รู้จัก “รูเพิร์ต เมอร์ด็อก” เจ้าพ่อแห่งวงการสื่อโลก /โดย ลงทุนแมน
รูเพิร์ต เมอร์ด็อก ชายที่ครองความยิ่งใหญ่ในวงการสื่อมานานหลายทศวรรษ
เรื่องราวของชายคนนี้เริ่มต้นจากธุรกิจหนังสือพิมพ์เล็กๆ ในประเทศออสเตรเลีย
ก่อนจะก้าวออกไปลงทุนซื้อกิจการสื่อชื่อดังมากมายทั่วโลก
รวมทั้งยังเกือบจะได้เป็นเจ้าของสโมสรฟุตบอล แมนเชสเตอร์ยูไนเต็ด อีกด้วย
เรื่องราวของชายคนนี้เป็นอย่างไร
อาณาจักรของเขามีอะไรบ้าง?
ลงทุนแมนจะเล่าให้ฟัง
╔═══════════╗
Blockdit เป็นแพลตฟอร์ม สำหรับนักอ่าน และนักเขียน
ที่มีผู้ใช้งาน 1 ล้านคน ลองใช้แพลตฟอร์มนี้เพื่อได้ไอเดียใหม่ๆ
แล้วอาจพบว่าสังคมนี้เหมาะกับคนเช่นคุณ
Blockdit. Ideas Happen. Blockdit.com/download
╚═══════════╝
รูเพิร์ต เมอร์ด็อก (Rupert Murdoch) เกิดเมื่อปี ค.ศ. 1931 ปัจจุบันมีอายุ 89 ปี
โดยเขาเป็นชาวออสเตรเลีย ที่ภายหลังเปลี่ยนสัญชาติเป็นอเมริกัน
พ่อของเมอร์ด็อกเป็นอดีตผู้สื่อข่าวที่หันมาเปิดบริษัทหนังสือพิมพ์ประจำท้องถิ่น จึงทำให้เขาคลุกคลีอยู่กับธุรกิจสื่อมาตั้งแต่เยาว์วัย
เมื่ออายุได้ 22 ปี เมอร์ด็อก ได้รับช่วงต่อกิจการจากคุณพ่อ และเปลี่ยนรูปแบบการนำเสนอข่าวใหม่โดยมุ่งเน้นเรื่องแนวอื้อฉาว ประเด็นที่กำลังเป็นที่สนใจในสังคม รวมทั้งพาดหัวข่าวด้วยข้อความชวนสงสัยน่าติดตาม
วิธีดังกล่าวดึงดูดความสนใจของผู้อ่านได้ดีมาก โดยเฉพาะในยุคที่โลกยังไม่มีอินเทอร์เน็ตไว้ค้นหาข้อมูล จึงส่งผลให้ยอดขายหนังสือพิมพ์ของเขาเติบโตอย่างรวดเร็ว
ต่อมา เมอร์ด็อก เริ่มขยายธุรกิจไปในตลาดที่ใหญ่ขึ้น โดยก่อตั้งหนังสือพิมพ์ฉบับใหม่ชื่อว่า “The Australian” ซึ่งมีการวางขายไปทั่วประเทศออสเตรเลีย
รวมทั้งเข้าซื้อกิจการหนังสือพิมพ์รายอื่นๆ ที่ตีพิมพ์ในออสเตรเลีย เช่น The Daily Telegraph, The Daily Mirror, The Sunday Times
เมื่อประสบความสําเร็จในบ้านเกิดพอสมควรแล้ว
เป้าหมายถัดไปของเมอร์ด็อก คือ การบุกตลาดต่างประเทศ
ตั้งแต่ช่วงทศวรรษ 1960 บริษัทของเขาได้ซื้อกิจการหนังสือพิมพ์ชื่อดังหลายแห่งในประเทศอังกฤษ เช่น News of the World, The Sun, The London Times
เมอร์ด็อก นำนโยบายที่เน้นเสนอข่าวอื้อฉาว มาปรับใช้กับหนังสือพิมพ์เหล่านี้ด้วย ซึ่งส่งผลให้ยอดขายแต่ละฉบับ พุ่งขึ้นมาเป็นอันดับต้นๆ ของอังกฤษ
นอกเหนือจากสื่อสิ่งพิมพ์ เมอร์ด็อก ยังมีการลงทุนในสื่ออีกประเภทด้วย นั่นคือ สถานีโทรทัศน์
ในปี 1988 เขาก่อตั้งบริษัท Sky Television ซึ่งถือเป็นทีวีช่องแรกๆ ของอังกฤษ ที่มีการรายงานข่าวสารตลอด 24 ชั่วโมง
และสิ่งที่ทำให้ Sky Television ได้รับความนิยมสูงมาก คือ การชนะประมูลลิขสิทธิ์ถ่ายทอดสดการแข่งขันฟุตบอลพรีเมียร์ลีก เป็นครั้งแรกเมื่อปี 1992
อีกประเทศที่ เมอร์ด็อก เข้าไปดำเนินธุรกิจ คือ สหรัฐอเมริกา
เขาได้ก่อตั้ง Holding Company ที่ชื่อว่า News Corporation เพื่อลงทุนในธุรกิจสื่อต่างๆ เช่น หนังสือพิมพ์ The New York Post, บริษัท Dow Jones & Company ซึ่งเป็นเจ้าของนิตยสาร The Wall Street Journal
