J.W. Marriott ผู้ก่อตั้งเชนโรงแรมใหญ่สุดในโลก ที่เริ่มจากร้านขายรูตเบียร์ /โดย ลงทุนแมน
“Marriott” เป็นเชนโรงแรมที่มีมูลค่ามากที่สุดในโลกและมีโรงแรมในเครือกว่า 30 แบรนด์
แต่รู้หรือไม่ว่าอาณาจักร Marriott ที่ก่อตั้งโดยคุณ J.W. Marriott ไม่ได้เริ่มต้นจากธุรกิจโรงแรม แต่เขากลับมีจุดเริ่มต้นมาจากร้านขายรูตเบียร์ A&W
จากร้านขายรูตเบียร์มาเป็นเชนโรงแรมที่ใหญ่สุดในโลก
Marriott ผ่านอะไรมาบ้าง ?
ลงทุนแมนจะเล่าให้ฟัง
╔═══════════╗
Blockdit เป็นแพลตฟอร์ม สำหรับนักอ่าน และนักเขียน
ที่มีผู้ใช้งาน 1 ล้านคน ลองใช้แพลตฟอร์มนี้เพื่อได้ไอเดียใหม่ๆ
แล้วอาจพบว่าสังคมนี้เหมาะกับคนเช่นคุณ
Blockdit. Ideas Happen. Blockdit.com/download
╚═══════════╝
เชนโรงแรมขนาดใหญ่ ที่มีโรงแรมอยู่ในหลายประเทศทั่วโลก จะมีชื่อที่เราคุ้นเคย เช่น Marriott, Hilton, InterContinental และ Hyatt
ซึ่ง Marriott ถือได้ว่าเป็นเชนโรงแรมที่ใหญ่สุดในโลก ทั้งในด้านมูลค่าตลาดที่มากที่สุดราว 1.46 ล้านล้านบาท รวมถึงในด้านจำนวนห้องพัก ที่ Marriott มีให้บริการราว 1.4 ล้านห้องพัก ในกว่า 130 ประเทศทั่วโลก
Marriott มีโรงแรมในเครือกว่า 30 แบรนด์ ซึ่งก็เป็นแบรนด์ดังที่คนส่วนใหญ่คุ้นหู อย่างเช่น JW Marriott, St. Regis, The Ritz-Carlton, Sheraton และ Renaissance
โดยผู้ก่อตั้งอาณาจักร Marriott คือคุณ John Willard Marriott หรือ “J.W. Marriott”
ซึ่งจริง ๆ แล้ว ธุรกิจดั้งเดิมที่เขาเริ่มต้นขึ้นไม่ใช่ธุรกิจโรงแรม
คุณ John เกิดเมื่อปี ค.ศ. 1900 ที่รัฐยูทาห์ ประเทศสหรัฐอเมริกา ในครอบครัวที่ทำฟาร์มแกะเล็ก ๆ ซึ่งมีฐานะค่อนข้างยากจน
เขาเริ่มค้าขายตั้งแต่อายุ 13 ปี จากการปลูกผักกาดในแปลงที่ดินที่ว่างอยู่ และเขานำเงินรายได้ที่ได้ไปให้พ่อ
จากความสำเร็จในการขายผัก พ่อของ John เลยไว้ใจให้ลูกชายพาแกะ 3,000 ตัว ขึ้นรถไฟไปขายที่เมืองซานฟรานซิสโกด้วยตัวคนเดียวในวัยเพียง 14 ปี ก่อนที่จะถูกขอให้เลิกเรียนเพื่อมาช่วยงานที่บ้านในเวลาต่อมา
เมื่อ John อายุ 19 ปี เขาก็ต้องเดินทางไปเป็นมิชชันนารีที่โบสถ์แห่งหนึ่งในนิวอิงแลนด์เป็นเวลา 2 ปี หลังจากนั้นก็เดินทางกลับมาบ้านที่เมืองยูทาห์
ระหว่างทางกลับ เขาได้แวะที่เมืองวอร์ชิงตัน ดี.ซี. และเดินผ่านร้านค้าแห่งหนึ่งซึ่งคนต่อคิวยาวมาก นี่จึงเป็นครั้งแรกที่ John ได้รับรู้ถึงความนิยมของเครื่องดื่มที่เรียกว่า “รูตเบียร์”
แต่พอกลับมาถึงบ้าน John ก็ต้องเผชิญกับข่าวร้ายเพราะว่าธุรกิจฟาร์มแกะของพ่อเขาล้มละลาย
โดยมีสาเหตุสำคัญมาจากราคาแกะที่ลดลงอย่างรวดเร็ว ซึ่งเป็นผลจากเศรษฐกิจตกต่ำ
ตั้งแต่นั้นมา John จึงตั้งเป้าว่าเขาจะต้องมีชีวิตที่ดีขึ้นและหลุดพ้นจากความยากจนนี้ให้ได้
เขาเลยตัดสินใจกลับไปเรียนต่อให้ได้วุฒิมัธยมศึกษา โดยได้รับความช่วยเหลือจากอาจารย์ที่เคยสอนเขา
ซึ่งอาจารย์ท่านนี้ ยังช่วยให้ John รับหน้าที่สอนวิชาที่เกี่ยวกับศาสนา เพื่อหาเงินมาจ่ายค่าเทอม
