กรณีศึกษา KakaoBank ใช้เวลา 4 ปี ขึ้นมาเป็นธนาคารใหญ่สุด ในเกาหลีใต้ /โดย ลงทุนแมน
KakaoBank เป็นบริษัทของเกาหลีใต้ ที่เป็นธนาคารดิจิทัลโดยสมบูรณ์ ไม่มีหน้าสาขาเลย
KakaoBank เพิ่งจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์เกาหลีใต้ไปเมื่อวันที่ 6 สิงหาคมที่ผ่านมา
ปัจจุบันมีมูลค่าราว 1.1 ล้านล้านบาท ซึ่งใหญ่กว่า KB Financial Group บริษัทแม่ของ Kookmin Bank ธนาคารพาณิชย์ดั้งเดิมที่ใหญ่สุดในประเทศเกาหลีใต้เป็นเท่าตัว
จึงทำให้ KakaoBank ที่เพิ่งก่อตั้งมาเพียง 4 ปี กลายเป็นธนาคารที่มีมูลค่าบริษัทมากที่สุด
นอกจากนี้แอปพลิเคชัน KakaoBank ยังกลายมาเป็นแอปพลิเคชันธนาคารที่มีผู้ใช้งานมากที่สุดในเกาหลีใต้อีกด้วย
แล้ว KakaoBank เอาชนะธนาคารพาณิชย์แบบดั้งเดิม ในระยะเวลาเพียง 4 ปี ได้อย่างไร ?
ลงทุนแมนจะเล่าให้ฟัง
╔═══════════╗
Blockdit เป็นแพลตฟอร์ม สำหรับนักอ่าน และนักเขียน
ที่มีผู้ใช้งาน 1 ล้านคน ลองใช้แพลตฟอร์มนี้เพื่อได้ไอเดียใหม่ๆ
แล้วอาจพบว่าสังคมนี้เหมาะกับคนเช่นคุณ
Blockdit. Ideas Happen. Blockdit.com/download
╚═══════════╝
โลกที่กำลังมุ่งสู่ออนไลน์ด้วยความรวดเร็ว ได้ทำให้ธนาคารพาณิชย์แบบดั้งเดิม
ต้องรีบปรับตัวมาให้บริการผ่านแพลตฟอร์มแบบดิจิทัล เพื่อไม่ให้ถูกดิสรัป
ซึ่งคู่แข่งคนสำคัญของธนาคาร ก็คือผู้ให้บริการ “ธนาคารดิจิทัล” ที่มีรูปแบบการให้บริการออนไลน์ทั้งหมด ไม่มีสาขาเลย เช่น Nubank จากประเทศบราซิล ที่มีบริษัท Berkshire Hathaway ของ วอร์เรน บัฟเฟตต์ ให้ความสนใจและได้เข้าไปร่วมลงทุนเมื่อไม่นานมานี้
โดย Nubank เริ่มจากการให้บริการบัตรเครดิตดอกเบี้ยต่ำในปี 2013 ก่อนที่จะขยายบริการมาเป็นธนาคารดิจิทัลแบบสมบูรณ์ อย่างเช่น บริการเงินฝากและสินเชื่อ ในปี 2018
ปัจจุบัน Nubank คือธนาคารดิจิทัลที่มีผู้ใช้งานมากที่สุดในโลกราว 40 ล้านบัญชี
ซึ่งส่วนใหญ่ก็คือชาวบราซิล โดยคิดเป็น 18.8% ของประชากรบราซิล
และถ้าถามว่ารองจาก Nubank หรือธนาคารดิจิทัลที่มีผู้ใช้งานมากเป็นอันดับ 2 ของโลกคือใคร ?
คำตอบก็คือ ธนาคารดิจิทัลจากประเทศเกาหลีใต้ ที่ชื่อว่า “KakaoBank”
หลายคนอาจคุ้นชื่อ Kakao จาก KakaoTalk แอปพลิเคชันแช็ตที่มีผู้ใช้งานมากที่สุดในเกาหลีใต้ ซึ่งบริษัท Kakao ก็ได้ต่อยอดมาทำธุรกิจให้บริการธนาคารดิจิทัลด้วย
ในประเทศเกาหลีใต้ แม้จะเคยมีบริษัทที่ไม่ใช่ธนาคาร อยากลองทำธนาคารดิจิทัลมาตั้งแต่ปี 2001 แต่ที่ผ่านมาก็ไม่ได้มีกฎหมายใด ๆ รองรับ
จนกระทั่งในปี 2015 รัฐบาลเกาหลีใต้ เพิ่งมีการประกาศว่าจะเริ่มออกใบอนุญาตให้ผู้ประกอบการธนาคารดิจิทัลแล้ว ซึ่งก็ได้ออกมาเป็นรูปเป็นร่างจริงในปี 2017 หรือเพียง 4 ปีก่อน ซึ่งก็ถือว่าค่อนข้างช้าเมื่อเทียบกับกลุ่มประเทศพัฒนาแล้ว
ในปี 2017 มีผู้ให้บริการธนาคารดิจิทัล 2 แห่ง ที่ขอใบอนุญาต นั่นก็คือ
K Bank ของบริษัท KT Corporation บริษัทเทเลคอมที่ใหญ่สุดในเกาหลีใต้
KakaoBank ของบริษัท Kakao ผู้ให้บริการแอปพลิเคชันแช็ตอันดับ 1 ของเกาหลีใต้
การขอใบอนุญาตนี้ นับเป็นการจดทะเบียนธุรกิจธนาคารครั้งแรกในรอบ 25 ปี และเป็นความเคลื่อนไหวครั้งสำคัญของธนาคารเกาหลีใต้นับตั้งแต่ช่วงวิกฤติต้มยำกุ้ง ที่บางธนาคารควบรวมกิจการกันเพื่อความอยู่รอด
ซึ่งก็ทำให้ปัจจุบัน เกาหลีใต้มีธนาคารที่ใหญ่ที่สุด 4 แห่ง นั่นก็คือ Kookmin Bank, Shinhan Bank, Hana Bank และ Woori Bank ที่ยังเป็นผู้นำด้านการให้สินเชื่อ ซึ่งมีส่วนแบ่งตลาดอยู่ที่คนละ 20-30% และมีอัตราการเติบโตของสินเชื่อโดยเฉลี่ยอยู่ที่ 8-9% ต่อปี