รวมทั้งซื้อกิจการค่ายภาพยนตร์ 20th Century Fox ด้วยเงินมูลค่ากว่า 18,000 ล้านบาท
ซึ่งเมอร์ด็อกได้นำชื่อแบรนด์ Fox มาต่อยอดเป็นธุรกิจสถานีโทรทัศน์ข่าวและรายการต่างๆ จนสามารถก้าวขึ้นมาเป็นหนึ่งในช่องทีวีเรตติ้งสูงของสหรัฐฯ ได้สำเร็จ
และในปี 2019 ที่ผ่านมา News Corp. ก็ทำกำไรมหาศาล จากการตกลงขายสินทรัพย์ส่วนใหญ่ของ Fox ให้กับ The Walt Disney ในราคาสูงถึง 2.2 ล้านล้านบาท
ซึ่งคอนเทนต์สำคัญที่รวมอยู่ในดีลครั้งนี้ ประกอบไปด้วย ภาพยนตร์ X-Men และ Avatar, การ์ตูน The Simpsons, ช่องสารคดี National Geographic, แพลตฟอร์มวิดีโอสตรีมมิง Hulu
ส่วนธุรกิจเกี่ยวกับข่าว ยังคงอยู่กับ News Corp. ต่อไป
อ่านถึงตรงนี้ เราอาจเห็นเมอร์ด็อกประสบความสําเร็จในธุรกิจสื่อมาอย่างต่อเนื่อง แต่จริงๆ แล้ว เขาก็มีการลงทุนที่ล้มเหลวเช่นกัน
ในปี 2005 บริษัท New Corp. เข้าซื้อแพลตฟอร์มโซเชียลเน็ตเวิร์ก Myspace ด้วยเงินสูงถึง 18,000 ล้านบาท เพื่อรองรับพฤติกรรมการเสพสื่อบนโลกออนไลน์
แต่หลังจากนั้นไม่นาน ก็มีแพลตฟอร์มที่ได้รับความนิยมสูงกว่าอย่าง Facebook เข้ามาแทนที่ ซึ่งสุดท้ายแล้ว เมอร์ด็อก ก็ต้องยอมขายหุ้นส่วน Myspace ทั้งหมดที่ซื้อมาออกไปในราคาเพียง 1,100 ล้านบาท
อย่างไรก็ตาม News Corp. ก็ถือเป็นบริษัทสื่อที่มีเครือข่ายขนาดใหญ่ของโลก โดยในช่วงปี 2000 เคยมีธุรกิจอยู่ภายใต้การบริหารกว่า 800 บริษัท ใน 50 ประเทศ
ทั้งหมดที่ว่ามานี้ จึงทำให้ เมอร์ด็อก มีอิทธิพลสูงต่อทั้งอุตสาหกรรมสื่อ จึงมักจะถูกวิพากษ์วิจารณ์อยู่บ่อยครั้งว่า หนังสือพิมพ์และรายการทีวีของเขา นำเสนอข้อมูลเพื่อผลประโยชน์ของฝ่ายใดฝ่ายหนึ่ง
ทั้งนี้ จากการประเมินทรัพย์สินล่าสุด โดย Forbes
รูเพิร์ต เมอร์ด็อก และครอบครัว มีทรัพย์สินอยู่ที่ประมาณ 467,000 ล้านบาท
ซึ่งร่ำรวยเป็นอันดับที่ 68 ของโลก
นอกจากนั้น มูลค่าทรัพย์สินดังกล่าว ยังสูงเป็นอันดับ 3 ของบุคคลในกลุ่มธุรกิจสื่อ
เป็นรองเพียงแค่ ไมเคิล บลูมเบิร์ก เจ้าของ Bloomberg และ เดวิด ทอมสัน เจ้าของ Thomson Reuters เท่านั้น
ปิดท้ายด้วยเรื่องที่น่าสนใจ
ในปี 1998 บริษัท Sky ของ รูเพิร์ต เมอร์ด็อก เคยยื่นข้อเสนอเพื่อซื้อสโมสรฟุตบอล “แมนเชสเตอร์ยูไนเต็ด” (แมนยู) ด้วยมูลค่า 623 ล้านปอนด์ หรือราว 37,000 ล้านบาท (คำนวณจากค่าเงิน เดือนธันวาคม 1998 ซึ่ง 1 ปอนด์ เท่ากับ 60 บาท)
ซึ่งตอนนั้น แมนยู ได้ตอบตกลงขายหุ้นให้กับ Sky แล้ว
แต่สุดท้ายคณะกรรมการแข่งขันทางการค้าของอังกฤษ มีคำสั่งให้ระงับการซื้อขาย เพราะมองว่าสถานีโทรทัศน์ Sky Television จะผูกขาดตลาดฟุตบอลพรีเมียร์ลีกมากเกินไปหากบรรลุดีลนี้ และอาจก่อให้เกิดผลประโยชน์ทับซ้อน
เรื่องนี้ทำให้ รูเพิร์ต เมอร์ด็อก ไม่ได้เป็นเจ้าของสโมสรแมนเชสเตอร์ยูไนเต็ด
และเขาคงเสียดายโอกาสไม่น้อย
เพราะอีกไม่กี่เดือนถัดมา..