หลังจากนั้น John ก็ได้เข้าเรียนต่อระดับมหาวิทยาลัยที่ยูทาห์ ซึ่งเขาต้องหาเงินมาจ่ายค่าเทอมจากทุกวิถีทาง ตั้งแต่ขายกางเกงชั้นใน ขนสัตว์ ไปจนถึงการเป็นช่างตัดไม้
จนกระทั่งในช่วงที่เรียนปีสุดท้าย แถวมหาวิทยาลัยของเขาก็มีร้านรูตเบียร์ A&W มาเปิด
ซึ่งคิวยังคงยาว เหมือนกับตอนที่เขาเห็นครั้งแรกที่เมืองวอชิงตัน ดี.ซี.
หลังจากเรียนจบในปี ค.ศ. 1926 John แต่งงานกับ Alice Sheets สาวที่เขาตกหลุมรักและคบหากันมาตั้งแต่สมัยเรียน ทั้งคู่วางแผนที่จะเริ่มทำธุรกิจด้วยกัน และสิ่งแรกที่ John นึกถึงก็คือเครื่องดื่มสุดฮิตอย่างรูตเบียร์
John ใช้เงินเก็บ 1,000 ดอลลาร์สหรัฐ บวกกันเงินที่กู้ยืมมาอีก 1,500 ดอลลาร์สหรัฐ
คิดเป็นมูลค่าราว 83,000 บาท เพื่อขอซื้อแฟรนไชส์รูตเบียร์ของ A&W
ผ่านไป 1 ปี เขาก็ได้เปิดร้านขายรูตเบียร์เล็ก ๆ ที่เมืองวอชิงตัน ดี.ซี. ซึ่งแน่นอนว่าขายดีแบบที่เขาคิดไว้
แต่สิ่งที่เขาลืมคิดถึงไปก็คือ รูตเบียร์ไม่ได้ขายดีทุกฤดู เพราะพอเข้าช่วงฤดูใบไม้ร่วง ซึ่งเป็นช่วงที่ฝนตกบ่อย และอากาศเริ่มเย็นลง เครื่องดื่มเย็นสดชื่นอย่างรูตเบียร์กลับไม่เป็นที่ต้องการ ยอดขายของทางร้านจึงลดลงเรื่อย ๆ
Alice ภรรยาของเขาเลยเสนอไอเดียว่าควรขายอาหารด้วย เพื่อให้ยอดขายที่ร้านไม่ผันผวนตามฤดูกาลเกินไป
John เห็นด้วยทันที เขาจึงขออนุญาตทาง A&W เพื่อขอเสิร์ฟอาหารที่ร้านด้วย ส่วน Alice ก็ไปขอความช่วยเหลือจากเชฟที่สถานทูตเม็กซิโก ซึ่งตั้งอยู่ใกล้ ๆ กับร้าน จนได้สูตรและวิธีทำอาหารเม็กซิกันมา
ทั้งคู่จึงตั้งชื่อร้านของพวกเขาใหม่ว่า “Hot Shoppes” ซึ่งเป็นร้านขายอาหารเม็กซิกัน แฮมเบอร์เกอร์ และฮอตดอก รวมถึงรูตเบียร์ของ A&W
ผ่านไปปีเดียว Hot Shoppes เปิดเพิ่มได้อีก 2 สาขา ซึ่งหนึ่งในนั้นเป็นร้านแบบ Drive-in หรือการขับรถไปจอดที่ลานจอดรถของร้าน แล้วสั่งอาหารมาทานบนรถ ที่กำลังได้รับความนิยมสุด ๆ ในสหรัฐอเมริกา
หลังจากนั้นไม่นาน ประเทศสหรัฐอเมริกากลับเผชิญกับภาวะเศรษฐกิจตกต่ำครั้งใหญ่ แต่ John และ Alice ก็ยังพา Hot Shoppes รอดพ้นจากวิกฤติเศรษฐกิจครั้งนี้มาได้ แถมยังขยายสาขาเพิ่มมาเป็น 7 สาขาในปี ค.ศ. 1933
แต่ในปีเดียวกันนี้ John ก็ต้องเจอกับข่าวร้าย เพราะเขาตรวจพบว่าเป็นมะเร็งต่อมน้ำเหลือง ซึ่งหมอบอกว่าจะมีชีวิตอยู่ได้อีกไม่เกิน 2 ปี
John จึงหยุดทำงาน และใช้เวลาพักผ่อนกับครอบครัว แต่แล้วเรื่องไม่น่าเชื่อที่แม้แต่หมอก็ยังแปลกใจ เพราะอาการของเขาดีขึ้นมาก จนกลับมาใช้ชีวิตปกติได้
หลังจากรักษาตัวจนหายดีและกลับมาทำงานได้แล้ว ในปี ค.ศ. 1937 ซึ่งเป็นช่วงที่การเดินทางโดยเครื่องบินเป็นที่นิยม John สังเกตว่าลูกค้ามักซื้ออาหารแบบนำกลับบ้านที่ร้าน Hot Shoppes สาขาใกล้สนามบิน เพื่อนำไปทานบนเครื่องบิน
John เลยเกิดไอเดียว่า ให้ Hot Shoppes ทำอาหารกล่องให้กับสายการบินใช้เสิร์ฟบนเครื่องบิน ซึ่งถือเป็นเจ้าแรก ๆ ในขณะนั้น
