❗️#อัพเดท ... สถานการณ์ Covid-19 ในฮ่องกง
(18 กค 63 เวลา 09.45 น.)
.
สรุปข่าวเมื่อวานค่ะ (17 กค 63)
ฮ่องกงพบผู้ติดเชื้อใหม่ 58 คน เป็นการ #ติดเชื้อในฮ่องกง 50 คน #เสียชีวิต 1 คน รักษาหาย 10 คน
.
#ไฮไลท์ภาพรวม
- ยอดผู้ติดเชื้อรวมทั้งหมดในระลอก 3 (เฉพาะติดในฮ่องกง) (13 วัน, 5-17 กค) มีจำนวน 351 คน
(จำแนกจำนวนเคสแต่ละวัน 2, 1, 9, 19, 34, 32, 16, 30, 41, 40, 14, 63, 50)
.
- ผู้ติดเชื้อส่วนใหญ่ยังอยู่ในโซนเกาลูนตะวันออก โดยเฉพาะเมือง Tsz Wan Shan และเริ่มพบเคสทางตอนใต้ของเกาะฮ่องกงบริเวณ Aberdeen และ cluster บ้านพักคนชรา Jockey Club Sunshine Complex (Wong Chuk Hang)
.
- ผู้เสียชีวิตเป็นคนชรามีโรคประจำตัวเรื้อรัง ถูกระบุว่าติดเชื้อและเสียชีวิตในวันเดียวกัน (เมื่อวานนี้)
.
- พบผู้ติดเชื้อเป็นคนขับรถเมล์ พนักงานในช็อปแห่งหนึ่งในห้าง Landmark และ Hollywood Plaza พนักงานล้างจานในร้านซูชิและติ่มซำ ฯลฯ
.
- รัฐบาลฮ่องกงประกาศโครงการให้ประชาชนตรวจหาเชื้อโควิด #ฟรี โดยมีจุดประสงค์สำหรับคนที่เริ่มมีอาการ ทั้งนี้ จะไม่ออกจดหมายให้หากไม่พบเชื้อ เพราะฉะนั้น จึงไม่ครอบคลุมผู้ที่ต้องการใช้ผลตรวจเพื่อเหตุผลส่วนตัว เช่น ใช้เป็นเอกสารประกอบการเดินทาง ฯลฯ โครงการนี้ ครอบคลุมถึงแผนกฉุกเฉิน รพ รัฐ, คลีนิคผู้ป่วยนอกของรัฐ, รพ รัฐบาล และคลีนิคเอกชน
.
- เริ่ม 20 กค สิงคโปร์ออกกฎใหม่ให้คนที่เคยอยู่ในฮ่องกง ญี่ปุ่น และ รัฐวิคตอเรีย(ออสเตรเลีย) ก่อนเข้าสิงคโปร์ 14 วัน ต้องเข้า state quarantine และตรวจหาเชื้อโควิดเมื่อเข้าสิงคโปร์ ค่าใช้จ่ายในการกักตัวต้องรับผิดชอบเอง
.
- มณฑลกวางตุ้ง(รวมเสิ่นเจิ้น จูไห่)ออกกฎให้พลเมืองฮ่องกงต้องยื่นผลตรวจปลอดโควิดก่อนเข้าเมือง
.
#ผู้ติดเชื้อใหม่ (58 คน)
- 57 คนเป็นพลเมืองฮ่องกง 1 คนไม่สามารถระบุได้ โดยเป็นชาย 24 คน หญิง 34 คน อายุระหว่าง 6-92 ปี
- 8 คน มีประวัติเดินทางต่างประเทศในระยะฟักตัว
- 50 คน ถูกระบุว่า #ติดเชื้อในฮ่องกง โดย 23 คน #ยังไม่พบต้นตอของการติดเชื้อ
.
==============
#ผู้ติดเชื้อใหม่จากต่างประเทศ (8 คน)
#ไฮไลท์
- #พบผู้ติดเชื้อกักตัวในที่พักส่วนตัว
.