แมนยูก็สร้างประวัติศาสตร์ คว้าแชมป์พรีเมียร์ลีก, เอฟเอคัพ และยูฟ่าแชมเปียนส์ลีก ภายในฤดูกาลเดียว
อย่างไรก็ตามถ้า รูเพิร์ต เมอร์ด็อก เห็นฟอร์มของทีมแมนยูในปัจจุบัน
ก็อาจจะไม่เสียดายแล้ว ก็เป็นได้..
╔═══════════╗
Blockdit เป็นแพลตฟอร์ม สำหรับนักอ่าน และนักเขียน
ที่มีผู้ใช้งาน 1 ล้านคน ลองใช้แพลตฟอร์มนี้เพื่อได้ไอเดียใหม่ๆ
แล้วอาจพบว่าสังคมนี้เหมาะกับคนเช่นคุณ
Blockdit. Ideas Happen. Blockdit.com/download
╚═══════════╝
ติดตามลงทุนแมนได้ที่
Website - longtunman.com
Blockdit - blockdit.com/longtunman
Facebook - ลงทุนแมน
Twitter - twitter.com/longtunman
Instagram - instagram.com/longtunman
Line - page.line.me/longtunman
YouTube - youtube.com/longtunman
References
-https://www.investopedia.com/articles/investing/083115/how-rupert-murdoch-became-media-tycoon.asp
-https://www.businessinsider.com/rupert-murdoch-wife-net-worth-family-news-corp-companies-2019-2
-https://en.wikipedia.org/wiki/Rupert_Murdoch
-https://www.forbes.com/billionaires/
-https://uk.sports.yahoo.com/news/rupert-murdoch-manchester-united-bskyb-080000242.html
reuters wiki 在 ลงทุนแมน Facebook 的最讚貼文
ผลผลิตไวน์ กำลังลดลงเรื่อยๆ /โดย ลงทุนแมน
ไวน์เป็นเครื่องดื่มที่มีความผูกพันกับวัฒนธรรมตะวันตกอย่างเหนียวแน่น
ตั้งแต่ศาสนา การเมือง สังคม ไปจนถึงการรักษาพยาบาล
ชาวโรมันนับถือเทพแห่งไวน์
ไวน์ คือ สัญลักษณ์แทนพระโลหิตของพระเยซูตามความเชื่อของศาสนาคริสต์
ทหารในสงครามนโปเลียนใช้ไวน์ความเข้มข้นสูงฆ่าเชื้อบริเวณบาดแผล
ไวน์ถูกจัดเป็นสัญลักษณ์ของความหรูหรามาช้านาน
แม้แต่ในปัจจุบัน
ความนิยมไวน์ก็ถูกเผยแพร่มาถึงโลกตะวันออกผ่านการเจรจาธุรกิจ
นับได้ว่า ประวัติศาสตร์ตะวันตกมีเครื่องดื่มชนิดนี้เป็นผู้อยู่เบื้องหลัง
สุภาษิตโรมันได้กล่าวไว้ว่า
“In vino veritas”
ซึ่งแปลว่า ในไวน์มีความจริงซ่อนอยู่..
╔═══════════╗
Blockdit แหล่งรวมบทความวิเคราะห์
เจาะลึกแบบ deep content
ล่าสุดมีฟีเจอร์พอดแคสต์แล้ว
Blockdit.com/download
╚═══════════╝
แต่ไม่ว่าในไวน์จะซ่อนความจริงอะไรไว้
ความจริงที่น่าสนใจก็คือ
ผลผลิตของไวน์ทั่วโลกกำลังมีแนวโน้มลดลงเรื่อยๆ
เกิดอะไรขึ้นกับเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ที่มีตำนานยาวนานที่สุดของมนุษยชาติ?