แต่ธนาคารดั้งเดิมเหล่านี้ กำลังเผชิญการแข่งขันที่ท้าทายจากธนาคารดิจิทัล โดยเฉพาะผู้นำอย่าง KakaoBank ที่ธุรกิจสินเชื่อมีอัตราการเติบโตเฉลี่ยสูงถึง 60-70% ต่อปี จนมีส่วนแบ่งการตลาดไล่ตามมาเป็น 14% ซึ่งถ้ายังเติบโตด้วยอัตรานี้ อีกไม่นาน KakaoBank จะกลายเป็นธนาคารที่ปล่อยสินเชื่อได้มากที่สุดในประเทศ
ที่สำคัญก็คือ แม้ว่าธนาคารดั้งเดิมต่างก็มีแอปพลิเคชันของตัวเอง แต่แอปพลิเคชันธนาคารที่มีผู้ใช้งานมากสุด กลับกลายเป็น KakaoBank
ตั้งแต่ที่เปิดตัวเมื่อเดือนกรกฎาคม ปี 2017 KakaoBank ก็มีผู้ใช้งาน 3 แสนบัญชีภายใน 24 ชั่วโมงและสามารถแตะระดับ 1 ล้านบัญชีได้ ภายในสัปดาห์แรก
จนถึงปัจจุบัน KakaoBank มีผู้ใช้งาน 16.7 ล้านบัญชี คิดเป็น 32.5% ของจำนวนประชากรเกาหลีใต้ มากกว่าแอปพลิเคชันของธนาคารดั้งเดิมที่มีผู้ใช้งานมากที่สุดอย่าง Kookmin Bank ที่มีผู้ใช้งานราว 11 ล้านบัญชี ซึ่งน่าสนใจว่าผู้ใช้งานของ Kookmin Bank ลดลงจาก 15 ล้านบัญชีในปี 2019
และเมื่อเทียบกับ K Bank ธนาคารดิจิทัลของบริษัท KT Corporation ที่เปิดตัวเดือนเมษายน ปี 2017 หรือ 3 เดือนก่อนการเปิดตัวของ KakaoBank ปัจจุบันมีผู้ใช้งานเพียง 6.3 ล้านบัญชี
ทั้ง ๆ ที่ K Bank ดูจะได้เปรียบกว่าเพราะมีฐานลูกค้าจากบริการเทเลคอมเกาหลีใต้กว่า 20 ล้านบัญชี แต่บริษัทก็ไม่สามารถดึงลูกค้าให้มาใช้บริการได้
ในขณะที่ KakaoBank มีฐานลูกค้าจากแอปพลิเคชันแช็ต KakaoTalk ราว 40 ล้านบัญชี สามารถเพิ่มจำนวนผู้ใช้งาน KakaoBank ได้อย่างรวดเร็ว
แล้วอะไรเป็นสาเหตุที่ KakaoBank สามารถชนะในตลาดนี้ได้ ?
หนึ่งในเหตุผลหลัก ก็เป็นเพราะว่า KakaoBank มี KakaoPay ที่เป็นบริการชำระเงินเชื่อมกับแอปพลิเคชันแช็ต
ที่ได้เปิดตัวมาตั้งแต่ปี 2014 และได้รับความนิยมสูงมากอยู่แล้ว
อีกส่วนหนึ่งก็เพราะผู้ใช้งาน KakaoBank สามารถโอนเงินระหว่างบัญชี KakaoTalk ได้เลย
จึงทำให้การถ่ายโอนผู้ใช้งานทำได้ง่ายและเร็ว
นอกจากนี้ ก็ยังมีอีกปัจจัยที่ KakaoBank สามารถดึงดูดผู้ใช้งานได้ก็คือ อัตราดอกเบี้ยและค่าธรรมเนียม
เพราะธนาคารดิจิทัลได้เปรียบธนาคารแบบดั้งเดิมในเรื่องต้นทุนที่ต่ำกว่าจากการที่ไม่มีต้นทุนในการจัดการหน้าสาขา ทำให้ไม่ต้องจ้างพนักงานเป็นจำนวนมาก
ความได้เปรียบในเรื่องต้นทุน จึงทำให้ธนาคารดิจิทัลอย่าง KakaoBank คิดดอกเบี้ยเงินกู้ที่ต่ำกว่าและให้ดอกเบี้ยเงินฝากที่สูงกว่าธนาคารแบบดั้งเดิมได้อย่างมีนัยสำคัญ รวมถึงยังให้บริการด้านอื่น ๆ แบบไม่คิดค่าธรรมเนียม ได้มากกว่าธนาคารแบบดั้งเดิม
ยกตัวอย่างเช่น อัตราดอกเบี้ยสินเชื่อไมโครของธนาคารดั้งเดิมจะอยู่ที่ 6-19%
แต่ KakaoBank คิดอัตราดอกเบี้ยสินเชื่อไมโครเพียง 3% ถูกกว่าธนาคารดั้งเดิมมากกว่าครึ่ง
นอกจากความได้เปรียบโดยทั่วไปของธนาคารดิจิทัลแล้ว KakaoBank ยังสร้างจุดแข็งที่เหนือกว่าทุกแอปพลิเคชันธนาคารในประเทศ ด้วยการใส่ใจประสบการณ์การใช้งานของลูกค้าเป็นหลัก
แอปพลิเคชันของธนาคารดั้งเดิมมีจุดอ่อนอยู่หลายด้าน อย่างเช่น การสร้างแอปพลิเคชันแยกหลายอัน สำหรับบริการที่ต่างกัน ทำให้ผู้ใช้งานสับสน รวมไปถึงระบบที่ไม่เสถียร การออกแบบหน้าแอปพลิเคชันใช้งานยาก ขั้นตอนการทำธุรกรรมยังคงซับซ้อนไม่ต่างจากการทำธุรกรรมที่หน้าสาขา
KakaoBank เลยออกแบบหน้าแอปพลิเคชันให้สวยงามและใช้งานง่าย ที่สำคัญคือลดความซับซ้อนและลดเวลาของแต่ละธุรกรรมลง
ยกตัวอย่างเช่น การประเมินความเสี่ยงลูกค้าแบบอิเล็กทรอนิกส์ หรือ e-KYC ที่มีมาก่อนแล้ว แต่แอปพลิเคชันของธนาคารดั้งเดิมใช้เวลาอนุมัติราว 30 นาที ขณะที่ KakaoBank ออกแบบให้ใช้เวลาอนุมัติแค่ 7 นาที ภายใต้มาตรฐานการประเมินความเสี่ยงแบบเดียวกัน