#รายละเอียด
- 1 คน เป็นหญิงอายุ 80ปี เดินทางมาจาก #ฟิลิปปินส์ ถึงฮ่องกงวันที่ 4 กค อยู่ระหว่างกักตัวเองในที่พัก (Sau Yuen House, Chuk Yuen South Estate - Wong Tai Sin)
- 1 คน เป็นชายวัย 59 ปี ทำงานเดินเรือ เดินทางมาจาก #เอธิโอเปีย ถึงฮ่องกงวันที่ 16 กค และออกจากฮ่องกงไปแล้ว ไม่ได้รักษาตัวที่นี่
- 4 คน เป็นชายวัย 30 ปี และหญิงวัย 21 ปี จาก #อินเดีย หญิงวัย 20 ปีจาก #มาเลเซีย และ หญิงวัย 25 ปี จาก #ฟิลิปปินส์ ทั้งหมดเดินทางถึงฮ่องกงวันที่ 15 และ 16 กค ถูกส่งตัวจากศูนย์ตรวจ Asia World Expo และศูนย์รอผลตรวจ รร Regal Oriental (Kowloon City)
- 2 คน เป็นชายวัย 27 และ 38 ปี เดินทางมาจาก #ปากีสถาน ถึงฮ่องกงวันที่ 4 กค ถูกส่งตัวจากศูนย์กักตัวของรัฐ
.
==============
#ไฮไลท์ผู้ติดเชื้อใหม่ในฮ่องกง (50 คน)
.
#3 ชายอายุ 57 ปี พนักงานบ้านพักคนชรา Kong Tai
.
#8 หญิงอายุ 24 ปี เคยทานอาหารที่ร้าน Dim Sum Square (cluster ที่ร้านนี้ รวม 5 คน)
.
#9 (ไม่สามารถระบุต้นตอ) ชายวัย 37 ปี ทำงานอยู่ที่ร้านขายเครื่องไฟฟ้า Broadway ห้าง Plaza Hollywood (Diamond Hill)
.
#11 (ไม่สามารถระบุต้นตอ) หญิงวัย 47 ปี อาชีพขายผักอยู่ในตลาดสด
.
#12 (ไม่สามารถระบุต้นตอ) หญิงวัย 51 ปี ทำงานล้างจานที่ร้าน Genki Sushi สาขา Tsz Wan Shan Shopping Centre
.
#16 (ไม่สามารถระบุต้นตอ) หญิงวัย 44 ปี ทำงานที่ร้านนวดที่ตึก Han Hing Mansion (Tsim Sha Tsui)
.
#18 (ไม่สามารถระบุต้นตอ) ชายวัย 58 ปี พนักงานรักษาความปลอดภัยในห้างสรรพสินค้า
.
#19 (ไม่สามารถระบุต้นตอ) หญิงวัย 55 ปีพยาบาลที่คลีนิค Dr. Yip ตึก Champion Building, Nathan Road (Yau Ma Tei)
.
#23 (ไม่สามารถระบุต้นตอ) หญิงวัย 69 ปี ทำงานล้างจานที่ร้านติ่มซำ Meet Point (Tsz Wan Shan)
.
#25 ชายอายุ 79 ปี อาศัยอยู่ที่บ้านพักคนชรา Kong Tai (Tsz Wan Shan)
.
#30 (ไม่สามารถระบุต้นตอ) ชายวัย 61 ปี คนขับรถเมล์สาย 23 (North Point - Kennedy Town) ภรรยาของเค้าก็ถูกระบุว่าติดเชื้อด้วยในวันนี้
.
#31 (ไม่สามารถระบุต้นตอ) หญิงวัย 41 ปี ทำงานอยู่ในช็อปแห่งหนึ่งที่ห้าง Landmark (Central)
.
#33 หญิงอายุ 18 ปี ลูกสาวพนักงานร้าน Sasa สาขา Yau Tong ที่ติดเชื้อไปในวันที่ 10 กค
.
#34 ชายวัย 55 ปี มีความเกี่ยวโยงกับผู้ติดเชื้อไปแล้ว 2 คน คือ เจ้าหน้าที่ศุลกากรและยามที่ The Peak
.