ลงทุนแมนจะเล่าให้ฟัง
วัตถุดิบที่สำคัญที่สุดของไวน์จะเป็นอะไรไปไม่ได้เลยนอกจาก “องุ่น”
การหมักองุ่นด้วยยีสต์ จะทำให้ยีสต์กินน้ำตาลในองุ่น แล้วเปลี่ยนเป็นเอทิลแอลกอฮอล์
แม้ทุกวันนี้จะมีการปลูกองุ่นได้ทั่วโลก
แต่องุ่นชั้นดีนั้นต้องเป็นพืชท้องถิ่นของบริเวณที่มี “ภูมิอากาศแบบเมดิเตอร์เรเนียน”
แล้วภูมิอากาศแบบเมดิเตอร์เรเนียน คืออะไร?
หากลองกางแผนที่ภูมิศาสตร์โลก จะพบบริเวณๆ หนึ่ง
ที่อยู่กึ่งกลางระหว่างทะเลทรายที่แห้งแล้ง กับป่าเขตอบอุ่นที่มีฝนตกชุก
ส่งผลให้บริเวณนี้ ในฤดูร้อนมีอากาศแห้งแล้งและแดดจัด แต่มีฝนตกและชุ่มชื้นในฤดูหนาว
ภูมิอากาศแบบนี้จะพบได้รอบทะเลเมดิเตอร์เรเนียน ซึ่งอยู่ระหว่างทะเลทรายสะฮารา กับป่าเขตอบอุ่นของยุโรป ภายหลังจึงนำชื่อทะเลมาตั้งเป็นชื่อของลักษณะภูมิอากาศ
องุ่น ซึ่งเป็นพืชที่ชอบแสงแดดจัด และต้องการความชื้นแบบพอดีๆ จึงเติบโตได้ดี
ประเทศที่มีภูมิอากาศแบบเมดิเตอร์เรเนียนจึงกลายเป็นแหล่งผลิตไวน์ที่สำคัญของโลก
ทั้งอิตาลี ฝรั่งเศส สเปน และโปรตุเกส ไวน์ที่ผลิตจากดินแดนแถบนี้จะถูกเรียกว่า
“ไวน์โลกเก่า”
ต่อมาในราวศตวรรษที่ 15-16 เมื่อชาวยุโรปออกเดินเรือไปทั่วโลก
ค้นพบดินแดนแห่งใหม่ ยึดครองดินแดนเหล่านั้นเป็นอาณานิคม แล้วเรียกว่า “โลกใหม่”
เวลาต่อมาก็ค้นพบว่า ดินแดนหลายแห่งในโลกใหม่
มีภูมิอากาศคล้ายรอบทะเลเมดิเตอร์เรเนียน..
แถบแคลิฟอร์เนียของสหรัฐอเมริกา
ตอนกลางของชิลีและอาร์เจนตินา
ชายฝั่งตอนใต้ของแอฟริกาใต้
ชายฝั่งตะวันตกและตอนใต้ของออสเตรเลีย
ชาวยุโรปที่อพยพไปตั้งรกราก ได้นำองุ่น และวิถีชีวิตการทำไวน์มายังดินแดนใหม่นี้ด้วย
ไวน์ที่ผลิตจากดินแดนเหล่านี้จึงถูกเรียกว่า “ไวน์โลกใหม่”
5 ประเทศที่ผลิตไวน์มากที่สุดในโลก ในปี 2018
อันดับ 1 อิตาลี คิดเป็นสัดส่วน 19%
อันดับ 2 ฝรั่งเศส คิดเป็นสัดส่วน 17%
อันดับ 3 สเปน คิดเป็นสัดส่ดส่วน 15%
อันดับ 4 สหรัฐอเมริกา คิดเป็นสัดส่วน 8%
อันดับ 5 อาร์เจนตินา คิดเป็นสัดส่วน 5%
จะเห็นได้ว่า ประเทศที่ผลิต “ไวน์โลกเก่า” 3 อันดับแรก
ยังคงมีบทบาทสำคัญต่อผลผลิตไวน์ของโลก คิดเป็นสัดส่วนถึง 51%
แต่ไม่ว่าจะเป็นไวน์โลกเก่าหรือไวน์โลกใหม่
เวลานี้ แหล่งผลิตไวน์สำคัญกำลังประสบปัญหา
ปี 2018 ทั่วโลกผลิตไวน์ได้ 29,200 ล้านลิตร
