ดอกเบี้ยติดดิน หนี้ท่วมหัว เงินล้นโลก เจ้าของเหมืองบอกทอง 5,000$ อยู่ไม่ไกล
หลังจากวอร์เรน บัฟเฟตต์ได้สร้างเสียงฮือฮาอีกครั้งด้วยการขายหุ้นเหมืองทองคำ Barrick Gold ที่พึ่งซื้อมาในไตรมาส 2 ออกไปกว่า 42% จากที่ถืออยู่ ทำเอาหลายคนที่ซื้อตามปู่ต้องหลังหักกันเป็นแถบ
ทาง Kitco News จึงไม่รอช้า โดยทำการเชิญบุคคลในวงการเหมืองแร่อย่าง Rob McEwen เจ้าของเหมือง McEwen Mining ที่มี Market Cap. ราว ๆ 4 แสนล้านดอลลาร์มาให้ความคิดเห็นเกี่ยวกับเศรษฐกิจ ทองคำ และทิศทางของอุตสาหกรรมเหมืองแร่
เริ่มต้นกันที่เรื่องการเลือกตั้งสหรัฐที่ Rob แอบแซวเล็กน้อยว่าน่าจะเป็นการเลือกตั้งครั้งที่บรรดาทนายความทำเงินได้มากที่สุด ส่วนผลการเลือกตั้งที่ดูเหมือนว่าโจ ไบเดนจะเป็นผู้ชนะนั้น เขามองว่ามันแนวโน้มที่จะทำให้หนี้ของสหรัฐที่สูงอยู่แล้วนั้นเพิ่มขึ้นไปอีก เพราะปกติแล้วพรรคเดโมแครตมักจะใช้จ่ายงบประมาณมากกว่ารีพับลิกันนั่นหมายถึงการขาดดุลงบประมาณจำนวนมากที่ตามมา
โดยตอนนี้หนี้สหรัฐกำลังพุ่งสูงขึ้นไปถึง 130%ต่อGDP ซึ่งจากงานวิจัยของ Grant Williams (นักกลยุทธ์คนหนึ่ง) นั้นพบว่าประเทศที่มีหนี้สูงกว่า 130%ต่อGDP จะมีโอกาสผิดนัดชำระหนี้มากถึง 98%
มันฟังดูตลกที่ประเทศอย่างสหรัฐจะผิดนัดชำระหนี้ เพราะธนาคารกลาง (Fed) สามารถพิมพ์ดอลลาร์ได้อย่างไม่จำกัด แต่คุณรู้ไหมครับว่าประสิทธิภาพของการพิมพ์เงินมันลดลงขนาดไหน?
ปริมาณเงินที่ Fed พิมพ์ในเวลาเพียง 4 เดือน (มีนาคม-กรกฎาคมที่ผ่านมา) เพื่อสู้กับวิกฤตโควิด19 นั้น เป็น 20 เท่าของปริมาณเงินที่ Fed พิมพ์ในระยะเวลา 18 เดือนเพื่อแก้วิกฤตแฮมเบอร์เกอร์ในปี 2008-2009 และปัญหาดังกล่าวก็กำลังเกิดขึ้นกับประเทศสกุลเงินหลักได้แก่ อังกฤษ ญี่ปุ่น ประเทศในยุโรป แคนาดา ออสเตรเลีย เช่นเดียวกัน
Rob บอกว่าตอนนี้ปัญหาเงินเฟ้อมันกำลังเกิดขึ้นในตลาดหุ้นและพันธบัตร ดูได้จากอัตราดอกเบี้ยที่ลดลงจนเข้าใกล้ 0% คุณลองย้อนไปเมื่อ 65 ปีที่แล้ว ไม่มีใครจินตนาการได้ว่าสภาวะดอกเบี้ย 0% มันเป็นยังไง? บริษัทประกันและกองทุนบำเหน็จบำนาญที่ต้องการผลตอบแทนประมาณ 5-6%ต่อปี จะอยู่รอดได้ยังไง?