#36 หญิงวัย 92 ปี อาศัยอยู่ที่บ้านพักคนชรา Jockey Club Sunshine Complex (Wong Chuk Hang)
.
#43 (ไม่สามารถระบุต้นตอ) หญิงวัย 71 ปี ถูกระบุว่าติดเชื้อและ #เสียชีวิต ในวันนี้
.
#44 หญิงวัย 56 ปี พนักงานบ้านพักคนชรา Jockey Club Sunshine Complex และพยาบาลส่วนตัวของ#36
.
#49 หญิงวัย 65 ปี ภรรยาของ#30 หรือ คนขับรถเมล์สาย 23
.
#50 หญิงอายุ 29 ปี ผู้ช่วยแม่บ้านให้พนักงาน ตม ที่ติดเชื้อไปในวันที่ 14 กค ครอบครัวนี้ติดเชื้อแล้ว 4 คน (รวมแม่บ้าน)
.
====================
#ที่พักของผู้ติดเชื้อในฮ่องกง (50 คน)
#1 #2 (รวม 2 คน) Kimberley Mansion (Tsim Sha Tsui)
#3 Gomme House (Tsz Wan Shan)
#4 Yung Sui House, Yung Shing Court (Fanling)
#5 Shun King Court (Sham Shui Po)
#6 #39 (รวม 2 คน) Ching Hong House, Tsz Ching Estate (Tsz Wan Shan)
#7 Tip Chui House, Butterfly Building (Tuen Mun)
#8 Block 2, Smithfield Court (Kennedy Town)
#9 Yiu Sin House, Upper Wong Tai Sin Estate
#10 Hin Fu House, Hin Keng Estate
#11 Ching Yi House, Tsz Ching Estate (Tsz Wan Shan)
#12 Koon Fung House (Wing Tai Sin)
#13 #23 #40 (รวม 3 คน) Lok Shun House, Tsz Lok Estate (Tsz Wan Shan)
#14 Kam Wan House, Choi Hung Estate
#15 Yung Lai House, Yau Lai Estate (Yau Tong)
#16 #27 (รวม 2 คน) Block 1, Richland Gardens (Choi Hung)
#17 #42 (รวม 2 คน) On Yan House, Tsz On Court (Tsz Wan Shan)
#18 Tin Hang House, Shun Tin Estate (Kowloon Bay)
#19 #26 (รวม 2 คน) Chu Fung House, Fung Tak Estate (Tsz Wan Shan)
#20 #21 Hong Tim House, Tsz Hong Estate (Tsz Wan Shan)
#22 N/A
#24 Oi Chung House, Tsz Oi Court (Tsz Wan Shan)
#25 N/A #28 Pik Yuen House, Shek Pai Wan Estate (Aberdeen)
#29 Wan Hang House, Wan Tau Tong Estate (Tai Po)
#30 #49 (รวม 2 คน) Pok Tai House, Pok Hong Estate (Sha Tin)
#31 Kapok House, Kwong Yuen Estate (Shek Mun)
#32 Tak Shan House, Tak Long Estate (Kai Tak)
#33 N/A
#34 #38 (รวม 2 คน) Oi Kan House, Tsz Oi Court (Tsz Wan Shan)
#35 #45 (รวม 2 คน) Shun Tin House, Shatin Pass Estate (Tsz Wan Shan)
#36 TWGHs Jockey Club Sunshine Complex for the Elderly (Wong Chuk Hang)
#37 Senior Building (Wan Chai)
#41 Che Wah Building (Tsz Wan Shan)
#43 Block 8, City Garden (North Point)
#44 Shun Fung Lau, Yue Kwong Chuen (Aberdeen)
#46 Kam Shek House, Ping Shek Estate (Choi Hung)
#47 N/A
#48 N/A
#50 Tower 1, Heya Green (Sham Shui Po)
.