ปี 2019 ทั่วโลกผลิตไวน์ได้ 26,300 ล้านลิตร
หรือคิดเป็นอัตราลดลง 10%
โดยมีปัจจัยที่สำคัญมาจาก “ภาวะโลกร้อน”
ที่ส่งผลให้ประเทศที่มีภูมิอากาศแบบเมดิเตอร์เรเนียน มีสภาพอากาศเปลี่ยนแปลงอย่างหนัก
ภาวะโลกร้อน ทำให้อุณหภูมิเฉลี่ยสูงขึ้น
ในฤดูร้อน อากาศจะร้อนและแห้งแล้งมากกว่าเดิม
ในขณะที่ฝนก็จะตกหนักและอากาศหนาวกว่าเดิมในฤดูหนาว
ปัจจัยเหล่านี้ ล้วนทำลายการเจริญเติบโตของต้นองุ่น
ในทวีปยุโรป ผลผลิตไวน์ในปี 2019 ของอิตาลีและฝรั่งเศสลดลง 15%
ส่วนผลผลิตของสเปนลดลงมากถึง 24%
ส่วนผลผลิตไวน์ในทวีปอื่นๆ
สหรัฐอเมริกา ลดลง 1%
ออสเตรเลีย ลดลง 3%
ชิลี ลดลง 7%
แอฟริกาใต้ ลดลง 9%
และอาร์เจนตินา ลดลง 10%
มูลนิธิ Thomson Reuters ได้คาดการณ์ว่า
หากภาวะโลกร้อนยังคงทำให้อุณหภูมิโลกสูงขึ้นอย่างต่อเนื่อง ผลผลิตขององุ่นจะลดลงเรื่อยๆ
หากอุณหภูมิเฉลี่ยของโลกสูงขึ้นอีก 2 องศาเซลเซียส ผลผลิตองุ่นจะลดลง 24%
และหากอุณหภูมิเฉลี่ยของโลกสูงขึ้นอีก 3 องศาเซลเซียส ผลผลิตองุ่นจะลดลง 56%
การเปลี่ยนแปลงของสภาพอากาศยังทำให้เกิดไฟป่าลุกลามในหลายพื้นที่
โดยเฉพาะในออสเตรเลีย
ต้นปี 2020 ไฟป่าได้สร้างความเสียหายให้กับไร่องุ่นหลายแห่ง
โดยเฉพาะในรัฐนิวเซาท์เวลส์
คาดว่าไฟป่าจะส่งผลกระทบต่ออุตสาหกรรมไวน์ในรัฐแห่งนี้ คิดเป็นมูลค่าถึง 2,000 ล้านบาท
นอกจากการเปลี่ยนแปลงของสภาพอากาศแล้ว
ศัตรูของไวน์ยังมีอีกสิ่งหนึ่งที่มองไม่เห็นด้วยตาเปล่า..
การระบาดของโควิด-19 ในทวีปยุโรป โดยเฉพาะอิตาลี สเปน และฝรั่งเศส
และลุกลามไปถึงสหรัฐอเมริกา ชิลี อาร์เจนตินา ออสเตรเลีย และแอฟริกาใต้
ประเทศผู้ผลิตไวน์ชั้นนำล้วนประสบการระบาดอย่างหนัก
หลายพื้นที่มีการสั่งปิดเมือง ปิดการเดินทางของผู้คน
ทำให้เกษตรกรจำนวนมากไม่สามารถเดินทางออกมาทำการเกษตรได้
องุ่นเป็นพืชที่ค่อนข้างอ่อนแอต่อโรคและแมลง ผู้เพาะปลูกต้องดูแลและประคบประหงมอย่างใกล้ชิด การปล่อยปละละเลยอาจทำให้องุ่นติดโรคและให้ผลผลิตน้อยลง
จึงเป็นไปได้ว่า ปี 2020 จะเป็นอีกปีที่ผลผลิตไวน์ลดลงเรื่อยๆ
เครื่องดื่มที่ขับเคลื่อนประวัติศาสตร์โลกตะวันตกกำลังประสบวิกฤติครั้งสำคัญที่สุด
ในประวัติศาสตร์
โดยที่ไม่เคยมีใครคาดคิดว่า นอกจากสภาพอากาศแล้ว
ศัตรูของเครื่องดื่มแอลกอฮอล์
จะเป็นสิ่งที่ถูกทำลายได้ด้วยแอลกอฮอล์นั่นเอง..