เมื่อเขานำไอเดียนี้ไปเสนอกับทางสายการบินต่าง ๆ ก็มีสายการบิน Eastern Airlines และ American Airlines ที่ตอบตกลง
มาถึงช่วงต้นทศวรรษ 1940s ร้าน Hot Shoppes ขยายมาเป็น 24 สาขา ซึ่งช่วงนี้เองสงครามโลกครั้งที่ 2 ก็เริ่มต้นขึ้น แต่ Hot Shoppes ก็ยังรอดพ้นจากวิกฤติได้อีกครั้งจากการปรับตัวไปให้บริการอาหารในฐานทัพทหารและสำนักงานรัฐบาล
จนกระทั่งช่วงทศวรรษ 1950s การเดินทางท่องเที่ยวกำลังได้รับความนิยมสูง John เลยสนใจซื้อที่ดินเปล่าที่อยู่ตรงข้ามสนามบินวอชิงตัน เพื่อสร้างโมเทลที่ชื่อว่า “Twin Bridges” ซึ่งเปิดให้บริการในปี ค.ศ. 1957 ก่อนที่ 2 ปีให้หลัง ได้สร้างโรงแรมแห่งที่ 2 ที่ชื่อ Key Bridge Motor
และในที่สุด กิจการโรงแรมของ John Willard Marriott ก็ได้เริ่มต้นขึ้น หลังจากเปิดร้านรูตเบียร์มาได้ 30 ปี
ต่อมาในปี ค.ศ. 1967 John ตั้งชื่อบริษัทของเขาใหม่ว่า “Marriott” ซึ่งใช้เรียกรวมทุกกิจการในเครือ ทั้งโรงแรมและร้านอาหาร
ในช่วงเริ่มต้นของกิจการโรงแรม ก็ได้ลูกชายคนโตของ John กับ Alice ที่ชื่อว่า “J.W. Bill Marriott Jr.” เข้ามาช่วยบริหาร
Bill เรียนด้านการเงินจากมหาวิทยาลัยยูทาห์ โดยภายใต้การบริหารของเขา บริษัทสามารถทำกำไรได้มากขึ้นอย่างชัดเจน จน Bill กลายมาเป็นบุคคลสำคัญที่ได้วางรากฐานธุรกิจและขยายอาณาจักร Marriott
ด้วยผลงานที่โดดเด่นของ Bill จึงทำให้เขาได้รับเลือกเป็นประธานบริษัทในปี ค.ศ. 1964 ก่อนที่จะได้รับเลือกเป็น CEO ในอีก 8 ปีต่อมา
Bill เน้นขยายโรงแรมใกล้สนามบิน และโรงแรมเพื่อการประชุมหรือ Convention โดยสร้างจุดเด่นให้กับโรงแรมของ Marriott ที่มีทั้งห้องจัดประชุมสัมมนา ภัตตาคาร ไปจนถึงลานสเกตน้ำแข็ง
นอกจากนี้ Bill ยังเปลี่ยนโมเดลธุรกิจ จากการเป็นเจ้าของโรงแรมเอง สู่การรับบริหารโรงแรม และระบบแฟรนไชส์
นั่นจึงทำให้ในปี ค.ศ. 1993 บริษัท Marriott แบ่งการบริหารจัดการออกเป็น 2 บริษัท
บริษัทแรกชื่อ Marriott International ที่จัดการในส่วนของธุรกิจรับบริหารโรงแรมและระบบแฟรนไชส์ ซึ่งดูแลโดยลูกชายคนโต นั่นก็คือ Bill
บริษัทที่สองชื่อ Host Hotels and Resorts ที่จัดการในส่วนของธุรกิจโรงแรมที่ Marriott เป็นเจ้าของเอง ซึ่งดูแลโดยน้องชายของ Bill ที่ชื่อ Richard
อีกหนึ่งจุดเปลี่ยนที่สำคัญ ที่ช่วยเร่งขยายฐานลูกค้าให้ Marriott ก็คือการเป็นบริษัทโรงแรมแรกของโลก ที่ให้บริการระบบจองที่พักแบบออนไลน์ ในปี ค.ศ. 1995
และกลยุทธ์สำคัญที่ทำให้ Marriott ขยายอาณาจักรโรงแรมได้อย่างรวดเร็วก็คือ “การควบรวมกิจการ”
ปี ค.ศ. 1995 Marriott เริ่มซื้อกิจการครั้งแรก ด้วยการเข้าไปถือหุ้น 49% ในโรงแรม Ritz-Carlton ก่อนที่อีกไม่กี่ปีต่อมาจะเข้าซื้อทั้งกิจการ
แต่การซื้อกิจการที่สำคัญที่สุด เกิดขึ้นในปี ค.ศ. 2016 ภายใต้การนำของ CEO ที่เป็นคนนอกตระกูลคนแรกอย่าง Arne Sorenson