==================
#สถานที่ที่ผู้ติดเชื้อใหม่ในฮ่องกงเคยไป
(วันที่ คือ บันทึกวันสุดท้าย ณ สถานที่นี้ ผู้ติดเชื้ออาจเคยไปก่อนหน้านี้)
9 กค
- South China Athletic Association (Causeway Bay)
- Beverly Garden Shopping Arcade (Tseung Kwan O)
- Rich Forex Restaurant (Tai Wai)
- Fairwood, Wu Chung House (Wan Chai)
- Tao Heung, OceanWalk (Tuen Mun)
- Kung Fu Dim Sum, Wo Che Plaza (Tuen Mun)
- Choi Hung Community Centre for Senior Citizens Kingsford Center
- Federal Banquet, Hollywood Plaza (Diamond Hill)
10 กค
- Tai Woo Seafood Restaurant, Causeway Bay Plaza II
- Tao Heung, The Trend Plaza (Tuen Mun)
- Fully Industrial Building (Kwun Tong)
- Cafe de Coral, Kwok Kee Group Centre (Kwun Tong)
- Lippo Sun Plaza (Tsim Sha Tsui)
- Ajisen Ramen, The Parkville (Tuen Mun)
- Maccha House, Hollywood Plaza (Diamond Hill)
- Meet Point (Tsz Wan Shan)
11 กค
- Block 5, Carado Garden (Tai Wai)
- Po Lam market
- South Pacific Hotel (Wan Chai)
- Hoi Ting Tong, Tsz Wan Shan Shopping Centre
- Samuel’s Kitchen, Tsz Wan Shan Shopping Centre
- Kreya Ayer Restauran (Sham Shui Po)
- Yung Fung Shee Memorial Centre (Kwun Tong)
- Chuk Yuen South Estate (Wong Tai Sin)
- Fairwood, Rhythm Garden (San Po Kong)
- Hok Sam House, Lung Hang Estate (Tai Wai)
- Hing Lung Building (Sham Shui Po)
12 กค
- Ah Yung Kitchen, L'hotel Causeway Bay Harbour View (Tin Hau)
- V Cuisine, Lionsrise (Wong Tai Sin)
- Selwyn Factory Building (Kwun Tong)
- Yeung Uk Road Municipal Services Building (Tsuen Wan)
- Langham Place (Mong Kok)
13 ก.ค.
- Smiling Plaza (Sham Shui Po)
- College of Nursing Hong Kong (Wan Chai)
- Aroi Thai, Wong Tai Sin Temple Mall
- Genki Sushi, Tsz Wan Shan Shopping Centre
- Gascoigne Road Lands Tribunal (Yau Ma Tei)
- Sha Tau Kok Road Lung Yeuk Tau no. 18 (Fanling)
- West Kowloon Law Courts Building Block B (Nam Cheong)
14 ก.ค.
- Star House (Tsim Sha Tsui)
- Wan Chai Tower
- Hin Keng Shopping Centre (Tai Wai)
- United Centre (Admiralty)
16 ก.ค.
- Hammer Hill Road Sports Ground (Choi Hung)
17 กค
- Broadway, Plaza Hollywood (Diamond Hill)
- Han Hing Mansion (Tsim Sha Tsui)
- Champion Building (Yau Ma Tei)
- TWGHs Jockey Club Sunshine Complex for the Elderly (Wong Chuk Hang)
.
==================
#ผู้รักษาหาย (10 คน)
- ชาย 6 คน หญิง 4 คน
- อายุ 3-89 ปี
- รวมเวลารักษาใน รพ 5-16 วัน
.
=================
อื่นๆ
- รัฐบาลฮ่องกงจ่ายเงินเยียวยา HK$10,000 ให้ประชาชนไปแล้ว 5.3 ล้านคน และจะเริ่มพิจารณาผู้ลงทะเบียนกลุ่มสุดท้ายหรือผู้ส่งใบสมัครจำแนกตามช่วงอายุ
.
- ชายวัย 63 ปี ถูกตัดสินจำคุก 3 สัปดาห์ โทษฐานฝ่าฝืนการกักตัว โดยออกจากที่พักก่อนครบ 14 วัน ถูก ตม ด่านสะพานฮ่องกง จูไห่ มาเก๊า สกัดได้ในวันที่ 3 มิย
.