นอกจากเรื่องการใช้งานที่สะดวกแล้ว KakaoBank ยังประสบความสำเร็จจากการใช้ฐานข้อมูลลูกค้า มาออกแบบบริการใหม่ ๆ ได้ถูกใจผู้ใช้งาน
ยกตัวอย่างเช่น “บัญชีออมเงิน 26 สัปดาห์” ที่ให้ผู้ใช้งานเปิดบัญชีออมทรัพย์เพื่อออมเงินรายสัปดาห์ โดยสามารถตั้งจำนวนเงินออมแต่ละสัปดาห์ได้เอง สามารถเพิ่มลด ช่วงเวลาออมเงินได้เอง รวมถึงสามารถแชร์สถานะการออมลงโซเชียลมีเดียได้ด้วย
บริการนี้ก็เป็นที่นิยมอย่างรวดเร็ว เพราะผู้ใช้งานรู้สึกได้ท้าทายตัวเอง โดยภายในเดือนแรกที่เปิดตัว มีผู้ใช้งานกว่า 3 แสนบัญชี ผ่านไป 4 ปี มีผู้ใช้งานเพิ่มขึ้นเป็นเกือบ 8 ล้านบัญชีในปัจจุบัน
อีกบริการที่เปิดตัวไปเมื่อเดือนตุลาคม ปี 2020 ก็คือ “Mini” บริการสำหรับผู้ใช้งานที่มีอายุระหว่าง 14-18 ปี ที่ยังไม่มีบัญชีออมทรัพย์หรือบัตรเครดิต ให้สามารถซื้อก่อนจ่ายทีหลังได้ โอนเงินได้แม้ไม่มีบัญชีธนาคาร รวมถึงยังออกบัตร Minicard สำหรับให้ใช้จ่ายแบบออฟไลน์ได้ด้วย
บริการ Mini ก็ประสบความสำเร็จอีกเช่นเคย เพราะมีผู้ใช้งานทะลุ 5 หมื่นบัญชีในวันเดียว และทะลุ 5 แสนบัญชีใน 1 เดือน
และนอกจากจะเพิ่มประเภทสินเชื่อและบริการให้ผู้ใช้งานที่เปิดบัญชีกับ KakaoBank เองแล้ว
KakaoBank ยังพัฒนาแพลตฟอร์มของตัวเอง เพื่อรองรับผู้ใช้บริการจากสถาบันการเงินเจ้าอื่นด้วย
ยกตัวอย่างเช่น บริการเปิดบัตรเครดิตของผู้ให้บริการอื่น เช่น Shinhan Card และ Samsung Card
โดยมี KakaoBank เป็นผู้จัดจำหน่ายและใช้กลยุทธ์การดึงดูดลูกค้าด้วยลายบัตรที่เป็นแครักเตอร์จากสติกเกอร์ของ KakaoTalk เอง เช่น Ryan ซึ่งได้รับความนิยมสูงมากอยู่แล้ว คล้ายกับ Moon ของแอปพลิเคชันแช็ต LINE
KakaoBank ยังให้บริการเปิดบัญชีซื้อขายหุ้นของบริษัทหลักทรัพย์ชั้นนำ ให้บริการขอสินเชื่อจากสถาบันการเงินอื่น ๆ และล่าสุดก็ได้พัฒนาหน้าแอปพลิเคชันให้แสดงทุกบัญชี จากทุกสถาบันการเงินทั้งหมดที่ลูกค้ามี
ผลจากการตีแตกความต้องการของลูกค้า ก็สะท้อนมาที่ผลการจัดอันดับของ RFi ที่ให้ KakaoBank เป็นแอปพลิเคชันที่ได้คะแนนความพึงพอใจจากผู้ใช้งานมากที่สุดในเกาหลีใต้ 2 ปีซ้อน
ที่น่าสนใจก็คือ ความพึงพอใจของผู้ใช้งาน KakaoBank ในช่วงอายุ 40-50 ปี สูงกว่ากลุ่มที่อายุน้อยกว่า ซึ่งข้อมูลนี้ก็สอดคล้องกับกลุ่มลูกค้าที่ KakaoBank เลือกโฟกัสกลุ่มผู้ใช้งานในเมืองที่มีอายุ 30-50 ปีมาตั้งแต่แรก สวนทางกับบริษัทฟินเทคส่วนใหญ่ที่จะโฟกัสกลุ่มผู้ใช้งานช่วงอายุ 20-30 ปี
เพราะ KakaoBank มองว่าผู้ใช้งานกลุ่มนี้ มีความเข้าใจในบริการทางการเงินมากกว่า และมีรายได้โดยเฉลี่ยสูงกว่า ทำให้โอกาสไม่จ่ายคืนหนี้มีน้อยกว่า เช่นกัน
ซึ่งก็ดูเหมือนว่า KakaoBank คิดถูก เพราะ KakaoBank มีสินเชื่อที่ลูกหนี้ไม่ยอมจ่ายนานกว่า 3 เดือนติดต่อกัน หรือ NPL อยู่ที่ 0.18% ต่ำกว่าค่าเฉลี่ยของธนาคารในเกาหลีใต้ที่ 0.55%
ในด้านการทำกำไร แม้ KakaoBank จะเก็บดอกเบี้ยสินเชื่อต่ำและจ่ายดอกเบี้ยเงินฝากสูง ทำให้รายได้สุทธิจากดอกเบี้ยน้อยลง
แต่จากการควบคุมต้นทุนได้ดี เลยทำให้ความสามารถในการทำกำไรจากดอกเบี้ยหรือ NIM อยู่ในระดับเดียวกับค่าเฉลี่ยของธนาคารในเกาหลีใต้
ผลจากความสามารถในการทำกำไรที่ไม่แพ้ธนาคารดั้งเดิมและจำนวนผู้ใช้งานที่เพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว เลยทำให้ KakaoBank สามารถทำกำไรได้เป็นครั้งแรกตั้งแต่ไตรมาส 1 ปี 2019 หรือเพียง 18 เดือนหลังจากเริ่มให้บริการเท่านั้น เร็วกว่าที่คาดการณ์ไว้ว่าอย่างน้อยต้องใช้เวลา 3-5 ปี