Marriott ได้เข้าซื้อกิจการ Starwood Hotels and Resorts ซึ่งเป็นเจ้าของแบรนด์โรงแรมดังมากมาย อย่างเช่น Sheraton, W Hotels และ St. Regis
และในตอนนี้เองที่ Marriott ได้ก้าวขึ้นมาเป็นเชนโรงแรมที่ใหญ่สุดในโลก
น่าเสียดายที่ John เสียชีวิตไปตั้งแต่ปี ค.ศ. 1985 เขาจึงไม่มีโอกาสได้เห็นความยิ่งใหญ่ของอาณาจักร Marriott ในปัจจุบัน ที่เขาเป็นผู้ริเริ่ม
แต่สิ่งสำคัญที่ตกทอดมาจาก John จนกลายเป็นหนึ่งในดีเอ็นเอของ Marriott ก็คือวัฒนธรรมองค์กร
เพราะ John ให้ความสำคัญกับพนักงานทุกคนและดูแลพนักงานเหมือนคนในครอบครัว มาตั้งแต่ช่วงแรกที่เริ่มทำธุรกิจ
เหมือนกับหนึ่งในคำพูดอมตะของเขาที่ว่า
“Take care of associates, and they’ll take care of your customers”
หรือ ดูแลพนักงานของคุณให้ดี แล้วพนักงานเหล่านั้นจะดูแลลูกค้าของคุณต่อเอง
นั่นจึงทำให้ Marriott ไม่ได้เป็นเพียงหนึ่งในโรงแรมที่น่าเข้าพักมากที่สุดเท่านั้น
แต่ในมุมของสถานที่ทำงาน Marriott ยังติดอันดับโลกในด้านบริษัทที่น่าทำงานด้วยมากที่สุดเช่นกัน..
╔═══════════╗
Blockdit เป็นแพลตฟอร์ม สำหรับนักอ่าน และนักเขียน
ที่มีผู้ใช้งาน 1 ล้านคน ลองใช้แพลตฟอร์มนี้เพื่อได้ไอเดียใหม่ๆ
แล้วอาจพบว่าสังคมนี้เหมาะกับคนเช่นคุณ
Blockdit. Ideas Happen. Blockdit.com/download
╚═══════════╝
ติดตามลงทุนแมนได้ที่
Website - longtunman.com
Blockdit - blockdit.com/longtunman
Facebook - facebook.com/longtunman
Twitter - twitter.com/longtunman
Instagram - instagram.com/longtunman
Line - page.line.me/longtunman
YouTube - youtube.com/longtunman
Spotify - open.spotify.com/show/4jz0qVn1AL7tRMHiTvMbZH
Apple Podcasts - podcasts.apple.com/th/podcast/ลงท-นแมน/id1543162829
Soundcloud - soundcloud.com/longtunman
References:
-https://www.cnbc.com/2021/08/10/how-marriott-became-the-worlds-biggest-hotel-chain.html
-https://www.washingtonpost.com/archive/politics/1985/08/14/hotel-magnate-jw-marriott-dies-at-age-84/d8cfeda2-6a83-40fc-8126-310233d114f0/
-https://www.entrepreneur.com/article/197668
-https://edition.cnn.com/2012/04/12/business/marriott-hotel-industry/index.html
-https://en.wikipedia.org/wiki/Marriott_International
-https://en.wikipedia.org/wiki/List_of_chained-brand_hotels
-https://companiesmarketcap.com/hotels/largest-hotel-companies-by-market-cap/
-https://careers.marriott.com/20-years-fortune-100-list/
-https://www.marriott.com/culture-and-values/j-willard-marriott.mi
同時也有54部Youtube影片,追蹤數超過19萬的網紅Mateusz Urbanowicz,也在其Youtube影片中提到,I try to imagine and paint cute Japanese stores to learn how to create things not based on direct references. * Here is the prints shop link: https:/...