- รัฐบาลจัดโครงการตรวจหาโควิดฟรีให้ผู้ประกอบการร้านอาหารและลูกจ้าง โดยสามารถลงทะเบียนออนไลน์ได้ที่ https://www.fehd.gov.hk/english/events/covid19_test/restaurant.html ส่วนผู้ค้าที่อยู่ในตลาดสด หรือแผงลอยที่จดทะเบียนถูกต้องตามกฎหมาย จะมีเจ้าหน้าที่ติดต่อไป
.
- รัฐบาลฮ่องกง ประกาศกฎการเข้าเมืองใหม่สำหรับผู้เคยอยู่ในประเทศกลุ่มเสี่ยงสูงก่อนเข้าฮ่องกง 14 วัน (ได้แก่ บังคลาเทศ อินเดีย อินโดนีเซีย เนปาล ปากีสถาน ฟิลิปปินส์ และแอฟริกาใต้) ต้องยื่นผลตรวจปลอดเชื้อโควิดและใบจองโรงแรมในฮ่องกงที่ไม่ต่ำกว่า 14 วันนับจากวันที่ถึงฮ่องกง
.
=================
#ภาพรวมฮ่องกง
=================
- ผู้ติดเชื้อคอนเฟิร์มแล้วแบบสะสม 1,713 คน
- แบบไม่คอนเฟิร์ม (probable) 1 คน (ออกจาก รพ แล้ว)
- เสียชีวิต 11 คน
อัตราการเสียชีวิต - ฮ่องกง (0.64%) ไทย (1.79%) ทั่วโลก (4.22%)
- รักษาหาย 1,264 คน
อัตราการรักษาหาย - ฮ่องกง (73.75%) ไทย (95.59%) ทั่วโลก (59.39%)
- รักษาหายแล้วกลับเข้า รพ อีกครั้ง
รวม 11 คน (0.87%) ทั้งหมดออกจาก รพ แล้ว
- รวมยังรักษาอยู่ใน รพ ทั้งหมด - ฮ่องกง 375 คน อาการหนัก 8 คน, ไทย 85 คน ไม่มีข้อมูลผู้ป่วยอาการหนัก
.
#eatlike852 #covid19hongkong
star hotel uk 在 Tiara Jacquelina Facebook 的最佳貼文
Reading this post by @Shacind Ananthan
(@shacindananthan) made me cry tears of joy and pride, I felt compelled to share it with all of you...
"This is for all my fellow Malaysians who are still abroad; I hope this gives you a little insight on what went on during my journey from the UK all the way to the hotel I am quarantined in in KL. To my non-Malaysian friends, this is me unabashedly showing off the exemplary work by our government. This is my tribute to the countless men and women in duty who assisted us with so much care and respect.
It all started on the plane from Doha to KL, where I had transited from Manchester. With a mere 50 people on the plane, we were all fairly separated to sit in isolation from one another. After taking off, we were handed a Health Declaration form to fill up. In addition to the general information (name, age, etc), COVID specific questions were also asked. It even asked for our flight and seat number- I figured it was to track down those who came in contact with a suspected COVID-19 patient.
When I landed in KLIA, we were greeted warmly by 2 men in uniform at the end of the jet bridge. One was coordinating us to queue, strictly keeping in mind the 1m gap, and the other was guiding us to the skytrain on a Segway. As we approached the skytrain, another policewoman took over and brought us to the bus lounge, where we boarded a bus to the arrival hall. Each bus had a maximum of only 10 people, and the seats were marked with an ‘X’ to make sure we sat adjacent to each other. In the bus was another policewoman who made sure we went in one by one, and only allowed the next person to enter once the previous one had sat down. A recurring theme you would find is that at every ‘checkpoint’ there were at least 1-2 officers who did their job so diligently, that there was no hold up, making the process very smooth. It felt as if this was an extremely well thought out procedure that had been going on for years. All the i’s were dotted and t’s crossed.