ซึ่งความเร็วในการทำกำไรนี้ก็ถือว่าผิดปกติไปจากบริษัทฟินเทคโดยส่วนใหญ่ ที่จะยอมขาดทุนมหาศาล เพื่อทุ่มเงินลงทุนเร่งขยายฐานลูกค้าและพัฒนาเทคโนโลยีก่อน อย่าง Nubank เองก็ยังขาดทุนอยู่ หรือ K Bank จากบริษัท KT Corporation ก็เพิ่งทำกำไรได้เป็นครั้งแรกในไตรมาส 2 ปี 2021 ที่ผ่านมา
ขณะที่ KakaoBank ก็ยังเน้นลงทุนเพื่อขยายฐานลูกค้าและพัฒนาบริการเช่นกัน แต่กำไรยังเติบโตเป็นเท่าตัวได้อย่างต่อเนื่อง อย่างล่าสุด กำไรจากการดำเนินงานในช่วงครึ่งแรกของปี 2021 ก็เติบโต 200% โดยยังคงมีรายได้หลักกว่า 70% มาจากดอกเบี้ย
สิ่งที่ต้องจับตามองต่อจากนี้ นอกจากพัฒนาการของ KakaoBank เอง ก็คือคู่แข่งคนสำคัญอย่าง Toss สตาร์ตอัปยูนิคอร์นด้านฟินเทคแรกของเกาหลีใต้ ที่เริ่มเปิดตัวแอปพลิเคชันโอนเงินบนสมาร์ตโฟนเมื่อปี 2015
โดย Toss Bank เพิ่งได้รับใบอนุญาตเป็นผู้ให้บริการธนาคารดิจิทัลรายที่ 3 ของเกาหลีใต้ ในเดือนกันยายนนี้ แต่จะโฟกัสลูกค้าต่างไปจาก KakaoBank อย่างเช่น ผู้ใช้งานที่อายุน้อยกว่าและเน้นสินเชื่อสำหรับกลุ่มผู้มีคะแนนเครดิตต่ำกว่าค่าเฉลี่ย
และแม้ว่าผลิตภัณฑ์ในกลุ่ม Toss อย่างเช่น บริการชำระเงินและบัญชีซื้อขายหุ้น จะมีฐานลูกค้ารวม 20 ล้านบัญชี แต่เมื่อเทียบกับผู้ใช้งานผลิตภัณฑ์ของอาณาจักร Kakao ที่มีเกือบ 50 ล้านบัญชี หรือเกือบทั้งหมดของประชากรเกาหลีใต้ 51.7 ล้านคน ก็นับว่ายังเป็นเรื่องยากสำหรับ Toss ที่จะชิงฐานลูกค้าไปจาก KakaoBank
และด้วยเรื่องราวทั้งหมดนี้
นั่นจึงทำให้ในเวลาเพียง 4 ปี KakaoBank ได้กลายมาเป็นบริษัทที่มีมูลค่ามากถึง 1.1 ล้านล้านบาท ใหญ่เป็นอันดับ 10 ในเกาหลีใต้ และได้ขึ้นแท่นเป็นบริษัทธนาคารที่ใหญ่ที่สุดในประเทศเกาหลีใต้ ไปแล้วเรียบร้อย..
╔═══════════╗
Blockdit เป็นแพลตฟอร์ม สำหรับนักอ่าน และนักเขียน
ที่มีผู้ใช้งาน 1 ล้านคน ลองใช้แพลตฟอร์มนี้เพื่อได้ไอเดียใหม่ๆ
แล้วอาจพบว่าสังคมนี้เหมาะกับคนเช่นคุณ
Blockdit. Ideas Happen. Blockdit.com/download
╚═══════════╝
ติดตามลงทุนแมนได้ที่
Website - longtunman.com
Blockdit - blockdit.com/longtunman
Facebook - ลงทุนแมน
Twitter - twitter.com/longtunman
Instagram - instagram.com/longtunman
Line - page.line.me/longtunman
YouTube - youtube.com/longtunman
Spotify - open.spotify.com/show/4jz0qVn1AL7tRMHiTvMbZH
Apple Podcasts - podcasts.apple.com/th/podcast/ลงท-นแมน/id1543162829
Soundcloud - soundcloud.com/longtunman
References:
-https://asia.nikkei.com/Business/Finance/South-Korea-digital-lenders-challenge-nation-s-traditional-giants
-https://openknowledge.worldbank.org/bitstream/handle/10986/34701/Digital-Banks-Lessons-from-Korea.pdf?sequence=1&isAllowed=y
-https://uniteconomics.substack.com/p/kakao-bank-worlds-most-profitable
-https://www.theedgemarkets.com/article/cover-story-south-korea-experience-how-kakao-bank-forced-traditional-banks-buck
-https://asianbankingandfinance.net/financial-technology/exclusive/how-kakaobank-successfully-cracked-profitability-code-two-years-after
-https://www.koreatimes.co.kr/www/biz/2019/05/126_269111.html
-http://www.koreaherald.com/view.php?ud=20190618000501
-http://www.koreaherald.com/view.php?ud=20210712000783
-http://www.koreaherald.com/view.php?ud=20210817000968
-http://www.koreaherald.com/view.php?ud=20210805000838
-https://www.kedglobal.com/newsView/ked202106110008
同時也有10000部Youtube影片,追蹤數超過2,910的網紅コバにゃんチャンネル,也在其Youtube影片中提到,...