「list of references」的推薦目錄:
- 關於list of references 在 ลงทุนแมน Facebook 的最佳解答
- 關於list of references 在 ลงทุนแมน Facebook 的最佳解答
- 關於list of references 在 ลงทุนแมน Facebook 的最讚貼文
- 關於list of references 在 Mateusz Urbanowicz Youtube 的最讚貼文
- 關於list of references 在 Tomoaki Physique Youtube 的精選貼文
- 關於list of references 在 Mateusz Urbanowicz Youtube 的最佳貼文
list of references 在 ลงทุนแมน Facebook 的最佳解答
จากโรคระบาด สู่ปัญหาการเงิน ที่ทำให้ เมสซิ ต้องย้ายทีม /โดย ลงทุนแมน
เรื่องที่สร้างแรงสั่นสะเทือนวงการฟุตบอลมากที่สุดในช่วงที่ผ่านมา
คงหนีไม่พ้นเรื่องการย้ายทีมของ “ลิโอเนล เมสซิ” หนึ่งในนักฟุตบอลชื่อดังระดับโลก
หลายสิบปีที่ผ่านมา เมสซิ เปรียบเสมือนสัญลักษณ์ของบาร์เซโลนา
ภาพที่เมสซิต้องย้ายออกจากบาร์เซโลนาเพื่อไปเล่นให้สโมสรฟุตบอลแห่งใหม่ คงแทบไม่มีใครคาดคิดมาก่อน
ที่น่าสนใจก็คือ ปัญหาสำคัญที่ทำให้เมสซิต้องย้ายทีมด้วยความจำเป็น
ก็เพราะ “ปัญหาทางด้านการเงินของสโมสร”
บทสรุปของเรื่องนี้เป็นอย่างไร ?
ลงทุนแมนจะเล่าให้ฟัง
╔═══════════╗
Blockdit เป็นแพลตฟอร์ม สำหรับนักอ่าน และนักเขียน
ที่มีผู้ใช้งาน 1 ล้านคน ลองใช้แพลตฟอร์มนี้เพื่อได้ไอเดียใหม่ๆ
แล้วอาจพบว่าสังคมนี้เหมาะกับคนเช่นคุณ
Blockdit. Ideas Happen. Blockdit.com/download
╚═══════════╝
เมสซิลงเล่นให้บาร์เซโลนาอย่างเป็นทางการ มาตั้งแต่ปี 2004-2021
เขาเล่นไปทั้งหมด 778 นัด ยิง 672 ประตูให้กับสโมสร ทำให้เขาเป็นนักเตะที่ทำประตูสูงสุดตลอดกาลของบาร์เซโลนามาจนถึงทุกวันนี้ และคงไม่ง่ายที่จะหาใครมาทำลายสถิติของเขาที่ทำไว้กับบาร์เซโลนา
จุดเปลี่ยนสำคัญของการย้ายทีมของเขาครั้งนี้ ต้องย้อนกลับไปในปี 2013
สหพันธ์ฟุตบอลสเปน ผู้บริหาร ลาลีกา ซึ่งเป็นลีกฟุตบอลอาชีพสูงสุดในประเทศสเปน เริ่มใช้มาตรการควบคุมด้านการเงิน ที่เรียกว่า “Financial Fair Play”
กฎ Financial Fair Play ที่ว่านี้ ถูกตั้งขึ้นมาเพื่อป้องกันไม่ให้สโมสรฟุตบอลไหนก็ตามใช้เงินเกินตัว จนอาจนำมาซึ่งการล้มละลายของสโมสรฟุตบอล
โดยจะมีการกำหนด “เพดานค่าเหนื่อย” หรือก็คือ ค่าแรง ที่แต่ละสโมสรจะสามารถใช้ได้ในแต่ละฤดูกาล ให้เหมาะสมกับระดับรายได้และสถานะทางการเงินของสโมสรในแต่ละปี
ก่อนหน้านี้ กฎการเงินที่ว่านี้ ก็ดูไม่ได้เป็นปัญหาอะไรกับสโมสรบาร์เซโลนา เพราะในช่วงเวลาปกติ แม้บาร์เซโลนาจะมีค่าใช้จ่ายจำนวนมาก แต่สโมสรก็สามารถหารายได้มากเช่นกัน
สโมสรมีรายได้จากการขายตั๋วเข้าชมการแข่งขัน รายได้จากการขายของที่ระลึก รายได้จากลิขสิทธิ์การถ่ายทอดสด และยังมีรายได้ที่เป็นเงินรางวัลจากการชนะการแข่งขันในรายการต่าง ๆ
แต่ปัญหามันเริ่มเกิดขึ้น หลังจากเกิดการระบาดของโควิด 19..