Once we alighted the bus, we walked to the immigration counters and were screened by an infra-red thermometry system. After passing it, we were guided towards a team of health officials from KKM on the right. I was very impressed with the number of health officials and the amenities provided for them. There were around 10 officials in what looked like full hazmat suits, each provided with a chair and table. I was greeted by this lovely woman, who asked for my health declaration form and reaffirmed if I had any symptoms. The constant glee on her face and referring to me as “adik” made me feel like I was in safe hands. The first step to addressing a crisis is to calm the stakeholders. It is the little things like these that reassures one in an anxiety driven situation. She then gave me a home assessment form where I had to monitor and report my symptoms daily.
After clearing the immigration, we queued up to sanitize our hands, and then were given another form to register our particulars and emergency contacts. We sat down and filled up the forms while waiting for 3 more batches of people to arrive. After 20 minutes passed, a police officer gave us a short briefing on the do’s and don’ts while in quarantine. The question on everyone’s minds was “where are we being taken?”. I overheard conversations of people praying that it was a five-star hotel in KL. However dire the circumstances, the innate Malaysian tendency to always expect luxury never fades, does it? The policeman politely replied that he wasn’t sure where we were going to be quarantined, but assured us it was going to be a good place nevertheless.
Then we were escorted by another officer to the baggage claim area where our luggage had already been taken off the baggage carousel and organized for us to simply go and grab them. I figured that this was to reduce the contact between people in case we crowd around the conveyer belt. This also significantly reduced the time taken for us to get re-organized. Take note of the little details that the authorities paid attention to.
Later on, the same police officer led us to the arrival hall where 3 Smart Selangor buses had already been parked for us to board. Before entering the bus, a fireman proceeded to fumigate our luggage and backpacks one by one, while we sanitized our hands once more before being handed a bag full of snacks by another officer. In the bus was a lady who helped us load our luggage. It was very systematic, only allowing one person in the bus at a time to maintain social distancing.
We waited for around 30 minutes for all 3 batches of people to board the buses. My mind was still in a state of disbelief, I and kept wondering how much manpower and logistics it must have taken to make the process as smooth as possible and achieve this insane level of efficiency. Before leaving, the bus driver announced that we were being taken to Impiana KLCC Hotel. Mental gasps could be heard from the 15 people in the bus.
The journey to the hotel was just short of 50 minutes. We were all aghast looking at the sight before us when we reached the hotel. People were busy clicking pictures and taking videos of the scene that frankly seemed like it belonged to a distant dystopian future. Dozens of people in full hazmat suits were standing by a long table which looked like an assembly line, busy screening and registering us aliens. Before we got off the bus, a man in a PASKAU uniform briefed us on the next course of action. He told us to keep our passports ready for registration. We patiently helped each other with the luggage (still maintaining an appropriate distance) and queued up according to yellow tapes on the ground. I was standing in line between two sisters, so I offered the one behind me to take my spot but she politely declined. Soon enough, it was my turn.
The lady at the start of the table proceeded to check my temperature with a temperature gun and passed me another form, similar to the home assessment one. I then handed my passport to the next guy who immediately photo stated it with the photocopier behind him. While waiting for my passport, the following person asked for my phone number and my place of origin. After I received my passport, I was given the room key along with two masks and was quickly thrusted into the hotel. While it seemed quick and rushed, it was effective as the primary goal was to limit as much contact with others as possible.
As I walked in, I saw the girl who was in front of me struggling with her 4 huge bags, so me and another KKM personnel assisted her into the lift. We had a brief conversation and I got to know that she was a third-year student who had to leave the UK and pack her things for good overnight. Laughing at the fact that our rooms were next to each other, we bid goodbye and stormed into our rooms. In the room were two boxes of bottled water, plastic bags for the contaminated clothes, a huge bag filled with coffee, biscuits and snacks and so on. We are being served good nutritious food three times a day and housed in a four star (some five star) hotel all for free of charge. There is 24/7 surveillance and a medical team at our doorstep at all times. I bow down to this great nation with utmost humility, thank you for this Malaysia.
This lockdown/ quarantine has really cultivated the sense of community and the innate feeling of unity that we had lost. Though the time frame of when this epidemic will end is still unclear, it became clear to me that we will pull through, because that’s what Malaysians do best. This was further proven when all 74 of us quarantined at Impiana KLCC were added into a WhatsApp group by Lieutenant Zakee (who was in charge of our welfare in the hotel) for ease of communication. The group was instantly flooded with messages of hope, optimism and love and gratitude for the lieutenant, health workers and other officers who heroically put our welfare in front of their own lives.