「kakaopay」的推薦目錄:
- 關於kakaopay 在 ลงทุนแมน Facebook 的精選貼文
- 關於kakaopay 在 Facebook 的最佳解答
- 關於kakaopay 在 ลงทุนแมน Facebook 的最佳貼文
- 關於kakaopay 在 コバにゃんチャンネル Youtube 的精選貼文
- 關於kakaopay 在 大象中醫 Youtube 的最讚貼文
- 關於kakaopay 在 大象中醫 Youtube 的精選貼文
- 關於kakaopay 在 How To Use KakaoPay For Foreigners - YouTube 的評價
- 關於kakaopay 在 카카오페이 - Home 的評價
- 關於kakaopay 在 KakaoPay integration with andcards 的評價
- 關於kakaopay 在 Onboarding kit of kakaopay corp. on Behance - Pinterest 的評價
- 關於kakaopay 在 kakaopay · GitHub Topics 的評價
kakaopay 在 Facebook 的最佳解答
【韓國Kakao時代】
韓國人曾言:「生老病死都離不開三星集團。」但近10年已經變了24小時都離不開「Kakao集團」。
我在10年前去韓國時,韓國觀光局已經叫我下載剛剛推出的《Kakao Talk》,以便跟我的韓國翻譯聯絡。想不到10年過去,這個不起眼的韓國版「WhatsApp+LINE」的通訊軟體,市佔率已經達97%。與港人熟悉的騰訊相比,Kakao更年輕一倍,只有10歲,已經成為跨行業的大財閥;創辦人金範洙也一躍成為韓國首富,超越三星電子老闆李在鎔。
騰訊以即時通訊《QQ》起家,現在已成為亞洲市值最高的上市公司。Kakao也有類似的途徑,只不過舞台就是在南韓!交通方面,騰訊旗下有「滴滴打車」,Kakao也有自己的「Kakao Taxi」;支付平台方面,騰訊有「微信支付」,Kakao就有「Kakao Pay」;至於娛樂事業,前者有華誼騰訊娛樂,後者就有Kakao M,坐擁孔劉、IU等知名韓星。韓國最大數位音樂串流平台《Melon》亦是Kakao旗下,而騰訊則有「QQ音樂」、「酷狗音樂」、「酷我音樂」和「全民K歌」等,還有網漫、購物、媒體等業務。剛上市就成為韓國最大的網銀Kakao Bank,騰訊也是第二大股東。兩大首富金範洙與馬化騰原來一早認識,8年前騰訊已經入股Kakao,現在輪到收成期了。
今日 @AM730 專欄: https://www.am730.com.hk/column/科技/韓國kakao時代-281164
#am730 #遊戲人生 #項明生 #韓國 #KakaoTalk #KakaoBank #Kakao #金範洙 #KakaoTaxi #KakaoPay #Melon #KakaoM #騰訊 #專欄
kakaopay 在 ลงทุนแมน Facebook 的最佳貼文
คิมบอมซู ใช้เวลาแค่ 11 ปี ขึ้นมาเป็นคนรวยสุด ในเกาหลีใต้ /โดย ลงทุนแมน
เมื่อไม่นานมานี้ การจัดอันดับมหาเศรษฐีในประเทศเกาหลีใต้ อ้างอิงจาก Bloomberg Billionaires Index ผลปรากฏว่ามีผู้ที่สามารถแซงทายาท Samsung ขึ้นมาเป็นผู้ที่ร่ำรวยที่สุดในประเทศ นั่นคือ คุณคิมบอมซู
เขาคือผู้ที่สร้างความมั่งคั่งจากการพัฒนา KakaoTalk แอปพลิเคชันแช็ตอันดับ 1 ของเกาหลีใต้ ที่ได้ขยายอาณาจักร Kakao ไปในหลายธุรกิจ จนปัจจุบันเป็นบริษัทที่ใหญ่เป็นอันดับ 4 ของประเทศ ทั้ง ๆ ที่ก่อตั้งบริษัทขึ้นมาได้เพียง 11 ปี
หากเรื่องราวนี้เกิดขึ้นในประเทศอื่นอาจไม่น่าตื่นเต้นสักเท่าไร แต่ไม่ใช่สำหรับในเกาหลีใต้ เพราะประเทศแห่งนี้เรียกได้ว่าเต็มไปด้วยมหาเศรษฐีจากกลุ่มแชโบล ซึ่งส่วนใหญ่ร่ำรวยจากการสืบทอดรับมรดก
แล้วเส้นทางการสร้างความมั่งคั่งด้วยตัวเองของคุณคิมบอมซู เป็นมาอย่างไร ?
ลงทุนแมนจะเล่าให้ฟัง
╔═══════════╗
Blockdit เป็นแพลตฟอร์ม สำหรับนักอ่าน และนักเขียน
ที่มีผู้ใช้งาน 1 ล้านคน ลองใช้แพลตฟอร์มนี้เพื่อได้ไอเดียใหม่ๆ
แล้วอาจพบว่าสังคมนี้เหมาะกับคนเช่นคุณ
Blockdit. Ideas Happen. Blockdit.com/download
╚═══════════╝
แม้ในระยะหลังมานี้ประเทศเกาหลีใต้เริ่มมีมหาเศรษฐีที่สร้างความมั่งคั่งด้วยตัวเองเพิ่มมากขึ้น
แต่ก็ยังคงคิดเป็นสัดส่วนที่น้อย เมื่อเทียบกับประเทศอย่างสหรัฐอเมริกา ญี่ปุ่น หรือจีน
เพราะคนเกาหลีใต้ที่ร่ำรวยส่วนใหญ่ จะมาจากการได้รับมรดก ซึ่งเป็นทายาทกลุ่มธุรกิจขนาดใหญ่
หรือที่เรียกว่าแชโบล อย่างเช่น Samsung, Hyundai, LG และ Lotte
นั่นจึงทำให้การก้าวขึ้นมาเป็นบุคคลที่ร่ำรวยสุดในเกาหลีใต้ของ “คิมบอมซู” ได้รับความสนใจ
คุณคิมบอมซู หรือชื่อเล่นเป็นภาษาอังกฤษว่า Brian Kim คือผู้ก่อตั้งบริษัท Kakao