สนาม Camp Nou ของบาร์เซโลนาเป็นสนามฟุตบอลที่ใหญ่ที่สุดในสเปนและยุโรป มีความจุถึง 99,354 ที่นั่ง จากที่เคยมีผู้ชมเข้าสนามเต็มความจุ ต้องกลายมาเป็นสนามที่ปราศจากแฟนฟุตบอล รายได้จากการขายตั๋วเข้าชมก็หดหายไป
นักท่องเที่ยวจากทั่วโลก ไม่สามารถเดินทางมาเที่ยวชมรังเหย้าของสโมสรได้ แหล่งรายได้สำคัญอีกทางหนึ่งของสโมสร ก็หายไป
เมื่อไม่มีคนมาเที่ยวสนาม รายได้จากการขายของที่ระลึก รายได้จากทัวร์เข้าชมสนาม ก็หายตามไปมากด้วยเช่นกัน
รายได้จาก 3 ช่องทางหลัก ๆ ของสโมสรบาร์เซโลนาหายไปไม่น้อย
ผลประกอบการของสโมสรฟุตบอล บาร์เซโลนา ช่วงที่ผ่านมา
ฤดูกาล 2018/2019 รายได้ 38,900 ล้านบาท กำไร 157 ล้านบาท
ฤดูกาล 2019/2020 รายได้ 33,600 ล้านบาท ขาดทุน 3,800 ล้านบาท
ผลประกอบการที่แย่ลงจนขาดทุน พ่วงมาด้วยปัญหาสำคัญ นั่นก็คือ เพดานค่าเหนื่อย หรือค่าแรงที่สโมสรจะใช้จ่ายให้นักเตะ ก็ลดลงตามไปด้วย ตามกฎ Financial Fair Play
เพดานค่าเหนื่อย ในฤดูกาล 2020/2021 ของบาร์เซโลนา ถูกทางลาลีกา ปรับลดลงจาก 26,400 ล้านบาทต่อปี เหลือราว ๆ 15,000 ล้านบาทต่อปี
ที่น่าสนใจคือ ในปีที่ผ่านมา บาร์เซโลนา มีค่าใช้จ่ายรวมแล้วสูงกว่า 25,000 ล้านบาท ซึ่งเกือบทั้งหมด คือเงินค่าเหนื่อยของนักเตะ
เท่ากับว่า สโมสรต้องลดค่าเหนื่อยของนักเตะลงให้ได้ถึงราว ๆ 10,000 ล้านบาทในปีนี้ เพื่อให้ไม่เกินเพดานกำหนด
อย่างในฤดูกาลล่าสุดก่อนหน้านี้นั้น สัดส่วนค่าเหนื่อยของนักเตะต่อรายได้ของสโมสรบาร์เซโลนาก็เกินเพดาน Financial Fair Play เช่นเดียวกัน ทำให้บาร์เซโลนาต้องปล่อยนักเตะชื่อดังบางคนออกไป เพื่อลดภาระค่าใช้จ่าย
แม้แต่ตัวของเมสซิเอง เขาก็ได้ลดค่าเหนื่อยของตัวเองลง 50% จากก่อนหน้าที่เมสซิได้ค่าเหนื่อยราว ๆ 940,000 ยูโรต่อสัปดาห์ ลดมาอยู่ราว 470,000 ยูโรต่อสัปดาห์
แม้จะลดค่าเหนื่อยลงไปครึ่งหนึ่ง แต่ด้วยเงินระดับนี้ มันก็ยังมากถึงขนาดสามารถเอาไปจ่ายให้สตาร์ดังคนอื่นในทีมรวมกันได้ 2-3 คนเลยทีเดียว
พอมาในปีนี้ ที่เพดานค่าเหนื่อยของสโมสรลดต่ำลงอีก ทางเลือกที่เมสซิและบาร์เซโลนาตกลงกันในที่สุดก็คือ เมสซิจะต้องออกจากสโมสรไป เพื่อให้ค่าเหนื่อยของสโมสรไม่เกินเพดาน และเพื่อไม่ต้องปล่อยนักเตะดัง ๆ หลายคนออกไปแลกกับการรั้งเขาไว้คนเดียว
นี่จึงเป็นเหตุผลทำให้เมสซิ ต้องมองหาสโมสรใหม่ จนในที่สุดเขาได้ตกลงย้ายไปอยู่กับ ปารีแซ็ง-แฌร์แม็ง (Paris Saint-Germain F.C.) สโมสรฟุตบอลชั้นนำในฝรั่งเศส อย่างเป็นทางการในเวลาต่อมา
ก่อนหน้านี้เมื่อช่วงปี 2020 ที่ผ่านมา ก็เคยมีข่าวว่าเมสซิอยากย้ายทีม เพราะไม่ค่อยลงรอยกันกับผู้บริหารของทีมและผู้อำนวยการกีฬาของสโมสร
แต่สุดท้ายปัญหานั้นก็เคลียร์จบลงด้วยดี
หลังจากมีการเปลี่ยนตัวผู้บริหาร และผู้อำนวยการกีฬาของสโมสร
แต่ท่ามกลางสถานการณ์ความขัดแย้งที่ดูจะจบลงด้วยดี และถึงเวลาที่เมสซิจะต้องต่อสัญญาฉบับใหม่กับบาร์เซโลนา
สัญญาฉบับใหม่นี้ มันกลับไม่สามารถเกิดขึ้นได้
เพราะปัญหาการเงินของสโมสร ที่เกิดจากผลกระทบของโควิด 19..
ปิดท้ายด้วยข้อมูลที่น่าสนใจ