Why am I writing this? This is a primary account of someone who experienced the plight of leaving a foreign country overnight with an uncertain future. This is to counter the fake narratives online that seek to defame our great nation. The entire ecosystem functioned like a well-oiled machine, NO stone was left unturned. It is not an overstatement when I say that Malaysia has been one of the most proactive countries with tackling the menace of COVID-19. Therefore, I urge the armchair economists at home, the constant naysayers- if you cannot acknowledge the good our government is doing, at least don’t stand in their way.
Thank you again, Malaysia, for keeping me safe. I have always been, am always, and will always be a proud citizen of this country that has given me so much.
Tanah tumpahnya darahku!
- Shacind Ananthan
(@shacindananthan)
star hotel uk 在 Ying C. 一匙甜點舀巴黎 Facebook 的精選貼文
[News / 甜點新聞] 前 Café Pouchkine 主廚 Nina Métayer 將在倫敦開店 / Nina Métayer, ex-international sweet creations Chef of Café Pouchkine to open her own shop in London
🍰 這兩年,#巴黎的甜點界與飲食地貌愈加國際化。不僅巴黎人對異國食物的接受程度越來越高、越來越多外國人在巴黎開店外,#許多法國主廚們也紛紛走入國際市場,將自己的作品帶出國境。英國的 Harrods 百貨公司從7月19日開始,邀請包括 Pierre Hermé Paris、Angelo Musa、Yann Couvreur 與 Cedric Grolet(8月30日至9月8日)等四位高知名度的法國甜點主廚,在 Harrods 的茶沙龍與 Roastery & Bake Hall 美食街販賣他們代表作品。現在更有法國主廚選擇在英國開始自己的第一家店。
Nina Métayer 是 #近年最受矚目的年輕法國甜點主廚之一,年僅31歲。之前在巴黎知名的甜點店 Café Pouchkine 擔任主廚,負責全球甜點創作,代表作「Matriochka」是以俄羅斯娃娃為外型發想的慕斯蛋糕,呼應該店與她本人的俄羅斯血統。她在 2016 與 2017 年分別由 Le Chef 雜誌和 Gault&Millau France 美食評鑑評選為年度最佳甜點主廚。在接掌 Café Pouchkine 之前,她曾擔任 Jean-François Piège - Page Officielle 主廚的 Grand Restaurant(米其林二星)餐廳與 Hotel Raphael Paris 甜點主廚;並在 YANNICK ALLENO OFFICIEL 主廚掌管 Le Meurice 廚房時,跟隨當時的天才年輕甜點主廚 Camille Lesecq 一起工作(後者正是讓 Cédric Grolet 與 Maxime Frederic 主廚都敬畏有加、對其作品與為人都讚嘆不已的主廚)。
Nina 在 Hôtel Raphael 時創作的「Île Flottante Exotique」(熱帶水果漂浮島)被法國專業飲食媒體 Atabula 選為「2014年最佳甜點」之一,讓她一舉成名。接下來她參加甜點競賽節目 Qui sera le prochain grand pâtissier ? 第三季獲得季軍,因此被 Jean François Piège 主廚挖掘,到後者的 Grand Restaurant 擔任甜點主廚並協助開幕,該餐廳第二年即獲得米其林二星肯定。Nina 在今年年初離開 Café Pouchkine 後,一直沒有確切的消息說明她的下一步,直到上週她在自己的 Instagram story 裡透露馬上將有驚喜與大家分享,並放了一段影片,畫面中寬廣的空間暗示了新店籌備中的動態,讓她的粉絲們都激動不已。不過今天 Le Chef 雜誌正式報導這家新店會在倫敦,大概讓不少她的法國粉絲們心碎。
🎈Nina 的新店位於倫敦 Elephant and Castle 的 Mercato Metropolitano 美食廣場,該品牌起源於 2015 年米蘭世界博覽會的一個使廢棄老車站重生的永續生活計畫,後來他們將「永續生活」(sustainable living)與在地社區發展的概念延伸,在倫敦的 Elephant and Castle 找到了一個廢棄的紙工廠,將其整理重建,成為一個佔地超過 4,500平方公尺、擁有來自世界各地超過 50 個商家的美食廣場與食材市集。Nina 非常欣賞該品牌的精神,因此當後者提出合作時,她絲毫沒有猶豫便立即答應了。她的新店將提供麵包(由她的品牌自行生產製作)、維也納酥皮麵包與甜點。由於 Mercato Metropolitano 將持續在倫敦擴點,Nina 的品牌也將有另外兩家分店。
延伸閱讀與相關連結:
Nina 為 Café Pouchkine 創作的 2018 年聖誕節蛋糕:https://tinyurl.com/y5df8mx6
2017 年的「Matriochka」俄羅斯娃娃聖誕節蛋糕:https://tinyurl.com/y2qna94r
Nina 的 Instagram 帳戶:https://www.instagram.com/ninametayer/
Mercato Metropolitano:https://www.mercatometropolitano.com/home/