ผู้พัฒนา KakaoTalk แอปพลิเคชันแช็ตที่ชาวเกาหลีใต้กว่า 3 ใน 4 ใช้งาน
นับตั้งแต่ต้นปี 2021 ราคาหุ้น Kakao ปรับเพิ่มขึ้นกว่า 90% นั่นจึงทำให้ความมั่งคั่งของคุณคิม เพิ่มขึ้นเกือบ 2 แสนล้านบาท มาอยู่ที่ราว 4.5 แสนล้านบาท มากกว่าทรัพย์สินของทายาทรุ่นที่ 3 และรองประธานกรรมการบริหารของ Samsung ที่ชื่อคุณอีแจยง ที่มีทรัพย์สินราว 4.1 แสนล้านบาท
โดยเรื่องราวชีวิตของคุณคิม ก็นับว่าเป็นผู้สร้างความมั่งคั่งด้วยตัวเองมาอย่างแท้จริง
คุณคิมเกิดและเติบโตในกรุงโซล ประเทศเกาหลีใต้ เมื่อปี 1966 โดยเขาเป็นลูกคนที่ 3 จากพี่น้องทั้งหมด 5 คน
ด้วยความที่พ่อแม่ของเขาเรียนจบเพียงระดับประถมศึกษา งานที่ทำจึงมีรายได้ไม่มากนัก พ่อแม่ของเขาจึงต้องทำงานหนัก ทำให้ลูก ๆ ทั้ง 5 คนถูกเลี้ยงดูโดยคุณยายเป็นหลัก ซึ่งสมาชิกทั้ง 8 คนของครอบครัวนี้ อาศัยอยู่ด้วยกันในห้องพักที่มีขนาด 1 ห้องนอน ในย่านยากจนของกรุงโซล
คุณคิมเลยคิดว่าการเรียนเก่งและได้เข้ามหาวิทยาลัยชื่อดัง คือทางเดียวที่จะทำให้ครอบครัวมีฐานะที่ดีขึ้นได้ และเขาก็เป็นเพียงคนเดียวในบรรดาพี่น้อง ที่เรียนต่อมหาวิทยาลัย โดยหาเงินค่าเทอมมาจากการรับสอนพิเศษ
ซึ่งคุณคิมก็สามารถสอบติดมหาวิทยาลัยอันดับ 1 ของประเทศอย่าง Seoul National University ในสาขาวิศวกรรมอุตสาหการได้สำเร็จ ก่อนที่จะเรียนต่อปริญญาโทด้านวิศวกรรมจากมหาวิทยาลัยเดียวกัน
พอเรียนจบ คุณคิมที่ตั้งใจว่าจะเลือกทำงานในที่ที่มีคอมพิวเตอร์ จึงเลือกสมัครเป็นวิศวกรซอฟต์แวร์ที่บริษัท Samsung SDS ในปี 1992
คุณคิมเล็งเห็นถึงการเติบโตและศักยภาพของอินเทอร์เน็ต เขาจึงตัดสินใจลาออกหลังจากทำงานไปได้ 5 ปี เพื่อเปิดร้านอินเทอร์เน็ตคาเฟในปี 1997
พร้อมกับทำซอฟต์แวร์สำหรับผู้ประกอบการอินเทอร์เน็ตคาเฟขาย รวมถึงเริ่มพัฒนาสิ่งที่เขาชอบมากที่สุดอย่าง “เกมออนไลน์”
ผ่านไป 1 ปี คุณคิมก็ได้เปิดบริษัทเกมออนไลน์ที่ชื่อว่า Hangame ในปี 1998 ที่มีจุดเด่นเป็นเกมแนวกาสิโนที่เล่นง่าย และมีภาพกราฟิกคุณภาพสูง ซึ่งก็ได้รับความนิยมอย่างรวดเร็ว
ในระหว่างนั้น เพื่อนร่วมรุ่นสมัยมหาวิทยาลัยและยังเริ่มทำงานที่ Samsung SDS มาพร้อมกัน ที่ชื่อว่า อีแฮจิน ก็ได้พัฒนาและเปิดตัวเว็บไซต์ Naver ในปี 1999 ซึ่งเป็นเว็บพอร์ทัลที่มีเซิร์ชเอ็นจิน คล้ายกับ Yahoo! และ Google
โดย Naver ก็ถูกก่อตั้งขึ้นมาเพื่อมาแข่งกับเว็บพอร์ทัลอันดับ 1 ของเกาหลีใต้ในขณะนั้น ที่ชื่อว่า Daum ซึ่งเปิดตัวก่อน 2 ปี
ทั้งคุณคิมและคุณอี ต่างก็มีเป้าหมายที่คล้ายกัน คือต้องการขับเคลื่อนโลกอินเทอร์เน็ตในประเทศเกาหลีใต้ และบริษัทของทั้งคู่ก็กำลังไปได้สวย พวกเขาจึงตัดสินใจควบรวม Hangame กับ Naver ในปี 2000 และเปลี่ยนชื่อบริษัทเป็น “NHN”
ในปี 2005 คุณคิมเดินทางไปที่ซิลิคอนแวลลีย์ เพื่อเตรียมนำบริษัทเกมขยายไปสู่ตลาดสหรัฐอเมริกา แต่กลายเป็นว่าไม่ประสบความสำเร็จ
ความล้มเหลวในครั้งนี้ บวกกับการอยากลองเริ่มเส้นทางใหม่ของตัวเอง ทำให้คุณคิมตัดสินใจลาออกจาก NHN ในปี 2007
คุณคิมซึ่งในขณะนั้นยังอยู่ที่สหรัฐอเมริกา ได้สร้างทีมขนาดเล็กกับบริษัทสตาร์ตอัปที่ชื่อว่า IWILAB แต่ยังไม่รู้ว่าจะพัฒนาผลิตภัณฑ์อะไรดี
ซึ่งในปี 2007 นี้เอง บริษัท Apple ก็ได้แนะนำให้โลกได้รู้จักกับ iPhone เป็นครั้งแรก คุณคิมตื่นเต้นกับสิ่งนี้มาก และเมื่อเขาได้ซื้อมาลองใช้ เขาก็รู้เลยว่านี่คือสิ่งที่จะเปลี่ยนโลกไปตลอดกาล