พอมองไปที่ประวัติศาสตร์แล้ว เมื่อเหตุการณ์เหล่านี้เกิดขึ้นพร้อมกันได้แก่ 1. หนี้ท่วมโลก 2. เงินล้นโลก 3. ดอกเบี้ยต่ำ มันก็มักจะเกิดเรื่องร้าย ๆ เช่น ฟองสบู่แตกหรือการล้มละลายตามมาอยู่เสมอ
ทองคำคือคำตอบใช่ไหม? แม้ว่าโลกจะเลิกใช้ Gold Standard นานแล้วแต่ Rob บอกว่าตอนนี้สิ่งที่เกิดขึ้นมันก็ดูคล้ายระบบ Gold Standard นะ คือธนาคารกลางของประเทศในตะวันออกกลาง, รัสเซีย และจีน สะสมทองคำมากขึ้นเรื่อย ๆ เพื่อนำมาหนุนหลังสกุลเงินและแสดงให้ประเทศอื่น ๆ ได้รับรู้ว่าสกุลเงินของพวกเขามีความแข็งแกร่งมากเพียงใด
ทำให้ Rob มองว่าราคาทองคำจะเป็นขาขึ้นในระยะยาว พร้อมกล่าวว่า “5,000 $/oz. ไม่ได้ไกลเกินเอื้อม” เขาอธิบายต่อว่าตอนนี้ในสื่อโซเชียลนั้นเต็มไปด้วยกระแสเกี่ยวกับหุ้นเทคโนโลยีที่ใคร ๆ ก็พูดถึง แต่ทองคำไม่ได้รับความสนใจเท่าไหร่ แต่ในวันนึงที่ผู้คนเริ่มหันกลับมามองทองคำและพูดเรื่องทองคำกันเป็นปกตินั่นแหละจะเป็นเวลาที่ราคาทองคำจะทะยาน
นอกจากทองคำแล้ว Rob บอกว่าแร่เงิน (Silver) ก็น่าสนใจ เขาอธิบายว่าราคาแร่เงินนั้นมักจะขึ้นรุนแรงกว่าราคาทองคำในช่วงที่ทองคำเป็นขาขึ้น เพราะฉะนั้นถ้าคุณกะจังหวะได้อย่างแม่นยำนั้นแร่เงินมักจะทำกำไรได้มากกว่า
ส่วนเรื่องสถานการณ์ของกิจการเหมืองแร่นั้น ในช่วงไตรมาส 2 เป็นช่วงที่เหมืองต้องปิดทำการจากสถานการณ์การระบาด แต่ในตอนนี้การผลิตต่าง ๆ นั้นเริ่มกลับมาเป็นปกติแล้ว โดย Rob พูดในฐานะเจ้าของเหมืองว่า การเปิดเหมืองมันสำคัญกับเหล่าพนักงานมาก เพราะแต่ละคนต่างก็มีครอบครัวต้องดูแล
ทิ้งท้ายด้วยประเด็นที่ตอนนี้มีหลายเหมืองแร่ได้นำเทคโนโลยีต่าง ๆ โดยเฉพาะ AI มาใช้ในกระบวนการผลิตนั้น Rob ให้ความเห็นว่าสำหรับเขามันเป็นเรื่องที่ดีมาก ๆ คือมันเป็นการเปลี่ยนแปลงอย่างช้า ๆ ที่ค่อนข้างลงตัว
คุณอาจจะคิดว่า AI เข้ามาแย่งงานพนักงานของผม แต่มันไม่จริงเลย เพราะอุตสาหกรรมเหมืองแร่กำลังจะขาดแคลนแรงงาน เนื่องจากจะมีคนเกษียณเป็นจำนวนมาก แต่มีคนเข้ามาใหม่จำนวนน้อย คุณลองไปถามเด็กนักเรียนตอนนี้ดูสิว่ามีใครอยากทำงานในเหมืองบ้าง? มันมีน้อยลงมาก ๆ ซึ่ง AI ก็จะเข้ามาเติมเต็มแรงงานส่วนนี้ที่หายไป
สรุป
ประเด็นหลักคือ Rob McEwen มองว่าทองคำจะเป็นขาขึ้นครั้งใหญ่ เหตุผลเพราะในประวัติศาสตร์ เมื่อ 3 เหตุการณ์ได้แก่ 1. หนี้แต่ละประเทศสูงมาก 2. ปริมาณเงินขยายตัวเป็นอัตราเร่งและ 3. อัตราดอกเบี้ยต่ำมาก เกิดขึ้นพร้อมกันแล้ว มักจะก่อให้เกิดหายนะต่อระบบการเงินส่งผลให้ทองคำมีมูลค่ามากขึ้น
แหม่... บัฟเฟตต์พึ่งขายเหมืองทองไป แต่ฝั่งเจ้าของเหมืองก็ยังมองทองคำเป็นขาขึ้น แล้วเพื่อน ๆ คิดเห็นอย่างไร เชื่อใครดีครับ?
.