╔═══════════╗
Blockdit แหล่งรวมบทความวิเคราะห์
เจาะลึกแบบ deep content
ล่าสุดมีฟีเจอร์พอดแคสต์แล้ว
Blockdit.com/download
╚═══════════╝
ติดตามลงทุนแมนได้ที่
Website - longtunman.com
Blockdit - blockdit.com/longtunman
Facebook - ลงทุนแมน
Twitter - twitter.com/longtunman
Instagram - instagram.com/longtunman
Line - page.line.me/longtunman
YouTube - youtube.com/longtunman
References
-https://www.bkwine.com/features/more/world-wine-production-reaches-record-level-2018-consumption-stable/
-https://en.wikipedia.org/wiki/Mediterranean_climate
-http://www.oiv.int/public/medias/7046/en-oiv-press-release-2019-wine-production-first-estimations.pdf
-https://www.weforum.org/agenda/2020/01/grape-varieties-climate-change-wine-industry/
-https://www.abc.net.au/news/rural/2020-02-28/fire-and-smoke-costs-wine-industry-40-million-dollars/11972450
reuters wiki 在 อ้ายจง Facebook 的最佳貼文
สถานการณ์ล่าสุด COVID-19 ในจีน จำนวนผู้ติดเชื้อรายใหม่ทั่วจีน เพิ่มขึ้น 19ราย ถือเป็นตัวเลขที่ต่ำที่สุดนับตั้งแต่วันที่ 20 ม.ค.63 และมีมากถึง 28มณฑล ที่ไม่มีผู้ติดเชื้อเพิ่มขึ้นเลยในวันนี้ 10มี.ค.63
.
ขณะที่สถานการณ์ COVID-19นอกจีน ยังวิกฤติ จำนวนผู้ติดเชื้อที่กำลังรักษาตัว มากกว่าในจีน และตอนนี้ยอดผู้ติดเชื้อทั่วโลก (รวมจีน) มากกว่า 114,000รายแล้ว /
อิตาลีสั่งปิดทั้งประเทศ ท่ามกลางยอดผู้ติดเชื้อ-ผู้เสียชีวิต เป็นอันดับ1นอกจีน / เกาหลีใต้ ผู้ติดเชื้อรายใหม่ลดน้อยลงอย่างต่อเนื่อง ถือเป็นสัญญาณที่ดี / ฝรั่งเศส มีรายงาน รมต.วัฒนธรรมติดเชื้อ
.
สำหรับสถานการณ์ล่าสุดในจีน สรุปได้ดังนี้
- จำนวนผู้ติดเชื้อสะสม: 80,924ราย กำลังรักษาในรพ. 17,801ราย อาการหนัก 4,794ราย
โดยมีจำนวนผู้ติดเชื้อเพิ่มขึ้น 20ราย แบ่งเป็น
มณฑลหูเป่ย 17ราย (อยู่ในอู่ฮั่นทั้ง17ราย)
และนอกหูเป่ย พบที่
ปักกิ่ง 1 ราย และ กว่างตง 1ราย เป็นคนที่เดินทางมาจากนอกจีนทั้งหมด ไม่ใช่การติดเชื้อภายในจีน
- หายดีและออกจากรพ. : 59,983 ราย
เพิ่มขึ้น 1,297ราย โดยเพิ่มขึ้นมากกว่า 1,000รายต่อวัน เป็นเวลา 27วันติดต่อกัน
- เสียชีวิต 3,140ราย
เพิ่มขึ้น 17ราย มาจากมณฑลหูเป่ยทั้ง17ราย
- อัตราการหายดีและออกจากรพ. อยู่ที่ 74.12% และอัตราการเสียชีวิต อยู่ที่ 3.88%
.
สำหรับสถานการณ์นอกจีน
- จำนวนผู้ติดเชื้อสะสมทั้งหมด 33,334ราย กำลังรักษา 28,379ราย รักษาหาย 4,077ราย และเสียชีวิต 878ราย
- จำนวนผู้ป่วยCOVID-19นอกจีน ที่กำลังรักษาตัว มีจำนวนมากกว่า ผู้ป่วยที่กำลังรักษาในจีนเป็นที่เรียบร้อยแล้ว
- เกาหลีใต้ อิหร่าน และอิตาลี ยังคงเป็นประเทศนอกจีน ที่มีผู้ติดเชื้อมากที่สุดและเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง โดยอิตาลี มีจำนวนผู้ติดเชื้อแซงเกาหลีใต้ขึ้นมาเป็นอันดับที่1นอกจีนแล้ว
.
"สำหรับสถานการณ์COVID-19ในไทย: เพิ่มขึ้น3ราย โดยมีประวัติเดินทางหรือเกี่ยวข้องกับผู้ที่เดินทางไปอิตาลีทั้งหมด "
- 1ราย เป็นผู้หญิงชาวไทย อายุ41ปี ไม่มีประวัติเดินทางไปต่างประเทศ แต่เป็นผู้ใกล้ชิดกับผู้ที่ไปดูงานที่อิตาลีและได้รับการวินิจฉัยว่าป่วยCOVID-19ก่อนหน้านี้ (ผู้ป่วยรายที่45) ป่วยตั้งแต่ 7มี.ค. และขณะนี้เข้ารับการตรวจ-รักษาที่รพ.ราชวิถี
- อีก2ราย เป็นสามีภรรยาชาวไทย เดินทางกลับจากอิตาลีได้ไปตรวจที่โรงพยาบาล และพบว่าป่วยCOVID-19ทั้งคู่
สรุป: ไทยมียอดผู้ป่วยสะสมอยู่ที่ 53 รายกลับบ้านได้แล้ว 33 ราย และยังรักษาตัวอยู่ที่โรงพยาบาล 19 ราย เสียชีวิต1ราย
.