และนั่นก็ทำให้คุณคิมตัดสินใจพาทีม IWILAB กลับมาที่เกาหลีใต้ เพื่อเริ่มคิดค้นและพัฒนาแอปพลิเคชันใน iPhone ก่อนที่ iPhone จะเริ่มวางขายที่เกาหลีใต้ในอีก 2 ปีถัดมา
คำถามสำคัญก็คือว่า พวกเขาจะพัฒนาแอปพลิเคชันอะไรดี
ทีมงานระดมความคิดและได้ข้อสรุปว่า แก่นของสมาร์ตโฟนก็คือการสื่อสาร พวกเขาจึงแบ่งทีมงานออกเป็น 3 กลุ่ม เพื่อลองพัฒนาแอปพลิเคชันที่เกี่ยวกับการให้บริการข้อความ ในแบบที่แตกต่างกัน ซึ่งก็ได้แก่
KakaoTalk แอปพลิเคชันแช็ตแบบระหว่างบุคคล
KakaoAgit แอปพลิเคชันการสนทนาแบบกลุ่ม
KakaoSuda แอปพลิเคชันโซเชียลเน็ตเวิร์ก
หลังจากทดลองแอปพลิเคชันทั้งหมดนี้ไป 2 เดือน ผลสรุปคือ “KakaoTalk” มีจำนวนผู้ใช้งานมากที่สุด
ในช่วงเวลานั้น WhatsApp ที่เพิ่งเปิดตัวในปี 2009 ที่สหรัฐอเมริกา ก็ได้รับความนิยมอย่างรวดเร็ว
เรื่องดังกล่าวจึงยิ่งทำให้คุณคิม มั่นใจว่าผลิตภัณฑ์แรกของเขาควรเป็นแอปพลิเคชันแช็ต
และในเดือนพฤศจิกายน ปี 2009 iPhone ก็ได้เริ่มวางขายในประเทศเกาหลีใต้
ซึ่ง KakaoTalk ก็สามารถพัฒนาได้ทัน จนพร้อมเปิดตัวในอีก 4 เดือนหลังจากนั้น
หลังจากเปิดตัวในเดือนมีนาคม ปี 2010 KakaoTalk ก็มีผู้ใช้งานแตะ 10 ล้านคนภายในปีแรก
หรือคิดเป็นเกือบ 20% ของจำนวนประชากรเกาหลีใต้ในขณะนั้น
การเติบโตอย่างรวดเร็วของ KakaoTalk มีส่วนสำคัญจากการให้บริการฟรี ไม่ต้องเสียค่าบริการส่งข้อความเหมือน SMS หรือแม้แต่แอปพลิเคชันแช็ตคู่แข่งอย่าง WhatsApp ก็ยังมีการคิดค่าธรรมเนียมรายปี 0.99 ดอลลาร์สหรัฐในสมัยนั้น
ความสำเร็จของ KakaoTalk ในเกาหลีใต้ ก็ได้ทำให้บริษัทที่คุณคิมเคยร่วมก่อตั้งมาอย่าง NHN เริ่มเล็งเห็นถึงพลังของแอปพลิเคชันแช็ต
NHN จึงเริ่มพัฒนาแอปพลิเคชันแช็ตที่ชื่อว่า LINE แต่แทนที่จะโฟกัสในเกาหลีใต้ ซึ่งต้องเริ่มต้นจากการตามหลัง KakaoTalk ทาง NHN จึงทุ่มเทศึกษาตลาดในประเทศเพื่อนบ้านอย่างญี่ปุ่นแทน
แม้ว่า KakaoTalk ก็เลือกเจาะตลาดที่นั่นด้วยเช่นกัน แต่กลับกลายเป็นว่าการใช้กลยุทธ์การส่งข้อความฟรีแบบในเกาหลีใต้ ไม่ประสบความสำเร็จในประเทศญี่ปุ่น นั่นก็เพราะว่าคนญี่ปุ่นยังนิยมส่งข้อความกันด้วยอีเมลซึ่งฟรีอยู่แล้ว
ในขณะเดียวกัน NHN ที่ได้ศึกษาพฤติกรรมชาวญี่ปุ่นมาก่อน จึงเลือกจุดขายให้กับ LINE ที่เปิดตัวในปี 2011 ด้วยฟังก์ชัน โทรออนไลน์แบบไม่เสียเงิน LINE จึงกลายเป็นผู้ชนะสงครามแอปพลิเคชันแช็ตที่ประเทศแห่งนี้
KakaoTalk ที่เจาะตลาดญี่ปุ่นไม่สำเร็จ ก็หันมาตั้งความหวังไว้กับประเทศจีนแทน
ซึ่งก็ดูมีโอกาสเป็นไปได้สูง เพราะหนึ่งในผู้ลงทุนหลักของ KakaoTalk ก็คือ Tencent
แต่กลายเป็นว่า ระหว่างนั้นทาง Tencent ก็เปิดตัวแอปพลิเคชันแช็ตของตัวเองชื่อ WeChat ในปี 2011 เช่นกัน KakaoTalk จึงต้องผิดหวังอีกครั้ง
ฝั่ง NHN ก็กำลังเติบโตได้อย่างต่อเนื่อง เพราะนอกจากจะเอาชนะ KakaoTalk ในญี่ปุ่นได้แล้ว
เว็บไซต์ Naver ยังสามารถเอาชนะ Daum จนกลายเป็นเว็บพอร์ทัลอันดับ 1 ของเกาหลีใต้
และเพื่อต้องการขยายธุรกิจให้เติบโตขึ้นไปอีก ในปี 2013 NHN จึงแยกบริษัทออกเป็น บริษัทเกมออนไลน์โดยใช้ชื่อเดิมว่า NHN และบริษัทเว็บพอร์ทัลรวมถึงบริการดิจิทัลอื่นที่ใช้ชื่อว่า Naver ซึ่งมี LINE เป็นบริษัทในเครือ
ส่วน KakaoTalk ที่บุกตลาดต่างประเทศไม่สำเร็จ ก็กลับมาโฟกัสการเติบโตในประเทศเกาหลีใต้อีกครั้ง
ซึ่งนี่เป็นจุดเปลี่ยนสำคัญ ที่ทำให้ Kakao เติบโตอย่างก้าวกระโดดในเกาหลีใต้..