แอดปุง
เเจ้งข่าว สัมมนารอบต่อไป
เริ่มต้นอาชีพนายหน้าอสังหาฯ รุ่นที่ 6
วันที่ 6 ธ.ค. 2563
ดูรายละเอียดที่ลิงค์ในคอมเมนท์ครับ
kitco gold 在 KIM Property Live Facebook 的最讚貼文
นักลงทุนระดับโลก เตือน! อย่าขายทองคำของคุณ แถมเขายังวางแผนจะซื้อเพิ่มด้วย
Jim Rogers หนึ่งในตำนานนักลงทุนระดับโลกได้ให้สัมภาษณ์กับ The Economic Times สื่อด้านเศรษฐกิจของอินเดีย เกี่ยวกับทิศทางการลงทุนหลังการเลือกตั้ง ยิ่งพอมีข่าวดีเรื่องวัคซีนออกมานั้นทำให้ตลาดมีความเคลื่อนไหวอย่างรุนแรง โดยเฉพาะดัชนีดาวน์โจนส์ที่พุ่งขึ้นจนเกือบจะทำ New High ได้อีกครั้ง
สวนทางกับทองคำที่ร่วงไปกว่า 100$/oz. ในวันเดียว ทำให้หลาย ๆ คนตั้งคำถามว่าราคาทองคำจะร่วงต่ออีกหรือไม่? ได้เวลาขายแล้วหรือยัง?
ซึ่งคำตอบของ Jim Rogers นั้นค่อนข้างเซอร์ไพรส์เล็กน้อยเพราะมุมมองต่าง ๆ ของเขานั้นกลับยังคงเหมือนเดิมไม่มีอะไรเปลี่ยนแปลงเลย
เรื่องนโยบายของไบเดน?
แม้ว่าตลาดหุ้นจะพุ่งขึ้นหลังจากที่ผลการเลือกตั้งออกมาค่อนข้างแน่นอนแล้วว่าโจ ไบเดนจะได้เป็นประธานาธิบดีคนใหม่ของสหรัฐ แต่จิมก็ยังยืนยันคำเดิมว่า “Economists never like raising taxes” หรือ “นักเศรษฐศาสตร์ไม่เคยชอบการขึ้นภาษี” โดยจิมยังคงยืนยันว่านโยบายการขึ้นภาษีของไบเดนนั้นจะเป็นอุปสรรคต่อการเติบโตของตลาดหุ้น
และจิมบอกว่าการมาของพรรคเดโมแครตนั้นจะทำให้บรรดาบริษัทเทคโนโลยีชั้นนำ (big tech companies) ต้องเหนื่อยแน่นอน จากนโยบายที่ต้องการลดการผูกขาดของบริษัทเหล่านี้
เกี่ยวกับทองคำ?
จิมบอกว่า “Don't sell your gold or silver, I plan to buy more” หรือ “อย่าขายทองคำหรือแร่เงินของคุณและผมเองก็วางแผนจะซื้อเพิ่มด้วย” ต้องอธิบายก่อนว่ากลยุทธ์การซื้อทองคำของผลและจิมนั้นคล้าย ๆ กันคือซื้อเป็นทองคำจริง ๆ เพื่อเป็นสินทรัพย์ประกันความเสี่ยง เป็นการลงทุน “ระยะยาว” นะครับ
จิมยังคงกังวลว่าในภายในอีก 2-3 ปีข้างหน้าจะเกิดปัญหาความวุ่นวายและความโกลาหลของเศรษฐกิจโลก โดยเฉพาะปัญหาเกี่ยวกับค่าเงินของสกุลต่าง ๆ ฉะนั้นจึงต้องถือทองคำไว้เพื่อปกป้องความมั่งคั่งของคุณ นอกจากนี้เขายังวางแผนจะซื้อเพิ่มเมื่อราคาเกิดการพักฐานลงมาอย่างน่าสนใจ (แต่จิมไม่ได้บอกว่าราคาเท่าไหร่นะครับ)
เกี่ยวกับเงินดอลลาร์?
ก่อนหน้านี้จิมได้ให้สัมภาษณ์กับ Kitco ว่าเขายังคงลงทุนในดอลลาร์ เพราะมันน่าสนใจกว่าสกุลอื่น ๆ แต่เขาก็เล็งที่จะขายเมื่อมันแพงเกินไป (overvalued) ซึ่งจิมก็ยังยืนยันคำเดิมว่าเขายังถือดอลลาร์อยู่ แต่เขาก็คิดจะขายในปีหน้าหรืออีก 2 ปี ถ้าการคาดการณ์เศรษฐกิจของเขาถูกต้อง
เกี่ยวกับการเปลี่ยนแปลงเทคโนโลยี?
จิมพูดถึงเทคโนโลยีบล็อกเชนที่จะเข้ามาเปลี่ยนทุกอย่างในโลกเหมือนที่ไฟฟ้าเคยทำเมื่อ 100 ปีที่แล้ว ส่วนประเด็นเรื่องฟินเทคต่าง ๆ จะทำให้บรรดาธนาคารต้องล้มละลายหรือไม่นั้นจิมบอกว่าเป็นเรื่องธรรมดาที่โลกจะมีการเปลี่ยนแปลงอยู่เสมอ อย่างในปี 2008 ที่เลห์แมน บราเธอร์ส สถาบันการเงินเก่าแก่อายุกว่า 150 ปียังล้มละลายได้ แต่ตอนนี้เราก็ยังคงเหลือธนาคารอยู่มากมาย มันขึ้นอยู่กับการปรับตัว ต้องติดตามข่าวสารอย่างใกล้ชิดว่าใครจะอยู่ใครจะไป
เกี่ยวกับการเติบโตของจีน?