สำหรับ 3ประเทศนอกจีน ที่มีผู้ติดเชื้อมากที่สุดในตอนนี้ มีสถานการณ์ดังนี้
1. อิตาลี
ติดเชื้อ 9,220ราย หายดี 724ราย เสียชีวิต 463ราย
อิตาลีเตรียมปิดเมืองทั่วประเทศ เพื่อควบคุมการระบาด หลังจากที่ก่อนหน้านี้ปิดเฉพาะแคว้นทางเหนือ โดยประชาชนจะได้รับอนุญาตเฉพาะเดินทางไปทำงานหรือมีเหตุฉุกเฉินเท่านั้น ซึ่งไม่อนุญาตให้มีการชุมนุมในที่สาธารณะ, ท่องเที่ยวยามค่ำคืน รวมทั้งการแข่งขันกีฬา เช่น ฟุตบอล โดยมีผลถึง 3เมษายนนี้
โรงเรียน มหาวิทยาลัยก็ปิดชั่วคราวจนถึงเดือนหน้าเช่นกัน
เมื่อวันเสาร์ที่ 7 มี.ค. ที่ผ่านมา มีการยืนยันว่า นายNicola Zingaretti หัวหน้าพรรคร่วมรัฐบาลอิตาลี ติดเชื้อไวรัสโคโรนาสายพันธุ์ใหม่
.
สำหรับสาเหตุที่ระบาดในอิตาลี สรุปได้ดังนี้
เริ่มแรกสุดที่มีการพบผู้ติดเชื้อในอิตาลี มาจากนักท่องเที่ยวจีนที่เดินทางไปเที่ยวที่อิตาลี แต่สาเหตุที่อิตาลีมียอดผู้ติดเชื้อสูงขึ้น โดยเฉพาะทางตอนเหนือของประเทศ ที่Lombardy คาดกันว่ามาจากชายอิตาลีวัย38ปี ได้พบปะกับเพื่อนที่เพิ่งไปจีนมา ในวันที่ 20 ม.ค.63 แต่เขาเริ่มมามีอาการป่วยในวันที่ 14 ก.พ. ซึ่งตอนแรกหมอวินิจฉัยว่าเขาเป็นไข้หวัดใหญ่ แต่หลังจากนั้นเขาอาการหนักขึ้น และก็ได้รับการวินิจฉัยว่าติดเชื้อ รวมถึงภรรยาของเขาที่กำลังตั้งครรภ์ด้วย ตั้งแต่นั้นมาเริ่มมีรายงานจำนวนผู้ติดเชื้อเพิ่มมากขึ้นใน Lombardy รวมถึงคุณหมอและพยาบาลในโรงพยาบาลที่ชายผู้นี้รักษาตัว
จุดสำคัญคือขณะที่เขาไม่มีอาการป่วยใดๆ เขาใช้ชีวิตตามปกติ เป็นเวลากว่า1สัปดาห์ก่อนที่จะถูกวินิจฉัยว่าติดเชื้อ แต่ทางการแพทย์เชื่อว่า เชื้อสามารถแพร่จากเขาไปยังคนอื่นได้ แม้จะไม่มีอาการแสดงออกมา และนี่อาจเป็นที่มาของการระบาดใหญ่ในอิตาลี
และนอกจาก Lombardy อีกที่หนึ่งที่ระบาดหนักก็คือ Veneto โดยผู้ป่วยรายแรกๆของ่นั่นมีประวัติเดินทางไปยัง Codogno แคว้นLombardy เมืองเดียวกับชายคนนี้
2. เกาหลีใต้
ติดเชื้อ 7,515ราย หายดี 247ราย เสียชีวิต 54ราย
มีสัญญาณที่ดี เนื่องจากมีจำนวนตัวเลขผู้ติดเชื้อที่เพิ่มขึ้นรายวันในวันนี้ 10มี.ค. 131ราย ถือว่าลดต่ำลงที่สุด ตั้งแต่ 26 ก.พ.