*************
Paris pastry industry and the Parisian food landscape have become more internationalised in recent years. Exotic food has gained popularity, more expats have opened their own shops, and Parisian chefs have started to set their foot abroad. For example, this year from July till September, Harrods invites 4 famous French pastry chefs including Pierre Hermé, Angelo Musa, Yann Couvreur, and Cédric Grolet to come to London and share their signature pastries and desserts with the British. Now there’s a French pastry chef decided to open her very first shop in the UK rather than in her own country.
Nina Métayer, the 31-year-old young pastry chef is one of the most talented and expected in her generation. She was in charge of the sweet creations at Café Pouchkine in Paris. “Matriochka”, her signature, is a mousse cake in shape of Russian dolls, echoing the Russian heritage of the pastry shop and herself. She was selected as “Pastry chef of the year” in 2016 and 2017 by the prestigious magazine “Le Chef” and Gault & Millau guide respectively. Before taking over the pastry kitchen of Café Pouchkine, she was the pastry chef of Grand Restaurant by Jean-François Piège (a Michelin 2-star restaurant) and of Hotel Raphael. Her debut was at Le Meurice, headed by Yannick Alleno and Camille Lesecq.
Her “Île Flottante Exotique” created at Hotel Raphael is the dessert that made her known to the industry. It was credited as one of the “best dessert of the year 2014” by Atabula. She participated the 3rd season of “Qui sera le prochain grand pâtissier?”, a famous French baking competition TV show featuring professional pastry chefs, and got the 3rd place, and then was scouted and recruited by the chef Jean-François Piège. She helped the opening of Grand Restaurant and the latter got its two Michelin stars in the following year. The world has been eager to know her next step after she left Café Pouchkine earlier this year, but she’s been quite discrete until last week. She shared in her Instagram story videos of her new project, a “nice surprise” for her followers. She showed a visit to a huge space and hinted that this could be where she’s going to settle.
The Chef magazine has just confirmed that Nina’s going to open her own shop, however in London, which might have broken the hearts of some of her fans. Situated in Mercato Metropolitano, a street food hall and the first sustainable and inclusive community market in Elephant and Castle, London, Nina’s shop is going to offer fresh bread (produced by her own bakery), viennoiseries, and cakes. Mercato Metropolitano started from a pilot project realised during the 2015 World Expo in Milan. The team has brought back in life an unused railway station which has retained the original appearance of the site and nurtured local communities. The concept was then extended to London and their first site was opened in 2016. Two other sites will be opened soon (both in London) and Nina’s shop will be extended in both sites.
🔖 To know more about Nina and this topic:
The 2018 Christmas cake Nina created for Café Pouchkine : https://tinyurl.com/y5df8mx6
Matriochka, Nina’s 2017 Christmas cake creation: https://tinyurl.com/y2qna94r
Find out more of Nina’s creations on her Instagram account: https://www.instagram.com/ninametayer/
Mercato Metropolitano: https://www.mercatometropolitano.com/home/
#yingspastryguide #paris #london #ninametayer