จิมบอกว่าเขาไม่รู้นะว่าสิ่งที่รัฐบาลจีนพูดเป็นความจริงหรือไม่ อย่างที่คุณรู้ว่ารัฐบาลทั่วโลกมักโกหกอยู่เป็นประจำ แต่อย่างน้อยถ้าครึ่งหนึ่งที่รัฐบาลจีนพูดเป็นความจริงก็ต้องบอกว่าพวกเขาทำได้ยอดเยี่ยมมาก นั่นหมายความว่าจีนมีความแข็งแกร่งและน่าสนใจเมื่อเทียบกับประเทศอื่น ๆ อย่างเช่นญี่ปุ่นที่ต้องเจอปัญหาประชากรลดลงและหนี้สินท่วมหัวมากว่า 30 ปีและยังคงเป็นแบบนั้นต่อไป
เกี่ยวกับฟองสบู่?
เขาบอกว่าตอนนี้ตลาดหุ้นขึ้นทุกวัน โดยเฉพาะหุ้นกลุ่ม FAANG (Facebook, Amazon, Apple, Netflix, Google) ที่ผู้คนคิดว่ามันจะไม่มีวันลงได้ว่านี่มันกลิ่นของฟองสบู่ชัด ๆ แต่ถามว่าได้เวลา short หรือยัง? (จิมเป็นคนที่มักทำกำไรได้จากการ short ตอนที่ตลาดฟองสบู่แตก) เขาตอบว่าเขาผ่านเหตุการณ์ฟองสบู่มาหลายครั้งแล้ว มันยังไม่ถึงเวลา short หรอก เพราะราคามันจะไปได้ไกลกว่าที่ผู้คนคิดเอาไว้
สรุปแล้วมุมมองของ Jim Rogers ต่อเศรษฐกิจโลกในภาพรวมนั้นยังคงไม่เปลี่ยนแปลงจึงไม่มีผลต่อกลยุทธ์ในการลงทุนระยะยาว แม้จะมีข่าวดีเรื่องวัคซีนและการมาของโจ ไบเดน ก็ไม่ทำให้ปัญหาหนี้สินที่เรื้อรังอยู่หมดไปได้ ซึ่งกว่าจะฟื้นตัวจริง ๆ คงต้องใช้เวลาอีกอย่างน้อย 2-3 ปี
ส่วนเรื่องทองคำก็ยังยืนยันว่า “ไม่ขาย” และยังได้กล่าวเสริมว่า “หลานของเขาจะได้เป็นเจ้าของทองเหล่านี้แน่นอน”
อย่างไรก็ตามทั้งหมดนี้ก็เป็นเพียง “ข้อคิดเห็น” นะครับ โปรดใช้วิจารณญาณ มองอีกมุมหนึ่งจิมอาจพูดอย่างทำอย่างก็ได้ ใครจะไปรู้! เพื่อน ๆ เห็นด้วยหรือไม่เห็นด้วยอย่างไรคอมเมนท์เข้ามาแลกเปลี่ยนกันด้านล่างเลยครับ
.
แอดปุง
เเจ้งข่าว สัมมนารอบต่อไป
เริ่มต้นอาชีพนายหน้าอสังหาฯ รุ่นที่ 6
วันที่ 6 ธ.ค. 2563
ดูรายละเอียดที่ลิงค์ในคอมเมนท์ครับ
kitco gold 在 MoneyDJ財經新聞 Facebook 的最讚貼文
金拓新聞(Kitco News)12月27日報導,世界黃金協會(World Gold Council, WGC)首席市場策略師李德(John Reade)表示,2019年包括經濟以及地緣政治的不確定性仍將增加,這會使得金融市場持續震盪,而作為避險資產的黃金也將繼續受到追捧。
李德指出,不同於2018年投資人還可以在美元、美股等市場尋求避險,如今股市看來可能還會繼續下跌,而聯準會的升息步調放緩也預期將會削弱美元的氣勢。美國今年以來四度升息,但本月會議聯準會委員預期明年升息次數將降至兩次。https://www.moneydj.com/KMDJ/News/NewsViewer.aspx…
kitco gold 在 Kitco NEWS - YouTube 的推薦與評價
Once again, the gold market is mourning the loss of another industry leader and titan with the passing of Peter Hug, global trading director at Kitco Metals ... ... <看更多>
kitco gold 在 Kitco NEWS - Facebook 的推薦與評價
Kitco NEWS is the leading source of business news reporting on the economy,... ... KITCO.COM. Tuesday's Charts for Gold, Silver and Platinum and ... <看更多>