จำนวนผู้ติดเชื้อส่วนใหญ่ยังคงอยู่ในแทกู รวมทั้งผู้เสียชีวิตด้วยเช่นกัน โดยผู้เสียชีวิตส่วนใหญ่เป็นผู้สูงอายุ ซึ่งในเกาหลีใต้มีอัตราเสียชีวิตจากCOVID-19อยู่ที่ไม่ถึง1%
สำหรับกรณีคุณป้าหมายเลขที่31และลัทธิชินชอนจิที่คาดว่าเป็นจุดเริ่มต้นของการระบาดในเกาหลีใต้ มีรายงานตัวเลขออกมาว่า 63%ของผู้ติดเชื้อเกี่ยวข้องกับลัทธิชินชอนจิ
และสาเหตุหนึ่งที่ตอนนี้ตัวเลขผู้ติดเชื้อรายใหม่ในเกาหลีใต้เริ่มลดน้อยลง เป็นผลมาจาก "ทางเกาหลีใต้ได้ตรวจสาวกและผู้เกี่ยวข้องกับลัทธิชินชอนจิไปทั้งหมด ทั้ง 210,000รายเรียบร้อยแล้ว ตามข้อมูลที่อ้างอิงจาก Yonhap News สื่อเกาหลีใต้
3. อิหร่าน
ติดเชื้อ 7,161ราย หายดี 2,394ราย เสียชีวิต 237ราย
จุดเริ่มต้นของการระบาดหนักในอิหร่าน มีการรายงานผู้ติดเชื้อเป็นครั้งแรกเมื่อวันที่ 19 ก.พ.63
โดยเมืองที่มีการระบาดหนัก อยู่ที่เมืองกอม (Qom - อยู่ไม่ไกลจากกรุงเตหะราน เมืองหลวงของอิหร่าน ราว 120-140กม.)
ผู้ติดเชื้อจำนวนมากในตอนแรก มีประวัติเดินทางไปเมืองกอม หรือออกจากเมืองกอมไปยังเมืองอื่นในอิหร่าน รวมถึงคนในอิหร่านที่ใกล้ชิดหรือพบปะกับคนที่มีประวัติเหล่านี้
หนึ่งในข้อสันนิษฐานของการระบาดหนักในเมืองกอมจนระบาดไปยังพื้นที่อื่นในอิหร่าน ได้แก่ แรงงานจีนที่เข้ามาทำงานในเมืองกอม
สำหรับการรักษาพยาบาล ประเทศจีนได้ส่งทีมผู้เชี่ยวชาญทางการแพทย์เข้าไปช่วยอิหร่านด้วย
4.ฝรั่งเศส
ติดเชื้อ 1,412ราย หายดี 12ราย เสียชีวิต 25ราย
เมื่อวันจันทร์ที่ 9มี.ค. มีรายงานออกมาว่า Franck Riester รัฐมนตรีกระทรวงวัฒนธรรมของฝรั่งเศสติดเชื้อไวรัสโคโรนาสายพันธุ์ใหม่
5.สเปน
ติดเชื้อ 1,223ราย หายดี 32ราย เสียชีวิต 28ราย
6. ญี่ปุ่น
ติดเชื้อ 1,218ราย หายดี 346ราย เสียชีวิต 16ราย
(เฉพาะผู้ติดเชื้อที่เป็นคนบนเรือสำราญ Diamond Princess มีทั้งหมด 705ราย)
7. เยอรมัน
ติดเชื้อ 1,151ราย หายดี 18ราย เสียชีวิต 2ราย
8. อเมริกา
ติดเชื้อ 704ราย หายดี 10ราย เสียชีวิต 26ราย
9. สวิตเซอร์แลนด์
ติดเชื้อ 337ราย หายดี 3ราย เสียชีวิต 2ราย
10. เนเธอร์แลนด์
ติดเชื้อ 321ราย หายดี 32ราย เสียชีวิต 3ราย
.
ดูจำนวนผู้ติดเชื้อในประเทศต่างๆ ได้ที่ https://en.m.wikipedia.org/wiki/2019%E2%80%9320_coronavirus_outbreak
อ้ายจงรวบรวมข้อมูลจาก
-
https://voice.baidu.com/act/newpneumonia/newpneumonia
- Weibo:央视新闻, 人民日报
- Yonhap News
- Reuters
- Wikipedia
#อ้ายจง #เล่าเรื่องเมืองจีน #ชีวิตในจีน #covid19
reuters wiki 在 Reuters: Breaking International News & Views 的相關結果
Reuters provides business, financial, national and international news to professionals via desktop terminals, the world's media organizations, industry events ... ... <看更多>
reuters wiki 在 reuters - 維基詞典,自由的多語言詞典 的相關結果
本站的全部文字在創用CC/共享創意姓名標示-相同方式分享3.0 協議之條款下提供,附加條款亦可能應用(請參閱使用條款)。 Wiktionary®和維基詞典標誌是維基媒體基金會的註冊 ... ... <看更多>
reuters wiki 在 路透社- 維基百科 的相關結果
路透(Reuters)係世界前三大嘅多媒體新聞通訊社,提供各類新聞同金融數據,響128 個國家運作。路透提供新聞報導畀報刊、電視台... 以又快又準出名。 ... <看更多>