KakaoTalk ซึ่งเป็นแอปพลิเคชันแช็ตอันดับ 1 ในเกาหลีใต้ ได้ตัดสินใจควบรวมกิจการกับ Daum
เว็บพอร์ทัลอันดับ 2 ในปี 2014 และใช้ชื่อบริษัทว่า Daum Kakao ก่อนเปลี่ยนมาเป็น Kakao
และนี่คือจุดเริ่มต้นที่ Kakao กับ Naver กลายมาเป็นคู่แข่งกันในทุกประเภทผลิตภัณฑ์มาจนถึงปัจจุบัน
ซึ่งส่วนใหญ่ Kakao ก็มักจะเป็นผู้ริเริ่มในหลายบริการ จนมีผู้ใช้งานมากที่สุดในเกาหลีใต้ ยกตัวอย่างเช่น
ปี 2014 เปิดตัว KakaoPay กระเป๋าเงินดิจิทัลที่ผูกกับบัญชีใน KakaoTalk
ปี 2015 เปิดตัว KakaoTaxi แอปพลิเคชันเรียกรถแท็กซี่ ที่ภายหลังเปลี่ยนชื่อเป็น KakaoT
ปี 2016 เปิดตัว KakaoMap ที่พัฒนาต่อจาก Daum Map และให้บริการแผนที่ 3 มิติเจ้าแรกของประเทศ
ปี 2017 เปิดตัว KakaoBank ธนาคารดิจิทัล ซึ่งสามารถทำกำไรได้ภายใน 2 ปี
นอกจากนี้ Kakao ก็ยังขยายบริการไปในกลุ่มสื่อบันเทิง อย่างเช่น KakaoGame และ KakaoPage
ที่มีเว็บตูน ซึ่งก็ได้ควบรวมกับ KakaoM และเปลี่ยนชื่อเป็น Kakao Entertainment
โดย KakaoM ยังเป็นเจ้าของ Melon แพลตฟอร์มสตรีมเพลงออนไลน์ที่มีผู้ใช้งานมากที่สุดในประเทศ
รวมถึงค่ายเพลง เช่น EDAM ที่เป็นต้นสังกัดของศิลปินหญิงเดี่ยว IU และบริษัทต้นสังกัดนักแสดงชื่อดังอีกมากมาย เช่น Management SOOP ต้นสังกัดของพระเอกกงยู
บริการทั้งหมดในเครือ Kakao จึงเกี่ยวข้องกับชีวิตประจำวันของชาวเกาหลีใต้แทบจะทุกลมหายใจ
ถึงขนาดที่ว่าใครที่ต้องไปใช้ชีวิตในเกาหลีใต้ ถ้าไม่มี Kakao จะลำบากมาก..
ในปีนี้ Kakao ก็เตรียมนำ KakaoBank และ KakaoPay จดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์เกาหลีใต้ ต่อจาก KakaoGame ที่เพิ่งเข้าตลาดไปเมื่อปลายปี 2020
รวมถึงยังมีแผนจะนำบริษัทย่อยอื่นจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์เช่นกัน ซึ่งก็จะยิ่งทำให้ความมั่งคั่งของคุณคิมเพิ่มขึ้นได้อย่างรวดเร็ว
ปัจจุบันคุณคิมในวัย 55 ปี เป็นประธานกรรมการ Kakao และถือหุ้นในกลุ่ม Kakao รวมกว่า 24%
ซึ่งคุณคิมก็ได้ผันตัวมาทุ่มเทเวลาและเงินไปกับการเป็นผู้ให้มากขึ้น ทั้งการลงทุนและสนับสนุนสตาร์ตอัปรุ่นใหม่ผ่านการก่อตั้ง Venture Capital รวมถึงการบริจาคเงินเพื่อการกุศลจำนวนมาก
ทั้งหมดนี้ก็คือเรื่องราวการสร้างตัวของคุณคิมบอมซู ที่นับว่ามีไม่มากนักในประเทศเกาหลีใต้
ทำให้ปัจจุบัน คุณคิมนอกจากจะขึ้นแท่นเป็นมหาเศรษฐีที่รวยที่สุดในประเทศเกาหลีใต้แล้ว
เขายังได้กลายเป็นอีกหนึ่งในบุคคลต้นแบบ ที่ก่อร่างสร้างความสำเร็จด้วยฝีมือ ของตัวเอง..
╔═══════════╗
Blockdit เป็นแพลตฟอร์ม สำหรับนักอ่าน และนักเขียน
ที่มีผู้ใช้งาน 1 ล้านคน ลองใช้แพลตฟอร์มนี้เพื่อได้ไอเดียใหม่ๆ
แล้วอาจพบว่าสังคมนี้เหมาะกับคนเช่นคุณ
Blockdit. Ideas Happen. Blockdit.com/download
╚═══════════╝
ติดตามลงทุนแมนได้ที่
Website - longtunman.com
Blockdit - blockdit.com/longtunman
Facebook - ลงทุนแมน
Twitter - twitter.com/longtunman
Instagram - instagram.com/longtunman
Line - page.line.me/longtunman
YouTube - youtube.com/longtunman
Spotify - open.spotify.com/show/4jz0qVn1AL7tRMHiTvMbZH
Apple Podcasts - podcasts.apple.com/th/podcast/ลงท-นแมน/id1543162829
Soundcloud - soundcloud.com/longtunman
References:
-https://www.bloomberg.com/news/articles/2021-07-29/tycoon-s-6-billion-surge-unseats-samsung-heir-as-richest-korean
-https://www.ft.com/content/1c3fbdb6-9f1d-11e5-85ae-8fa46274f224
-http://m.theinvestor.co.kr/view.php?ud=20160905000937
-https://charactermedia.com/how-kakaotalk-founder-became-skoreas-rarest-billionaire/
-http://m.koreaherald.com/view.php?ud=20160628000667
-https://www.forbes.com/sites/davidyin/2013/08/08/korean-internet-company-nhn-splits-to-battle-kakao/?sh=1abac598227b
-https://www.forbes.com/sites/ryanmac/2015/03/02/kakaotalk-billionaire-brian-kim-mobile-messaging-global-competition/?sh=35832f46fdd3
kakaopay 在 コバにゃんチャンネル Youtube 的精選貼文
kakaopay 在 大象中醫 Youtube 的最讚貼文
kakaopay 在 大象中醫 Youtube 的精選貼文
kakaopay 在 카카오페이 - Home 的推薦與評價
https://www.kakaopay.com/news/notice_detail?id=2025&page=1. May be an image of one or more people, flower and text that says '. 24 Likes. ... <看更多>
kakaopay 在 KakaoPay integration with andcards 的推薦與評價
Use KakaoPay to instantly acquire debit or credit cards right inside your coworking space app. Learn how to do it with KakaoPay - andcards integration. ... <看更多>
kakaopay 在 How To Use KakaoPay For Foreigners - YouTube 的推薦與評價
This video is a full guide on how to use KakaoPay (Korean Paypal), which is a useful Korean app part of the Kakao family to send and receive ... ... <看更多>