ปัจจุบัน เจ้าของสโมสรปารีแซ็ง-แฌร์แม็ง คือ กลุ่มทุนที่ชื่อว่า “Qatar Sports Investments” ซึ่งเป็นบริษัทลูกของ Qatar Investment Authority หรือกองทุนความมั่งคั่งแห่งชาติของกาตาร์ ที่ปัจจุบัน มีสินทรัพย์ภายใต้การบริหารสูงกว่า 10 ล้านล้านบาท
╔═══════════╗
Blockdit เป็นแพลตฟอร์ม สำหรับนักอ่าน และนักเขียน
ที่มีผู้ใช้งาน 1 ล้านคน ลองใช้แพลตฟอร์มนี้เพื่อได้ไอเดียใหม่ๆ
แล้วอาจพบว่าสังคมนี้เหมาะกับคนเช่นคุณ
Blockdit. Ideas Happen. Blockdit.com/download
╚═══════════╝
ติดตามลงทุนแมนได้ที่
Website - longtunman.com
Blockdit - blockdit.com/longtunman
Facebook - facebook.com/longtunman
Twitter - twitter.com/longtunman
Instagram - instagram.com/longtunman
Line - page.line.me/longtunman
YouTube - youtube.com/longtunman
Spotify - open.spotify.com/show/4jz0qVn1AL7tRMHiTvMbZH
Apple Podcasts - podcasts.apple.com/th/podcast/ลงท-นแมน/id1543162829
Soundcloud - soundcloud.com/longtunman
References:
-https://en.wikipedia.org/wiki/Lionel_Messi
-https://en.wikipedia.org/wiki/List_of_FC_Barcelona_records_and_statistics
-https://www.sportskeeda.com/football/psg-weekly-wages-lionel-messi-neymar-first-team-stars-revealed-ligue-1-2021-22-mbappe-ramos/3
-https://fcbarcelonalatestnews.com/fc-barcelona-players-wages/
-https://www.cbssports.com/soccer/news/lionel-messi-tops-forbes-list-of-worlds-highest-paid-soccer-players/
-https://www.fcbarcelona.com/en/club/organisation-and-strategic-plan/commissions-and-bodies/annual-reports
-https://www.getfootballnewsfrance.com/2021/ligue-1s-delay-in-new-financial-fair-play-rules-pivotal-in-psg-attempts-to-sign-lionel-messi/
-https://en.wikipedia.org/wiki/Qatar_Investment_Authority
-https://www.fcbarcelona.com/en/football/first-team/news/2070529/leo-messi-fc-barcelonas-historic-record-breaker
-https://inews.co.uk/sport/football/lionel-messi-contract-transfer-barcelona-deal-la-liga-budget-financial-fair-play-1139932
list of references 在 ลงทุนแมน Facebook 的最讚貼文
ถ้าเรามีบัญชีเงินฝากเกิน 1 ล้านบาท จะทำยังไงดี ? เมื่อการคุ้มครองเงินฝากลดลง
ลงทุนแมนจะเล่าให้ฟัง
References
https://www.dpa.or.th/articles/view/list-of-insured-financial-institutions
https://www.gsb.or.th/media/2020/03/พ-ร-บ-ธนาคารออมสน-พ-ศ-2489-ฉบบ-Update-ลาสด.pdf
https://www.set.or.th/set/companyholder.do?symbol=TTB&ssoPageId=6&language=th&country=TH
https://www.set.or.th/set/companyholder.do?symbol=KTB&ssoPageId=6&language=th&country=TH
list of references 在 Mateusz Urbanowicz Youtube 的最讚貼文
I try to imagine and paint cute Japanese stores to learn how to create things not based on direct references.
