใช้ ซึ่งบอกเลยว่าจริง ๆ มันมีเทคนิคที่ทำให้ตัว Presentation ของเรานั้น Minimal ลงตัว แบบไม่เสียเวลา ใช้ได้ทุกงานอีกด้วยย !
.
▲ ติดตามช่องของเราได้ที่ : http://bit.ly/borntoDevSubScribe
▲ Facebook : https://www.facebook.com/borntodev
▲ Website : http://www.borntodev.com
.
?BorntoDev Channel คือ ช่องยูทูปที่เน้นสาระด้านเทคโนโลยี การพัฒนาโปรแกรม ไปพร้อมกับความสนุกสนาน และ รอยยิ้มเข้าไว้ด้วยกันทั้งในรูปแบบบทเรียน และ vlog
.
เพื่อการเปลี่ยนรูปแบบการเรียนรู้ด้านการพัฒนาโปรแกรม และ เทคโนโลยีแบบเดิม ๆ ที่เป็นเรื่องเฉพาะกลุ่มให้เข้าถึง เข้าใจได้ง่ายยิ่งขึ้น โดยพัฒนาเน้นไปที่รูปแบบการนำเสนอใหม่ ๆ ที่เป็นมิตรกับทุกคน
.
▲ กิจกรรมใน Channel BorntoDev เป็นส่วนหนึ่งในการดำเนินงานของ บริษัท บอร์นทูเดฟ จำกัด ที่เปิดรับ Partners ที่สนใจร่วมเปลี่ยนแปลงให้สังคมไทยเป็นสังคมด้านวิทยาศาสตร์ และ เทคโนโลยีมากยิ่งขึ้น หากคุณสนใจสนับสนุน และ ก้าวไปพร้อมกัน สามารถติดต่อร่วมงานได้แล้ววันนี้
.
▲ ติดต่อโฆษณา สนับสนุน และ ร่วมงานได้ที่: support@borntoDev.com
![post-title](https://i.ytimg.com/vi/sVEngR4EVds/hqdefault.jpg)
สื่อการสอน คือ 在 Brianna's Secret Club TH Youtube 的最讚貼文
บรีแอนน่า | ทรายเด็กและกะบะทรายสุดเจ๋ง! พับนั่งได้! ของเล่นแสนสนุกเสริมพัฒนาการเด็ก
ทำไมการเล่นทรายถึงดีต่อลูกนัก?
?1. เป็นวิธีการเล่นแบบปลายเปิด
?2. ขยายขอบเขตของจินตนาการ
?3. ช่วยเพิ่มพัฒนาการด้านร่างกาย
?4. เสริมสร้างทักษะทางสังคม
?5. เสริมสร้างกระบวนการเรียนรู้
?6. ช่วยเสริมความเข้าใจทางคณิตศาสตร์
?7. เสริมสร้างความรู้ด้านการทดลองทางวิทยาศาสตร์
?8. การแสดงออกเกี่ยวกับศิลปะ
--------------------------------------
ทรายเด็ก&ของเล่นเสริมพัฒนาการเด็ก
?ทรายของเราคือ “ ทรายทะเลธรรมชาติ ”
จุดเด่นนั้นสร้างมาเพื่อเหมาะสมกับเด็กโดยเฉพาะ คือ
✅ไม่มีเคมี
✅ไม่ฟอกสี
✅เนื้อทรายผ่านการอบแห้งด้วยความร้อนสูงกว่า 120 ✅องศาฯ
✅ไม่มีความคม
✅ไม่หยาบกระด้าง
✅เนื้อละเอียด นุ่ม
✅สะอาด
สนใจทรายเด็กดูรายละเอียดได้ที่
เฟสบุ๊ค: SandAndKids/
Line ID : fah1801
โทร. 0869261999 (แม่ฟ้ารับสายค๊า)
ช่องทางการติดต่อ
Email: briannassecretclub@gmail.com
Line: jira_skyler_brianna
ขอบคุณที่ติดตามและเป็นกำลังใจให้พวกเรานะคะ
รักนะจุ๊บๆ ♡♡♡
บรีแอนน่า เดวิส ฝากกด Like ? กด Share ?♀ และ Subscribe ด้วยนะคะ ?
คอมเมนต์ติชมกันมาได้คะ ขอบคุณมากนะคะ ?
? ติดตามอัปเดตข้อมูลข่าวสารของบรีแอนน่าได้ที่ ?
➡️ YouTube : Brianna's Secret Club
➡️ Facebook : Brianna's Secret Club
➡️ Instagram : Brianna's Secret Club
➡️ TikTok : Brianna
ติดต่องานสปอร์นเซอร์ได้ที่ไลน์ jira_skyler_brianna
หรืออีเมล briannassecretclub@gmail.com
ขอบคุณคะ
ครอบครัวบรีแอนน่า -
#บรีแอนน่า #Brianna
![post-title](https://i.ytimg.com/vi/-nKlYAafRpg/hqdefault.jpg)
สื่อการสอน คือ 在 สื่อการสอนแบ่งเป็น 3 ประเภทใหญ่ ๆ คือ... - อ.ธนากร Khongbeng 的推薦與評價
สื่อการสอน แบ่งเป็น 3 ประเภทใหญ่ ๆ คือ 1. วัสดุ (Materials) เป็นสื่อเล็กหรือสื่อเบา บางทีเรียกว่า Soft Ware สื่อประเภทนี้ผุพังได้ง่าย... ... <看更多>
สื่อการสอน คือ 在 10 ประเภท สื่อการเรียนการสอน - YouTube 的推薦與評價
Quizizz : สร้าง สื่อการสอน แบบ Active Learning ด้วย Quizizz. Nattapon Buaurai. Nattapon Buaurai. •. •. 5.3K views 9 months ago ... ... <看更多>