* Here is the prints shop link:
https://www.inprnt.com/gallery/mattjabbar/
* I'm also making these based on your prompts. To see the list of ideas already submitted go here:
https://www.evernote.com/shard/s62/sh/a62bd816-2e47-4add-0d4e-1db7ac31d6b6/5a029ccfcf83a3f588fad4c641a0ac51
* All illustrations from this series done so far are on my website, here:
https://mateuszurbanowicz.com/works/newmisegamae/
Tools:
- BiC Evolution HB pencil
- Blackwing Natural pencil
- Mijello watercolors
- IndiGraph fountain pen
- Dark gray waterproof ink by Kakimori
- Waterford White - hot press watercolor paper
Feel free to check out my other stuff:
Gumroad: https://gumroad.com/mateusz_urbanowicz
Patreon: https://www.patreon.com/mateuszurbanowicz
Website: http://mateuszurbanowicz.com
Blog: http://mattjabbar.tumblr.com
Twitter: https://twitter.com/gommatt
Instagram: https://www.instagram.com/mateusz_urbanowicz
list of references 在 Tomoaki Physique Youtube 的精選貼文
好評につき第二弾
初めてバーベルを握った18歳の頃に
知りたかった、僕が経験してきた失敗やまわりでみかける失敗をまとめました
前回の内容はこちらから
【筋トレ10の失敗】僕が初心者の頃に知りたかった失敗
https://youtu.be/Ajt2CcAP3Pc
【質問回答流し聞き再生リスト】
https://www.youtube.com/watch?v=0o91l1PDLLU&list=PLuwV_ls1cXn34zBhH-TMcJkV7YzUYHsev
▼Instagram https://instagram.com/tomoaki_physique
▼Twitter https://twitter.com/TomoakiPhysique
▼サブチャンネル
https://www.youtube.com/channel/UCqZRZIZYRvKRtcEVhhiS60g
References:
https://elementssystem.com/wp-content/uploads/2018/04/schoenfeld-frequency.pdf
https://docksci.com/influence-of-resistance-training-frequency-on-muscular-adaptations-in-well-train_5a4e8842d64ab2f284b251b7.html
list of references 在 Mateusz Urbanowicz Youtube 的最佳貼文
I try to imagine and paint cute Japanese stores as a part of this year's goal to learn how to create things not based on direct references.
* Here is the prints shop link:
https://www.inprnt.com/gallery/mattjabbar/
* I'm also making these based on your prompts. To see the list of ideas already submitted go here:
https://www.evernote.com/shard/s62/sh/a62bd816-2e47-4add-0d4e-1db7ac31d6b6/5a029ccfcf83a3f588fad4c641a0ac51
* All illustrations from this series done so far are on my website, here:
https://mateuszurbanowicz.com/works/newmisegamae/
Tools:
- BiC Evolution HB pencil
- Blackwing Natural pencil
- Mijello watercolors
- IndiGraph fountain pen
- Dark gray waterproof ink by Kakimori
- Waterford White - hot press watercolor paper
Feel free to check out my other stuff:
Gumroad: https://gumroad.com/mateusz_urbanowicz
Patreon: https://www.patreon.com/mateuszurbanowicz
Website: http://mateuszurbanowicz.com
Blog: http://mattjabbar.tumblr.com
Twitter: https://twitter.com/gommatt
Instagram: https://www.instagram.com/mateusz_urbanowicz